เข้าสู่ระบบผ่าน

ย่างก้าวสู่วิถีเซียน นิยาย บท 105

บทที่ 105 ออกจากเมืองสวีเจียฟาง

หุ่นเชิดตรงหน้าสูงสามหมี่ครึ่ง

สาเหตุที่ได้ชื่อว่าเทพีหมายเลขหนึ่งก็เพราะเป็นหุ่นเชิดคล้ายมนุษย์ที่มีปีกเหล็กยักษ์อยู่ด้านหลัง เมื่อกางออกก็จะมีความยาวมากกว่าสามหมี่

ที่ด้านหน้าของหุ่นเชิดมีลักษณะคล้ายหน้าอก ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ หูต๋าจึงตั้งชื่อมันว่า ‘เทพี’!

เสิ่นม่านอวิ๋นมีสีหน้าแปลกประหลาดขณะคร่ำครวญถึงชื่อที่หูต๋าตั้งขึ้นมาว่า… ยอดเยี่ยม!

หลินอวี้ครุ่นคิดถึงชื่อดังกล่าวก่อนจะรู้สึกว่าไม่เลว ดังนั้นนางจึงเอ่ยคำจากก้นบึ้งของหัวใจ “เป็นชื่อที่ดี!!”

เพียงมองแวบเดียวหลินอวี้ก็ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น

นางเพียงคิดว่ามันทั้งงดงามและโดดเด่น! ซ้ำยังทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง!

นางมีประสบการณ์ในการใช้หุ่นเชิด ทำให้เพียงแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าหุ่นเชิดนี้เป็นอย่างไร

นอกจากรูปร่างทรงพลังแล้ว สิ่งสำคัญก็คือความเร็วและความคล่องตัวไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

สิ่งสำคัญอีกประการก็คือหุ่นเชิดตัวนี้มีสี่แขน แต่ละข้างสามารถติดตั้งอาวุธได้

เมื่อไม่นานมานี้ สวี่หยางซื้อศัสตราศักดิ์สิทธิ์หลายชิ้นเพื่อติดตั้งให้กับหุ่นเชิดตัวนี้

ตามคำพูดของหูต๋า หุ่นเชิดประเภทนี้เป็นประเภทแข็งแกร่งที่สุดในสำนักของเขา มันถูกแบ่งออกเป็นสองรูปแบบคือทางบกและทางอากาศ

สวี่หยางซื้อรูปแบบทางบกมาไว้แล้ว ตอนนี้มันอยู่ในถุงเก็บของของเขาแล้ว

หุ่นเชิดเวหานี้ถูกสร้างขึ้นตามความต้องการของหลินอวี้โดยเฉพาะ

หุ่นเชิดทั้งสองต่างอยู่ขั้นกลางระดับหนึ่ง

สวี่หยางยังบอกอีกว่าหุ่นเชิดทั้งสองติดตั้งค่ายกลระเบิดเพื่อทำลายตัวเองเอาไว้ด้วย

“พี่สวี่ นี่คือคู่มือการใช้งานของหุ่นเชิด ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในนั้นแล้ว”

หูต๋ารับคู่มือการใช้งานจากหลี่หวั่นพลางเอ่ยถาม “พี่สวี่ เจ้าเจอปัญหาอะไรมางั้นหรือ? การซื้อหุ่นเชิดสองตัวในคราวเดียวนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!”

หูต๋าไม่ใช่คนโง่ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นถึงทำให้สวี่หยางซื้อหุ่นเชิดแบบนี้

สวี่หยางไม่ได้พูดอะไรให้มากความก่อนจะจากไป

หลังจากไปได้ไม่นาน ดวงตาคู่หนึ่งก็สั่นไหว

อดีตถนนหยางหลิ่ว

ภายในอาคารสูง หวงเหวินหลินผู้อยู่ระหว่างการฝึกฝนได้รับการติดต่อ

อีกฝ่ายกำลังบอกข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำของสวี่หยางในวันนี้

“หืม?? ร้านปิดหนึ่งวันเต็ม พอเปิดแล้วทั้งครอบครัวก็ไปภัตตาคาร ตามด้วยไปร้านขายหุ่นเชิดที่อยู่ฝั่งตรงข้าม!”

หวงเหวินหลินขยี้ยันต์สื่อสารพลางหรี่ตา “สวี่หยางผู้นี้กำลังวางแผนการอะไรอยู่กันแน่??”

ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา หลังจากตระเตรียมกำลังคนเพื่อจับตาดูสวี่หยาง เขาก็พบว่าอีกฝ่ายมีตารางเวลาสม่ำเสมอ ทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับภรรยา

สิ่งสำคัญก็คืออีกฝ่ายไม่เคยออกจากเมืองฟาง ทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรได้

“สวี่หยาง เจ้าจะอยู่เมืองฟางไปตลอดชีวิตก็ตามใจ ไม่สิ ไม่จำเป็นต้องรอทั้งชีวิตก็ได้ หลังจากผ่านพ้นปีนี้ไปแล้ว สวีจื่อรั่วก็จะออกเดินทางไปดินแดนลับ หากไม่มีการคุ้มกันจากนาง ยังจะมีใครในตระกูลสวีที่สามารถช่วยเจ้าได้??”

เขาตัดสินใจแล้ว

สวีจื่อรั่วจากไปเมื่อไหร่ เขาจะส่งคนให้ปลอมเป็นโจรไปลักพาตัวสวี่หยาง

เขาอยากตรวจสอบอย่างละเอียดว่าน้องสาวตายได้อย่างไร

ในตอนแรก แม้จะทำการตรวจสอบจนตัดสวี่หยางจากการเป็นผู้ต้องสงสัยไปแล้ว แต่สัญชาตญาณกำลังบอกว่าเรื่องทั้งหมดนี้ยิ่งแปลกประหลาด เพราะอีกฝ่ายเก็บกวาดทุกอย่างหมดจดเกินไป หากเป็นโจรจริง การกระทำนี้ไม่สอดคล้องกับสันดานโจรเลยสักนิด

ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สวี่หยางจะต้องตายเพื่อขจัดความหมกมุ่นในใจเขาให้สิ้นซาก

ผู้บำเพ็ญจะให้ความสนใจกับความเข้าใจทางความคิด ซึ่งความหมกมุ่นนี้จะต้องถูกกำจัดให้หมดสิ้น

ในปีที่ผ่านมา ฝนเริ่มตกมากขึ้น

ในวันที่ฝนตก น้อยคนนักจะออกไปข้างนอก ทำให้กิจการร้านค้าค่อนข้างซบเซา

ภายในบ้าน

สวี่หยางกับภรรยาทั้งสองเพิ่งอ่านจดหมายที่หลินหวั่นชิงส่งมาให้จบ

สวี่หยางขมวดคิ้ว “คาดไม่ถึงว่าหวั่นชิงจะเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้”

เดิมทีหลังจากกลับตระกูลแล้ว นางก็ทำการบำเพ็ญอย่างจริงจังจนพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

ในเวลาเดียวกัน ตระกูลได้ให้สัญญาว่าจะสังหารผู้บำเพ็ญมนุษย์เฒ่าที่ฆ่าน้องสาวของนาง

ทว่าเหมือนผู้บำเพ็ญเฒ่าคล้ายกับรู้ข่าวก่อน จึงออกจากตระกูลหลินหลีกเร้นซ่อนกายไปแล้ว

ผู้บำเพ็ญเฒ่าวางแผนจะฆ่าหลินหวั่นชิงเพื่อแก้แค้น แต่โชคยังดีที่นางมีเคล็ดวิชามากมายจนสามารถหลบเลี่ยงมาได้

หลินหวั่นชิงสงสัยว่าจะมีสายของผู้บำเพ็ญเฒ่าอยู่รอบข้าง

ผู้บำเพ็ญเฒ่าในตอนนี้อยู่ขอบเขตสร้างรากฐานขั้นต้น ทั้งยังเป็นนักปรุงยาผู้มั่งคั่ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาทำงานให้กับตระกูลหลินพร้อมกับยักยอกสมุนไพรและหินวิญญาณเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการจ่ายให้สมาชิกตระกูลหลินบางส่วนเพื่อทำหน้าที่เป็นหูเป็นตา

เมื่อเห็นเช่นนี้ สวี่หยางก็ถอนหายใจ

ความตกต่ำของผู้บำเพ็ญเซียนแห่งตระกูลหลินไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ตัดสินจากความขัดแย้งภายในของตระกูลนี้ ไม่ช้าก็เร็วตระกูลหลินอย่างไรก็ต้องตกต่ำอยู่วันยังค่ำ

ในตอนท้ายของจดหมาย หลินหวั่นชิงยังบอกอีกว่าหวงเหวินหลินตั้งข้อสงสัยในตัวพวกเขาหลังจากหวงหมิ่นตาย การเฝ้าระวังเป็นเพียงหนึ่งในวิธีการเท่านั้น เขาจะต้องลงมือในเร็ววันแน่

ดังนั้น นางหวังว่าสวี่หยางจะพาหลินอวี้กับเสิ่นม่านอวิ๋นไปที่เมืองของตระกูลหลิน

แม้ตระกูลหลินจะอยู่ในสภาพตกต่ำ แต่เมืองของตระกูลหลินตั้งอยู่บนชายทะเลที่มีทำเลดีเยี่ยม ดังนั้นกิจการที่นี่จึงไม่ด้อยไปกว่าเมืองสวีเจียฟาง

“อื้ม ถ้าไปที่นั่น พวกเราก็สามารถช่วยหวั่นชิงได้”

เสิ่นม่านอวิ๋นทิ้งจดหมายขณะเอ่ยเสียงนุ่ม

สวี่หยางลูบมือเล็ก ๆ ของหลินอวี้พลางพยักหน้า เดิมทีแล้วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขากำลังดูแผนที่เพื่อศึกษาว่าจะไปที่ใด

ตอนนี้ดูท่าว่าการไปเมืองของตระกูลหลินจะเป็นหนทางที่เหมาะสมที่สุด

แม้ตระกูลหลินจะตกต่ำและสูญเสียผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตจินตานไปมาก ทว่าก็ยังมีรากฐานอยู่

เหนือสิ่งอื่นใด เมืองของตระกูลหลินมีเส้นชีพจรวิญญาณระดับสามและได้รับการปกป้องจากค่ายกลป้องกันระดับสาม

ตามคำบอกเล่าของหลินหวั่นชิง ค่ายกลระดับสามนี้สามารถรับมือการโจมตีของขอบเขตจินตานธรรมดาได้พร้อมกันสองครั้ง ทำให้รับประกันความปลอดภัยได้ระดับหนึ่ง

ดังนั้น จนถึงตอนนี้เมืองของตระกูลหลินจึงยังไม่เคยเผชิญการรุกรานครั้งใหญ่แต่อย่างใด

หลินอวี้เขี่ยฝ่ามือของสวี่หยางอย่างซุกซน “คำถามตอนนี้ก็คือพวกเราจะหนีรอดจากการจับตามองได้อย่างไร!”

“นั่นสิ ทันทีที่ออกจากเมือง พวกเราก็จะถูกพบตัวจนหวงเหวินหลินมาตามล่าอย่างแน่นอน” เสิ่นม่านอวิ๋นเอ่ยอย่างกังวล

สวี่หยางมองสีหน้ากังวลของภรรยาก่อนจะเอ่ยคำด้วยความแน่วแน่เล็กน้อย “คนที่จับตาดูพวกเราคือผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับแปดที่เชี่ยวชาญการปกปิดกลิ่นอาย ปกติแล้วผู้บำเพ็ญมนุษย์ประเภทนี้ความสามารถในการต่อสู้ไม่ได้แข็งแกร่งนัก!”

หัวใจของเสิ่นม่านอวิ๋นพลันสั่นไหว “ความหมายของสามีก็คือฆ่าเขาสินะ!!”

บทที่ 105 ออกจากเมืองสวีเจียฟาง 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน