โอรสสวรรค์ไร้ซึ่งความเป็นส่วนพระองค์ ความเคลื่อนไหวในวังหลังมักจะกลายเป็ น ทิศทางลมในราชสํานัก
บวกเพิ่มกับหลักความคิดชายหญิงแตกต่าง วังหลังของฮ่องเต้ สําหรับขุนนางในราช สํานักแล้วก็เป็นสถานที่ต้องห้าม
ไม่ต้องพูดถึงราชสํานักเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกันแต่อย่างใด เพียงแค่การสืบข่าวก็ยากยิ่งนัก บางคนจึงเพ่งความสนใจไปที่พระญาติแทน
นี่ก็คือเหตุผลที่ทําไมฮ่องเต้ใหม่หลายพระองค์หลังเถลิงราชย์แล้วสิ่งแรกที่ทําก็คือกวาด ล้างเหล่าพระญาตินั่นเอง
ตระกูลเฉิงเป็นตระกูลบัณฑิตที่สัตย์ซื่อมีคุณธรรม ย่อมจะไม่เดินบนเส้นทางของเหล่า พระญาติเป็นธรรมดา แต่มือของเขาก็ยื่นเข้าไปในวังเสียแล้ว ทว่าหากต้องการรู้ความเคลื่อนไหว ของหกตําหนักตะวันออกตะวันตก ก็มิใช่เรื่องง่ายถึงเพียงนั้น
บัดนี้มีฉางซื่อแล้ว เรื่องเกี่ยวกับหลานสาวจากบ้านเดิมของพระชายาองค์ชายสี่เขาจึง ทราบข่าวอย่างรวดเร็วยิ่งนัก
“เด็กสาวผู้นั้นอายุเพียงเจ็ดแปดขวบกระมัง” เฉิงฉือนั่งในห้องหนังสือของเฉิงเซ่า ดื่มชาที่ ฉางซื่อชงด้วยตนเอง สีหน้าเคร่งขรึมขณะสนทนากับฉางซื่อและเฉิงเซ่า “รู้หรือไม่ว่ามีชาติกําเนิด เช่นไรขอรับ”
ในราชวงศ์นี้บุตรสาวจากตระกูลขุนนางขั้นห้าขึ้นไปมิอาจเข้าร่วมการคัดเลือกเป็นชายา ของราชนิกุลได้
5447
“บิดาเป็นขุนคลังขั้นเก้าคนหนึ่ง” สุดท้ายก็เคยรับใช้ในตําหนักเฉียนชิงมาก่อน ครั้นถามก็ ตอบได้ทันที ฉางซื่อกล่าวอีกว่า “เป็นครอบครัวใหญ่มีกันห้ารุ่น มารดาเป็นผู้มีพรครบทุกประการ ที่มีชื่อเสียงในจิงเฉิง มีพี่ชายสี่คน น้องสาวสองคน”
มีพรครบทุกประการ คู่ควรแก่บุรุษยิ่ง ครอบครัวเช่นนี้ เหล่าราชวงศ์ทรงโปรดปรานเป็นอย่างมาก กล่าวอีกนัยได้ว่า เด็กสาวผู้นี้เป็นเด็กที่ตระเตรียมจะถวายแก่หวงไท่ซุนนั่นเอง “โชคดีที่พระองค์ทรงหาครอบครัวเช่นนี้ได้” เฉิงฉือเบ้ปาก ฉางซื่อกล่าวอย่างอดไม่ได้ว่า “เกรงว่าองค์ชายสี่จะทรงทําพระทัยไม่ได้ นายท่านสี่ระวัง ตัวสักหน่อยก็ดี” ทางที่ดีอย่าได้เป็นอริกันและอย่าได้เดินเข้าใกล้เกินไปด้วย”
เฉิงฉือคิดว่าอาสะใภ้ใหม่ผู้นี้ของตนเป็นคนที่รู้การรู้งานผู้หนึ่ง ครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าเป็นหนึ่งในพระอาจารย์สอนหนังสือของหวงไท่ซุน หวงไท่ซุนยังทรงพระราชทานที่นา ส่วนพระองค์แก่ข้าอีกด้วย ต่อให้ข้าไม่อยากล่วงเกินองค์ชายสี่ ถ้าหากองค์ชายสี่ทรงกระทําการ สําเร็จ ใครจะรู้ว่าพระองค์จะทรงดําริอย่างไร ตอนนี้ได้แต่จัดการพระองค์จนถึงที่สุดเท่านั้นแล้ว ล่ะ”
ฉางซื่อนิ่งเงียบไปหลายลมหายใจ แล้วยิ้มขื่นพลางกล่าวว่า “ขุนนางใหญ่ซ่งทําอย่างนี้ ไม่รู้ว่ากําลังช่วยเจ้าหรือทําร้ายเจ้ากันแน่”
เฉิงฉือคิดว่าแม้แต่ฉางซื่อก็รับรู้ถึงใจทะเยอทะยานขององค์ชายสี่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่ซ่งจิ่ง หรานขุนนางใหญ่จากชนชั้นรากหญ้าที่ก่อตั้งตระกูลด้วยมือเปล่าผู้นี้จะไม่ล่วงรู้อะไรเลยทั้งสิ้น
5448
เขาอดกล่าวยิ้มๆ ไม่ได้ว่า “บางทีเขาอาจจะคิดว่าตนหลีกเลี่ยงกระแสลมไปชั่วคราว ถ้า เกิดข้าพลัดตกลงมา ขอเพียงเขายังมีที่สักตําแหน่งหนึ่งในราชสํานัก ก็ดึงข้ากลับไปใหม่ได้…”
หากไม่มีคําเตือนของโจวเสาจิ่น เขาก็จะคิดเช่นนี้
กระทั่งจะรู้สึกยินดีที่ซ่งจิ่งหร่านต้องการกลับบ้านไปไว้ทุกข์ในเวลานี้เลยด้วยซํ้า
แต่พอมีคําบอกเล่าจากชาติก่อนของโจวเสาจิ่น ความปลอดภัยของตระกูลเฉิงกลับเกิด จากราชวงศ์เอง มิใช่เรื่องที่ซ่งจิ่งหร่านจะควบคุมได้อีกแล้ว
ตระกูลเฉิงก็ได้แต่คิดหาทางรอดด้วยตนเอง
เฉิงฉือตัดสินใจ จากนั้นก็ไปพบสือควน
บางทีคงเป็นเพราะองค์ชายสี่จะเสด็จจากเมืองหลวง มีเรื่องต้องทํามากมาย สีหน้า ของสือควนจึงดูค่อนข้างเหนื่อยล้า
ทั้งสองคนพบกันในเหลาสุราเล็กๆ แห่งหนึ่ง สั่งอาหารสองสามจานกับสุราหนึ่งกา
เฉิงฉือด้านหนึ่งดื่มสุรา อีกด้านหนึ่งก็ฟังสือควนพูด “…หากองค์ชายสี่เสด็จไปแล้ว ต่อให้ เสด็จกลับเมืองหลวงมาร่วมงานเฉลิมฉลองของราชวงศ์ก็นับครั้งได้ เครื่องเรือนไม้หลีฮวาใน ตําหนักหลักเป็นพระชายาขององค์ชายที่ทรงโปรดปราน กุหลาบเขียวนับร้อยต้นที่ปลูกไว้หลัง สวนดอกไม้เป็นองค์ชายสี่ที่ทรงโปรดปราน ยังมีดอกซีฝู่ไห่ถังในห้องอุ่นตะวันออก โบตั๋นร้อยปีใน ลานข้างตะวันตก นกยูงคู่นั้นในศาลาปี้อีและอีกมากมาย คงจะเก็บกวาดไม่หมดก่อนกลางเดือน เจ็ดอยู่ดี องค์ชายสี่ทรงเชิญพระอาจารย์สยงไปช่วยพูดต่อเบื้องพระพักตร์หวงไท่ซุน ให้พวกข้าขน ย้ายสิ่งของทั้งหมดได้ ถึงตอนนั้นยังต้องขอใต้เท้าเฉิงช่วยพูดอยู่ข้างๆ สักสองสามประโยคด้วยนะ ขอรับ”
ฟังแล้วเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยแค่กระดิกนิ้วเท่านั้น
5449
แต่เรื่องที่ฮ่องเต้ทรงปฏิเสธแล้ว ราษฎรคนใดจะกล้าแตะเกล็ดใต้คอมังกรนั้นอีกเล่า ทว่าเฉิงฉือกลับตอบตกลงตรงๆ ว่า “…ถึงเวลานั้นจะช่วยพูดให้องค์ชายสี่แน่นอน”
นัยน์ตาของสือควนมีรอยสับสนสายหนึ่งวาบผ่าน แต่พอเห็นเฉิงฉือมีใจกว้างขวาง เขาก็ อดสะกดความสับสนส่วนนี้ลงสู่ก้นบึ้งของหัวใจไม่ได้ ทั้งสองคนพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับการเสด็จไป ครองแคว้นขององค์ชายสี่เล็กน้อย
เฉิงฉือถามถึงเฉิงลู่ว่า “เขาจะติดตามองค์ชายสี่ไปครองแคว้นหรือรั้งอยู่ที่จิงเฉิง”
สือควนใจเต้นตึกตึกแวบหนึ่ง ตอบยิ้มๆ ว่า “เขาเป็นผู้ที่มีเกียรติยศแล้ว จะติดตามองค์ ชายสี่ของพวกข้าไปครองแคว้นเพื่ออะไร”
ตั้งแต่ที่เฉิงลู่ใช้สถานะบุตรเขยของเฉินลี่ผูกสัมพันธ์กับองค์ชายสี่ องค์ชายสี่ก็ทรงรู้สึกดี กับเขาไม่น้อย เมื่อมีงานเลี้ยงในตําหนักก็มักจะเชิญเขามาร่วมงานรื่นเริงเสมอ เขาโน้มน้าวทั้ง ทางตรงและทางอ้อมให้องค์ชายสี่คว้าโอกาส แม้องค์ชายสี่มิได้ตรัสอะไร แต่ก็ทรงยกให้เป็นคนที่ ไว้ใจ ทว่าสือควนกลับมองออก ถ้อยคํามากมายของเขาล้วนสะกิดจุดคันขององค์ชายสี่ทั้งนั้น องค์ชายสี่เสด็จไปครองแคว้น เฉิงลู่เคยบอกว่าจะไปซิ่นหยางกับองค์ชายสี่ ตอนนั้นองค์ชายสี่มิได้ ตรัสว่าอะไร แต่ก่อนถึงกําหนดวันเดินทาง กลับทิ้งเฉิงลู่เอาไว้ บอกให้เขาสอบผ่านคว้ายศ ตําแหน่งโดยเร็วไว จะได้เป็นหัวหน้าขุนนางในแคว้นขององค์ชายสี่
ตอนนี้เฉิงฉือถามขึ้นมาหมายความว่าอะไร เฉิงลู่เป็นบุตรหลานที่ถูกลบนามออกจากตระกูลเฉิง นอกจากนี้ที่เฉิงลู่ถูกลบนามทิ้งยังเกี่ยวข้องกับฮูหยินของเฉิงฉืออีกด้วย สือควนคลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “หรือว่าใต้เท้าเฉิงมีอะไรชี้แนะขอรับ”
5450
“ไม่มีหรอก” เฉิงฉือตอบยิ้มๆ “ข้าเพียงสงสัยเล็กน้อยเท่านั้น” สือควนซักถามอะไรไม่ได้ ได้แต่วางเรื่องนี้เอาไว้ข้างหนึ่ง เฉิงฉือยกยิ้มบางเบา เมื่อกลับถึงบ้านก็สั่งไหวซานว่า “ส่งคนไปจับตาดูเฉิงลู่” ไหวซานฉงน
เฉิงฉือยิ้มเย็นพลางกล่าวว่า “เขามิใช่คนที่ยอมรับชะตากรรมประเภทนั้น หากองค์ชายสี่ ทรงคิดวางแผนอะไร เช่นนั้นเขาก็จะมีความดีติดตามมังกรแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ปล่อยให้ ตนพลาดโอกาสเช่นนี้ไปเป็นแน่ หากพวกเราจับตาดูเขาจะต้องเกี่ยวเก็บอะไรได้บ้างไม่มากก็ น้อย”
เขาจําเรื่องที่โจวเสาจิ่นบอกเขาได้ ชาติที่แล้วองค์ชายสี่ได้รับราชโองการสืบทอดบัลลังก์ จากฮ่องเต้ หากเป็นราชโองการปลอม เช่นนั้นก็ต้องมีคนติดต่อกับตําหนักเฉียนชิงคนหนึ่งเป็นแน่
ชาติก่อนเขาไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด แต่ชาตินี้อาจจะเป็นเฉิงลู่ก็ได้
ไหวซานขานรับว่า “ขอรับ” แล้วถอยออกไป

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน