บทที่ 111 หลินหวั่นชิงนิสัยไม่ดี
“โห? ผู้ปลูกถ่ายวิญญาณระดับสองสินะ”
จางฉางหลิ่งคิ้วขมวด แม้ผู้ปลูกถ่ายวิญญาณระดับสองจะยังด้อยกว่าเขาผู้เป็นช่างทำยันต์ แต่ก็ยังได้รับความเคารพอยู่บ้าง
ในตอนนี้ ผู้บำเพ็ญหญิงเฒ่าเข้ามาพร้อมกับชา
ทั้งสองสนทนากันสักพัก
ต่อมา สวี่หยางซื้อยันต์ขั้นกลางระดับหนึ่งสองใบเพื่อสืบหาราคาทางฝั่งของจางฉางหลิ่ง
ในท้ายที่สุดกลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายลดราคาให้ ซึ่งถูกกว่าทางฝั่งของเมืองสวีเจียฟางหนึ่งส่วน
หลังจากซื้อขายเสร็จสิ้น จางฉางหลิ่งก็ยกถ้วยชาจิบช้า ๆ
สวี่หยางจากไปทันที
“สวี่หยางผู้นี้เป็นผู้ปลูกถ่ายวิญญาณระดับสอง ด้วยสถานะเช่นนั้น ไม่ช้าตระกูลหลินจะต้องหันมาสนใจแน่นอน”
หลังจากสวี่หยางไปแล้ว จางฉางหลิ่งก็พึมพำ
ผู้บำเพ็ญหญิงเฒ่าเอ่ยคำ “แม้จะเพิ่งทะเลาะกับคนจากสมาคมหู่เวย แต่สวี่หยางกับภรรยาทั้งสองกลับไม่กลัวเกรงอีกฝ่ายเลย พวกเขาจะต้องมีความสามารถบางอย่างไม่ผิดแน่ ข้าสงสัยว่าการที่เขามาตระกูลหลินในครั้งนี้อาจเป็นเพราะรู้จักใครบางคนภายในนั้นก็เป็นได้”
จางฉางหลิ่งหัวเราะ “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่นอน”
“เพราะเหตุใด?”
จางฉางหลิ่งโยนเสาวรสสามผลที่สวี่หยางเพิ่งให้ไปทางผู้บำเพ็ญหญิงเฒ่า
นางรับเอาไว้อย่างง่ายดายก่อนจะเอ่ยด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม “ขอบคุณนายท่าน”
จางฉางหลิ่งเอ่ยต่อ “หากมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังเขาจริง สมาคมหู่เวยจะไม่ทราบได้อย่างไร? หากมีผู้หนุนหลังเขา เหตุใดพวกเขาถึงต้องมาประจบประแจงพวกเราเล่า?”
“มีเหตุผล”
“สมาคมหู่เวยมาในครั้งนี้ก็เพื่อทดสอบสวี่หยาง รวมถึงอยากทราบว่าเขาอยู่ฝ่ายไหน!”
ผู้บำเพ็ญหญิงเฒ่าครุ่นคิด
จางฉางหลิ่งถอนหายใจพลางเงยหน้ามองท้องนภา จากนั้นจึงเอ่ยคำ “บัดนี้ตระกูลหลินถูกแบ่งออกเป็นสามฝ่าย! ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสรองต่างมีคนของตัวเองที่ต้องสนับสนุน! ส่วนผู้อาวุโสสามเริ่มให้การสนับสนุนหลินหวั่นชิง พวกเราคือคนของผู้อาวุโสใหญ่ แม้จะมีข้อได้เปรียบมากกว่าใคร แต่ก็ต้องระวังหลินหวั่นชิงเอาไว้ ในบรรดาสามฝ่าย ผู้หญิงคนนี้มีแนวโน้มที่จะสร้างรากฐานและเป็นคนที่เข้าสู่ขอบเขตจินตานได้มากที่สุด!”
“ข้าคิดว่าพวกเราไม่ควรฝากความหวังไว้กับผู้อาวุโสใหญ่ หลินหวั่นชิงมีพรสวรรค์มาก นางเข้าสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับแปดด้วยเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ว่ากันว่านางมีความหวังพอที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเก้าได้ภายในสามปี!”
ผู้บำเพ็ญหญิงเฒ่าคาดเดา
“อืม แม้พรสวรรค์ของนางจะสูงส่ง แต่นางก็ห่างจากบ้านไปนาน ทำให้น้อยคนนักที่จะให้การสนับสนุน ผู้อาวุโสใหญ่คือผู้มีอำนาจมากที่สุด หลานชายของเขาได้ทำการฝึกฝนขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเก้าเมื่อหลายปีก่อนและวางแผนจะสร้างรากฐานแล้ว! ทันทีที่สร้างรากฐานได้ ในไม่ช้าหลินหวั่นชิงก็จะ…”
ผู้บำเพ็ญหญิงเฒ่าพยักหน้าพลางครุ่นคิด
“ข้ายังคงคิดว่าพวกเราไม่ควรฝากความหวังไว้ที่ใครคนหนึ่งเพียงผู้เดียว” นางแนะนำ
…
หลังจากสวี่หยางเดินออกไปแล้ว เขาได้ไปเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้านอีกหลายคนซึ่งอยู่ข้างกันก่อนจะกลับโรงเตี๊ยมในที่สุด
โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีขนาดเล็กและบริหารโดยคู่รักวัยกลางคน พวกเขายังเชื้อเชิญสวี่หยางให้อยู่ดื่มด้วยกัน แต่เขาปฏิเสธอย่างสุภาพ
หลังจากทำความคุ้นเคยกับเพื่อนบ้านแล้ว สวี่หยางก็ซื้อซองจดหมายจำนวนหนึ่งแล้วส่งจดหมายถึงหวงเสี่ยวเหมย หวังสวี่เฉียงและหลินไห่ถังตามลำดับ
ความสัมพันธ์ระหว่างหวงเสี่ยวเหมยกับเขาเป็นมิตรภาพบริสุทธิ์ซึ่งแข็งแกร่งที่สุด การสร้างรากฐานในอนาคตของนางเรียกได้ว่าค่อนข้างแน่นอน การผูกมิตรเอาไว้ย่อมเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้า
ในจดหมาย เขาเล่าสถานการณ์ในตอนนี้โดยสังเขปให้หวงเสี่ยวเหมยฟัง เนื่องจากเรื่องพ่อแม่ของนาง ทำให้เขาต้องย้ายมาอยู่ในเมืองเป่ยไห่
สวี่หยางยังสอบถามนางเกี่ยวกับสมุนไพรวิญญาณทั้งหลายสำหรับการสร้างรากฐาน โดยบอกว่าหากมีข่าวคราวอะไร เขายินดีซื้อ เท่าไหร่ก็พร้อมจ่าย
…
หวังสวี่เฉียงคือศิษย์ประจำหน่วยรักษาการณ์ของสำนักชิงหยาง เขามีพรสวรรค์ยิ่งกว่าหวงเสี่ยวเหมยและมีข่าวลือว่าเป็นผู้บำเพ็ญมนุษย์ที่มีแนวโน้มเข้าสู่ขอบเขตจินตานมากที่สุด
ในจดหมายระบุไว้ว่าเขาย้ายมาที่เมืองเป่ยไห่และพร้อมต้อนรับอีกฝ่ายในฐานะแขกทุกเมื่อ
และสุดท้าย เขาเขียนจดหมายถึงหลินไห่ถัง
ตอนนั้น หลินไห่ถังวางแผนจะสร้างรากฐานและได้ทำการขอหลินจือแดงกับหญ้าอวี๋ซิงจากเขา
ตอนนี้เวลาผ่านไปหนึ่งปีกว่า เขาจึงคิดว่าสินค้าค่อนข้างพร้อมแล้วจึงแจ้งอีกฝ่ายไป ทว่าที่ทำไม่ใช่เพื่อเงิน แต่เพื่อสร้างความสัมพันธ์
หากหลินไห่ถังมาเมืองเป่ยไห่ด้วยเหตุผลนี้ ย่อมเป็นการดึงดูดความสนใจของผู้คนที่นี่จนเกิดเป็นความหวาดกลัวอย่างแน่นอน
แม้พละกำลังจะเป็นส่วนหนึ่งในโลกเซียน แต่ภูมิหลังก็สำคัญไม่แพ้กัน
หากมีสหายผู้มีสถานะสูงส่งก็จะได้รับความเคารพอย่างแน่นอน
เมื่อเขียนเสร็จสิ้น เขาก็ทำการส่งจดหมายทั้งสามฉบับ
…
ในระหว่างรับประทานอาหารเย็น กลิ่นอายขอบเขตสร้างรากฐานก็แผ่เข้าสู่ภายในร้านโดยไม่มีการปิดบัง
นี่ทำให้สวี่หยางผู้อยู่ในลานบ้านรู้สึกตกตะลึง
ผู้แข็งแกร่งกำลังมา
เสิ่นม่านอวิ๋นวางชามกับตะเกียบแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าวิตก “เป็นผู้นำของสมาคมหู่เวย เฉินหู่!”
สวี่หยางครุ่นคิดสักพักก่อนจะเอ่ย “เขามาที่นี่คนเดียว คงไม่กล้าทำอะไรหรอก เจ้ารออยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้าไปดูเอง”
ในช่วงบ่าย หลินหวั่นชิงบอกว่านางเรียกให้เฉินหู่มาหาด้วยตัวเองเพื่อบอกว่าเขาจะกลายเป็นผู้ปลูกถ่ายวิญญาณระดับสองของตระกูลหลินในภายภาคหน้า!
เฉินหู่เป็นคนฉลาด ทุกอย่างที่นี่ขึ้นอยู่กับผู้บำเพ็ญเซียนแห่งตระกูลหลิน เขาย่อมไม่กล้าหาเรื่องแต่อย่างใด
แต่ต่อให้หาเรื่องขึ้นมา เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถรับมือได้!
ถึงอย่างไรเฉินหู่เพียงอยู่ขอบเขตสร้างรากฐานขั้นต้น คนที่ไต่เต้าขึ้นมาจากจุดต่ำสุด ย่อมมีความมุ่งมั่นมากกว่าใคร แต่เมื่อเปรียบเทียบกับลูกหลานของตระกูลทรงอำนาจก็ยังนับว่าขาดรากฐานและมีไพ่ตายทรงพลังไม่เพียงพอ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่รากฐาน
แน่นอนว่าตอนที่ได้เห็นเฉินหู่ สวี่หยางก็สังเกตเห็นว่ากลิ่นอายขอบเขตสร้างรากฐานของอีกฝ่ายยังไม่มั่นคง เห็นได้ชัดว่าคุณภาพของยาสร้างรากฐานที่กินไปในตอนนั้นไม่ใช่ของดีมากนัก
“ผู้อาวุโสเฉิน” สวี่หยางทักทายอย่างอบอุ่น
“เถ้าแก่สวี่ ก่อนหน้านี้ลูกน้องของข้ามาที่นี่ พวกเขาเหมือนจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับเจ้าเล็กน้อย!”
“มันไม่ใช่ความเข้าใจผิดเล็กน้อย เขารังแกและดูถูกภรรยาของข้า จึงเป็นธรรมดาที่ข้าจะไม่ไว้หน้าพวกเขา! ผู้อาวุโสเฉิน พวกเราล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน