ตอนที่ 11 เจ้ายากจนก็เลยมีความชอบธรรมหรือ?
แม้ช่วงขากลับจะไม่ได้เอาหมูป่ากลับมาด้วย แต่ก็ยังคงฝังมันไว้ในดินเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น
หลังจากเดินไปตามถนน สวี่หยางจะเห็นผู้ปลูกถ่ายวิญญาณบางส่วนกลับบ้านพร้อมอุปกรณ์หลายอย่าง
“นี่ สหายเต๋าสวี่ วันนี้เจ้าไปล่าสัตว์มาหรือ?”
“คงได้ของดีมาไม่น้อยเลยนะ!”
“ใครเห็นก็ต้องได้ส่วนแบ่ง พี่สวี่ ไม่บอกกันหน่อยหรือว่าจะมีการล่า”
“พี่สวี่จะไม่ตระหนี่ไปหน่อยหรือ?”
สวี่หยางอยากตบปากคนที่พูดยิ่งนัก
เหตุใดข้าต้องแบ่งเหยื่อที่พยายามล่าอย่างยากลำบากด้วย?
หวังหู่กับพวกจางเถี่ยก็ออกล่ากันแทบตลอด เหตุใดพวกเจ้าไม่เห็นเรียกร้องขอส่วนแบ่งจากพวกนั้นบ้าง?
“ก็แค่นกฟ้าคะนอง ตัวเล็กนิดเดียว ยังไม่พอให้ภรรยาข้ากินด้วยซ้ำ”
แม้สวี่หยางจะหาข้อแก้ต่าง แต่กลับพบว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายเป็นลูกชายของผู้บำเพ็ญมนุษย์เฒ่าในหมู่บ้านซึ่งอยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสอง
เขาไม่ชอบทำนาและปศุสัตว์เท่าไร แต่กลับชอบออกไปเที่ยวและล่าสัตว์ด้วยกันกับหวังหู่ ช่างน่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ได้เรียนรู้อะไรจากการล่าสัตว์เลย จึงมักกลับมามือเปล่าเป็นประจำ
บัดนี้หวังหู่ตายแล้ว แต่ชายผู้นี้ยังทำตัวเหลวแหลกด้วยการจงใจขวางทางสวี่หยาง
สวี่หยางมองไปที่อีกฝ่าย “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“สหายเต๋าสวี่ เจ้าเก็บเกี่ยวมาได้ไม่น้อย แบ่งให้ข้า…”
ก่อนจะทันเอ่ยจบประโยค สวี่หยางก็ขัดอีกฝ่าย “เจ้าอายุน้อยกว่า เรียกข้าว่าพี่สวี่!”
ชายหนุ่มมุ่นคิ้ว เขาเคยติดตามหวังหู่มาก่อน ซึ่งอีกฝ่ายมักพูดอยู่หลายครั้งว่าสวี่หยางเป็นไก่อ่อนที่รังแกได้ง่าย
ครั้งนี้เขาเห็นสวี่หยางล่าสัตว์มาได้ก็เลยคิดว่าจะชิงเนื้อมากิน แต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะทำทีสั่งสอนกลับมา
“ชิ! ข้าจะเรียกเฉพาะกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น เจ้าดีกว่าข้าแค่ไหนกันเชียว?”
ชายหนุ่มสบถคำหยาบคาย
“งั้นก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว” สวี่หยางเดินอ้อมอีกฝ่ายแล้วจากไป
“นี่! ข้ากำลังคุยกับเจ้าอยู่นะ สวี่หยาง เหตุใดเจ้าถึงใจแคบขนาดนี้ ครอบครัวของข้ายากจน แบ่งนิด ๆ หน่อย ๆ จะเป็นไรไป?”
“เจ้ายากจนก็เลยมีความชอบธรรมอย่างนั้นหรือ?”
“เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ปล่อยผ่านไม่ได้หรือไร? อย่าคิดรังแกคนเพราะฐานะยากจนกว่านะ!” ชายหนุ่มถึงขั้นข่มขู่
สวี่หยางยิ้มหยัน “ถ้าเจ้ายากจนแล้วทำไมไม่ตั้งใจทำงาน? ปล่อยให้ที่ดินที่บ้านมันร้างเพื่ออะไร”
ในตอนนั้นเองพ่อเฒ่าของชายหนุ่มก็ก้าวออกมา “เหตุใดต้องโต้เถียงกันด้วย มันก็แค่เหยื่อไม่ใช่หรือ ลูกชายข้ามากด้วยพรสวรรค์ สวี่หยาง เจ้าคงไม่อยากเห็นลูกชายข้าลำบากใช่หรือไม่?”
นี่ปู่ ยืนผิดฝั่งหรือเปล่า?
พอได้ยินว่าผู้บำเพ็ญมนุษย์เฒ่าคนนี้เหลือเวลาอยู่อีกไม่กี่วัน แสดงว่าเรื่องที่ว่าจิตใจเลอะเลือนก็มีมูลอยู่บ้าง
“เลิกพูดจาเหลวไหลแล้วหลีกทางไปเสีย!” ใบหน้าของสวี่หยางเย็นชาขณะแสดงท่าทีไม่พอใจ
พอรู้สึกตัวอีกที เพื่อนบ้านก็เปิดประตูออกมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“สวี่หยาง ครอบครัวของพ่อลูกคู่นี้ไม่ค่อยดีนัก ยังไงซะเจ้าก็กลับมาจากการล่าสัตว์อยู่แล้ว แบ่งให้พวกเขาเสียหน่อยจะเป็นไรไป”
หญิงสาวที่เอ่ยขึ้นมาคนนี้มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับพ่อลูกคู่นี้
แต่ก็มีบางคนพูดแทนใจสวี่หยางว่า “เจ้านี่มันดีแต่พูด เหตุใดไม่แบ่งข้าววิญญาณของตัวเองไปช่วยด้วยเล่า?”
หญิงสาวหยุดพูดทันที ก่อนจะบอกว่าตนเองลำบากยากแค้น แต่อีกประเดี๋ยวกลับบอกว่าข้าววิญญาณมีไม่พอ
แม้จะเห็นผู้คนมากมายรายล้อม แต่ชายหนุ่มที่ขวางทางกลับไม่มีทีท่าสลด ทั้งยังเอามือเท้าสะเอวแล้วเอ่ยอย่างหน้าไม่อาย “ผิดแล้ว สวี่หยาง เจ้าก็แค่ต่อว่าข้า ต่อให้วันนี้เจ้าไม่อยากก็ต้องเอาของมาให้ข้า”
ทันใดนั้นชายหนุ่มสองคนที่กำลังเล่นกันอยู่เมื่อครู่ก็เดินเข้ามา พวกเขาล้วนเป็นอันธพาลประจำถนนสายนี้
“คิดจะเล่นไม้นี้หรือ จ้าวเสี่ยวเอ้อร์” สวี่หยางพยักหน้า “ก็ได้ ก็ได้ มาลองสู้กันสักตั้ง”
จ้าวเสี่ยวเอ้อร์พลันบังเกิดความยินดี “ถ้าข้าชนะ เหยื่อทั้งหมดของเจ้าต้องเป็นของข้า”
สวี่หยางหรี่ตา “เจ้านี่ปากดีเหลือเกิน แล้วจะเอาอะไรมาแลกเปลี่ยนเล่า?”
“ข้ามีเศษหินวิญญาณติดตัวอยู่ห้าสิบก้อน!”
“เหลวไหลสิ้นดี!” สวี่หยางเดือดดาล อีกฝ่ายคิดจะเอาเศษหินวิญญาณห้าสิบก้อนมาแลกกับนกฟ้าคะนองสองตัวอย่างนั้นหรือ? สิ่งที่เขามีอยู่ตอนนี้มีค่าเท่ากับหินวิญญาณสองก้อนเป็นอย่างต่ำด้วยซ้ำ!
แต่ชายหนุ่มก็ยังเห็นดีเห็นงาม เพราะด้วยพละกำลังในตอนนี้จึงไม่จำเป็นต้องกลัวเกรงอีกฝ่าย
ในเวลาเดียวกัน การแสดงความสามารถในครั้งนี้จะทำให้ภายภาคหน้าไม่มีหมาแมวตัวไหนกล้ามาหาเรื่องเขาอีก


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน