นางเอ่ยด้วยท่าทีกระชดกระช้อยว่า "ท่านป้าเจ้าคะ โปรดรอสักครู่ เสวี่ยอิ๋งมีเรื่องจะบอกท่าน"
การขัดจังหวะระหว่างพิธียกน้ำชานับเป็นเรื่องเสียมารยาท
แต่หลินเสวี่ยอิ๋งเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของจวนมหาราชาจารย์ มิหนำซ้ำนางยังเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านหญิงมาตั้งแต่เมื่อครั้งเยาว์วัย ดังนั้นนางย่อมมีสิทธิ์ที่จะกระทำเช่นนี้ได้
ซูเฟยเอ่ยถามด้วยความสับสน "ยัยหนู ถ้าหากเจ้ามีอันใดจะพูดก็จงพูดมาเถิด ป้าอย่างข้ายังจะอุดปากเจ้าได้อีกหรือ?"
วาจาเพียงแค่ประโยคเดียว ซูชิงอู่ก็รู้ชัดถึงความโปรดปรานที่แฝงอยู่ในวาจา
ถึงแม้ว่าซูเฟยจะมิได้ก่อกวนงานมงคลของเย่เสวียนถิง แต่หลังจากรู้ตื้นลึกหนาบางแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าพระนางไม่พอใจในตัวซูชิงอู่
เพราะในสายตาของพระนาง ต่อให้เย่เสวียนถิงจะพิการ แต่เขาก็ยังเป็นถึงท่านอ๋องที่สร้างคุณูปการในสนามรบเอาไว้มากมาย
ซูชิงอู่เป็นแค่สตรีท้ายเรือนที่ชื่อเสียงป่นปี้อันแสนจะไร้ค่า
ซูชิงอู่ถือถ้วยน้ำชาเอาไว้โดยมิได้ขยับเขยื้อน
เพราะนางเองก็อยากจะรู้ว่าท่านหญิงจะเอ่ยวาจาอันใด
ถึงแม้ว่าทางด้านของซูเชียนหลิงจะมิได้เอ่ยวาจาใด แต่นางกลับขยิบตาให้หลินเสวี่ยอิ๋งอยู่เป็นระยะ ๆ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคิดจะวางแผนเล่นงานตน
ก่อนที่หลินเสวี่ยอิ๋งจะทันได้เอ่ยสิ่งใด เย่เสวียนถิงก็พลันเดินเข้ามาหยิบถ้วยน้ำชาไปจากมือของซูชิงอู่ แล้ววางลงบนถาดที่แม่นมข้างตัวนางถืออยู่
จากนั้นเขาก็พาซูชิงอู่เดินถอยหลังไปเพียงไม่กี่ก้าวแล้วกดนางลงกับเก้าอี้ว่างข้าง ๆ จากนั้นเขาก็นั่งลงเคียงข้างซูชิงอู่
สีหน้าของเขาเย็นชาและน้ำเสียงก็แหบห้าว "ทีนี้เจ้าก็ค่อย ๆ ว่ามาเถิด"
หลินเสวี่ยอิ๋งโมโหเสียจนหน้าตาแดงก่ำ
นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่นางเห็นญาติผู้พี่ปกป้องสตรีนางใดเช่นนี้
"ท่านป้าเจ้าคะ ท่านน่าจะเคยได้ยินเรื่องคุณหนูรองตระกูลซูมาบ้างใช่หรือไม่? นี่มันอันใดกัน?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนรักทวงแค้น