เข้าสู่ระบบผ่าน

ย่างก้าวสู่วิถีเซียน นิยาย บท 110

บทที่ 110 สมาคมหู่เวย

“ถ้าเจ้าต่อว่านางก็เท่ากับต่อว่าข้า ขืนพูดอีกรอบเดียว ข้าจะฆ่าเจ้า หากไม่กลัวตายก็ลองดู”

ดวงตาของเสิ่นม่านอวิ๋นวาวโรจน์อย่างมุ่งร้าย

หัวใจของผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเจ็ดแทบหยุดเต้น ความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจ

เขามีความรู้สึกว่าหากหาเรื่องอีกครั้ง เสิ่นม่านอวิ๋นจะต้องลงมืออย่างแน่นอน

“ก็ได้ ก็ได้ แต่เจ้าต้องจ่ายค่าคุ้มครองมาก่อน นี่คือกฎของสมาคมหู่เวย!”

ผู้บำเพ็ญมนุษย์จับจ้องมาทางเสิ่นม่านอวิ๋น จากนั้นกอดอกแล้วข่มขู่ “อย่าคิดว่าการบำเพ็ญของเจ้าเหนือกว่าแล้วข้าจะกลัว! ผู้นำสมาคมของพวกข้าคือหู่เวยซั่งเซียน เป็นยอดฝีมือขอบเขตสร้างรากฐาน”

เสิ่นม่านอวิ๋นขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกลำบากใจ

ความจริง ถ้าเป็นผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตสร้างรากฐานเพียงคนเดียว นางหาได้กลัวเกรงไม่

ทว่าสมาคมหู่เวยนี้เป็นกลุ่มที่มีความชัดเจนคล้ายกับกลุ่มเจ็ดคาบสมุทรที่เคยเป็นพันธมิตรกับจักรพรรดิสัตว์ร้ายตระกูลโจวมาก่อน

เรื่องนี้ยุ่งยากไม่น้อย

“หู่เวยซั่งเซียนหรือ?”

คราวนี้สวี่หยางก้าวออกมาขณะมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชา

เมื่อครู่ เขาส่งกระแสจิตหาหลินหวั่นชิงเพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดจากสมาคมหู่เวยในตอนนี้

หลินหวั่นชิงบอกว่าสมาคมหู่เวยคือกลุ่มเดียวกับที่ก่อตั้งเมืองแห่งนี้ มันถูกก่อตั้งโดยกลุ่มผู้บำเพ็ญธรรมดาเมื่อไม่กี่ปีก่อน

ทว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ต้องขอบคุณตลาดแห่งนี้ที่ทำให้กลุ่มผู้บำเพ็ญธรรมดาเหล่านั้นทำเงินได้มหาศาล แล้วหู่เวยซั่งเซียนซึ่งเป็นผู้นำของพวกเขาก็สร้างรากฐานได้สำเร็จ

ตอนนี้เขาคือทายาทต่างแดนของผู้บำเพ็ญเซียนแห่งตระกูลหลิน และรับผิดชอบการจัดการพื้นที่นี้

ส่วนค่าคุ้มครอง มันคือประเพณีของสมาคมหู่เวย ยามเปิดกิจการ ตั้งแผงลอยหรือแม้กระทั่งเดินทางไปต่างแดนจากที่นี่ก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม

แน่นอนว่าสิ่งที่เรียกว่าค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับภูมิหลัง

หากมีภูมิหลัง แม้กระทั่งหู่เวยซั่งเซียนก็ไม่กล้าทำอะไร

หลินหวั่นชิงบอกว่าเขาสามารถเพิกเฉยได้ เดี๋ยวนางจะเจรจาให้เอง

‘ทั้งที่อยู่ขอบเขตสร้างรากฐานแต่ถึงกับแอบอ้างว่าเป็นเซียน ช่างอาจหาญนัก’

สวี่หยางสบถอยู่ในใจเมื่อทราบเรื่องเหล่านี้

“เจ้าเป็นใคร?”

ผู้บำเพ็ญมนุษย์มองสวี่หยางด้วยความรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะไปหาเรื่องได้

“ข้าคือเถ้าแก่ร้านนี้ ส่วนสองคนนี้คือภรรยาของข้า เจ้าเพิ่งดูถูกนาง ขอโทษพวกนางเสีย”

สวี่หยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

แม้เขาจะต้องการทำตัวไม่ให้โดดเด่น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นฝ่ายยอมยามที่ผู้หญิงของตนเองถูกรังแก!

นี่คือเส้นที่ห้ามล้ำ

“แล้วถ้าข้าปฏิเสธเล่า?”

ฟ่าว!!

ร่มพันกลพลันปรากฏในมือ ปลายของมันเล็งไปที่คอของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำและรวดเร็วปานสายฟ้า

“เช่นนั้นวันนี้ของปีหน้าก็จะเป็นวันครบรอบวันตายของเจ้า!”

ดวงตาของผู้บำเพ็ญมนุษย์เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นการลงมือเมื่อครู่นี้

ในเวลาเดียวกัน ผู้คนรอบข้างคล้ายกับอยากรู้อยากเห็นพลางคาดเดาเกี่ยวกับตัวตนของสวี่หยาง เขาร้ายกาจถึงขนาดไม่กลัวเกรงการแก้แค้นของสมาคมหู่เวยงั้นหรือ?

สวี่หยางย่อมกังวล

แต่หลินหวั่นชิงเพิ่งบอกว่านางสามารถคลี่คลายได้ ถึงอย่างไรนางก็เป็นสมาชิกของตระกูลหลิน ย่อมไม่มีทางพูดจาเหลวไหลอย่างแน่นอน

อีกอย่าง หากประสบกับปัญหาจริงก็เพียงไปจากที่นี่เท่านั้น สรุปก็คือเขาไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นมารังแกภรรยาได้

“สหายเต๋าเข้าใจผิดแล้ว ข้าคิดว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด พวกข้ามาที่นี่เพื่อเก็บค่าคุ้มครองเท่านั้น ข้า… ข้าขอโทษ ข้าขอโทษแล้ว พอใจหรือยัง?”

คราวนี้หลินอวี้เดินเข้ามาด้วยความรู้สึกตื้นตันยิ่ง แต่นางทราบเช่นกันว่าไม่สามารถลงมือที่นี่ได้ หาไม่แล้วก็จะไม่มีโอกาสให้กลับตัวอีก

ดังนั้นนางจึงดึงแขนเสื้อของสวี่หยางเพื่อบอกเป็นนัยว่าให้เก็บร่มพันกล

ฟ่าว!

หลังจากเก็บร่มพันกลแล้ว สวี่หยางก็เอ่ยคำ “ส่วนเรื่องค่าคุ้มครอง หากคนที่นี่จ่าย ข้าก็พร้อมจ่าย แต่ถ้าจะมารังแกข้าซึ่งเป็นผู้มาใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องคุยกันแล้ว เชิญเจ้ากลับไปได้เลย”

เมื่อผู้บำเพ็ญมนุษย์ธรรมดาสามคนรู้ว่าไม่อาจหาผลประโยชน์จากสวี่หยางได้ จึงจากไปทีละคน

หลังเกิดเหตุการณ์นี้ ทุกคนต่างมองออกว่าสวี่หยางไม่ใช่คนที่ควรเข้าไปหาเรื่อง

ซึ่งมันช่วยแก้ปัญหาได้มากโดยไม่รู้ตัว

บางคนที่คิดวางแผนจะเล่นงานสวี่หยางต่างมองหน้ากันแล้วจากไปคนแล้วคนเล่า

ล้อกันเล่นหรือไร พละกำลังที่สวี่หยางกับเสิ่นม่านอวิ๋นแสดงล้วนอยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับแปด!

ยิ่งกว่านั้น สวี่หยางถึงขั้นนำศัสตราศักดิ์สิทธิ์อย่างร่มพันกลออกมา ทำให้ทั้งสองสามารถต่อสู้กับผู้ที่อยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเก้าได้ ด้วยพละกำลังของคนส่วนใหญ่ในที่นี้ย่อมไม่สามารถเทียบเคียงได้

สำหรับสวี่หยาง เขาจงใจปกปิดพละกำลังที่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเก้าเพื่อเก็บงำไพ่ตายเอาไว้

ไม่ว่าอย่างไรขอบเขตกลั่นลมปราณระดับแปดก็เป็นอุปสรรคต่อคนส่วนใหญ่ที่นี่อยู่แล้ว แต่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเก้าไม่อาจเป็นอุปสรรคต่อผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตสร้างรากฐานได้ ดังนั้นพวกเขาจะเปิดเผยหรือไม่มันก็มีค่าไม่ต่างกัน

ขณะสวี่หยางและภรรยาทั้งสองกำลังเก็บข้าวของ เพื่อนบ้านก็เข้ามาเยี่ยมเยียน

“สหายเต๋าผู้นี้จะเป็นเพื่อนบ้านนับจากนี้เป็นต้นไป!” ผู้มาเยือนเป็นผู้บำเพ็ญหญิงสวมชุดสีแดงกับเสื้อคลุม คาดว่ามีอายุประมาณสามสิบปี ดวงตาเฉี่ยวมากเสน่ห์และงดงามประหนึ่งลูกท้อ ทรวดทรงร้อนแรงเปี่ยมด้วยบรรยากาศความเป็นผู้ใหญ่ถึงขีดสุด

“สวัสดี ข้าชื่อสวี่หยาง ส่วนสองคนนี้เป็นภรรยาของข้า หลินอวี้กับเสิ่นม่านอวิ๋น!”

เมื่อเห็นสหายเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มและสุราในมือ สวี่หยางย่อมแสดงความสุภาพเป็นธรรมดา

ส่วนหลินอวี้รินชาให้อีกฝ่ายพลางเชื้อเชิญให้นั่งลง

“สาวน้อยฟ่านเสียวอวี่” ฟ่านเสียวอวี่หัวเราะคิกคักขณะชี้ไปที่ร้านเสื้อผ้าซึ่งอยู่ไม่ไกล “ตรงนั้นคือบ้านของข้าที่เปิดเป็นร้านขายเสื้อผ้า มีทั้งเสื้อคลุมมือหนึ่งและมือสอง คุณภาพสูงราคาไม่แพง แล้วก็ยังมีชุดตัวในกับรองเท้าหลายแบบ ภรรยาทั้งสองของสหายเต๋าสวี่ช่างเหมือนดั่งบุปผาและหยกงาม หากหลังจากนี้มีโอกาสก็แวะเวียนมาซื้อชุดให้ภรรยาของเจ้าได้”

“แน่นอน แน่นอน”

บทที่ 110 สมาคมหู่เวย 1

บทที่ 110 สมาคมหู่เวย 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน