เข้าสู่ระบบผ่าน

ย่างก้าวสู่วิถีเซียน นิยาย บท 17

ตอนที่ 17 เชื้อเชิญ

หลังจากใช้เวลาร่วมกับสวี่หยาง หลินอวี้ก็เข้าใจนิสัยของเขาว่าไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ถึงความแข็งแกร่งของตน

“โลกนี้อันตราย คงไม่ดีนักหากผู้อื่นทราบถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเรา” สวี่หยางอธิบาย

“ข้ารู้ ข้าไม่พูดจาเหลวไหลหรอก”

“ทำไมถึงถามเรื่องนี้หรือ?”

“ตอนไปซักผ้าเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนบ้านมักจะถามเกี่ยวกับเจ้าว่าความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ใช้วิธีการฝึกตนแบบใด ข้าก็เลยแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง”

สวี่หยางครุ่นคิดสักพัก “อืม ไม่ต้องพูดอะไรหรอก”

“พรุ่งนี้ไปขายปลาเขียววิญญาณทั้งสิบตัวกันเถอะ”

“เก็บไว้ให้ตัวเองห้าตัว เจ้าอาจจะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสามได้ ถึงตอนนั้นเจ้าจะมีร่างกายที่ดีขึ้น”

หลินอวี้ตกตะลึง “จะเสียของเอาน่ะสิ ข้ากินได้แต่ของธรรมดาเท่านั้น”

นี่คือปลาเขียววิญญาณ ตอนพ่อของนางได้มาสองตัว เขาไม่ยอมเก็บไว้กับตัวแล้วนำไปแลกเป็นหินวิญญาณทั้งหมด

“ให้กินก็กินไป เจ้าเองก็ควรบำรุงร่างกายเหมือนกันรู้หรือไม่?”

“อื้ม ขอบคุณสามี” หลินอวี้กอดสวี่หยางไว้แน่น

วันต่อมา สภาพอากาศยิ่งอึมครึม ไม่ช้าก็เริ่มมีฝนตกลงมา

สวี่หยางเห็นรางวัลบนหน้าต่างระบบทันทีที่ลุกขึ้น

[เนื่องจากความแข็งแกร่งของท่านเพิ่มขึ้น ทำให้ภรรยามีความสุขอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นเต้นกับเหตุการณ์ในน้ำเมื่อวานเป็นอย่างมาก ท่านยิ่งทำให้นางพึงพอใจ ส่งผลให้ได้รับคะแนนพิเศษ 80 แต้ม พร้อมกับยันต์ขั้นสูงระดับสอง: ยันต์แสงทอง]

“ฮ่า ๆ แน่นอนว่าการเพิ่มความแข็งแกร่งและทำให้ภรรยามีความสุขเป็นบ่อเกิดของรางวัลจำนวนมาก แต่น่าแปลกที่ของรางวัลเป็นยันต์แสงสีทองขั้นสูงระดับสอง”

หากใช้ยันต์แผ่นนี้อย่างเหมาะสมก็จะสามารถจัดการกับคนที่อยู่ขั้นต้นของขอบเขตสร้างรากฐานได้ แน่นอนว่าการจัดการกับคนที่อยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นปลายย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย!

“อวี้เอ๋อร์ชอบทำในน้ำนี่เอง ข้าเข้าใจ เข้าใจแล้ว!”

ขณะมองยันต์แสงสีทองระยิบระยับในมือ สวี่หยางก็เก็บมันไปอย่างระมัดระวัง

หลินอวี้ห่อปลาเขียววิญญาณห้าตัวอยู่ในห้องครัว จากนั้นหยิบเสื้อกันฝนกับหมวกฟางที่แขวนอยู่บนผนังออกมา ก่อนจะมอบให้สวี่หยาง

“สามี สวมเจ้านี่ไว้ ฝนคงไม่หยุดตกง่าย ๆ”

ถึงสวี่หยางจะสามารถใช้ปราณวิญญาณเพื่อป้องกันไม่ให้โดนฝนได้ แต่การเดินทางไปมานั้นสิ้นเปลืองปราณวิญญาณค่อนข้างมาก ดังนั้นหากเขาไม่แข็งแกร่งกว่านี้ก็คงอดทนไม่ไหว

สวี่หยางรับเสื้อกันฝนและหมวกฟางมาสวม จากนั้นถือกระเป๋าที่ใส่ปลาเขียววิญญาณไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็หยิบเสาวรสมาบางส่วน ก่อนจะข้ามแอ่งน้ำตรงทางเข้าประตูแล้วเดินออกไปทีละก้าว

ผู้คนไม่มากออกมาทำงานที่ทุ่งในวันฝนตก สวี่หยางชื่นชมทิวทัศน์ของบ้านเรือนที่อยู่ระหว่างทาง

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แม้จะเป็นโลกเซียน แต่ชีวิตของผู้บำเพ็ญมนุษย์ทั่วไปก็คล้ายกับชีวิตของมนุษย์

คราวนี้เขามาที่ร้านของเถ้าแก่สวี แต่เมื่อมาถึงประตูก็พบว่ามีผู้คนจำนวนมากอยู่ข้างใน พวกเขากำลังพากันเก็บข้าวของ บ้างก็ย้ายออกไปวางข้างนอก บ้างก็ใส่ในถุงเก็บของราวกับกำลังจะย้ายบ้าน

ก่อนจะทันได้เดินเข้ามาก็ถูกใครบางคนห้ามไว้ “มาซื้อของหรือ?”

“ใช่ ข้ารู้ว่าเถ้าแก่สวีอยู่ที่นี่” สวี่หยางมองชายวัยกลางคนผู้มีท่วงท่าสง่าผ่าเผยในชุดคลุมสีเขียว

“เถ้าแก่สวี” ชายวัยกลางคนตะโกนไปที่ด้านใน

ผ่านไปสักพัก เถ้าแก่สวีก็ปรากฏตัว ใบหน้าของเขาซีดเผือดขณะเดินก้มหน้ามา แม้จะเห็นสวี่หยางก็ยังไม่คิดที่จะทักทาย

“เถ้าแก่สวี กำลังทำอะไรน่ะ? ย้ายร้านหรือ?”

“ใช่ เจ้ายังจำผู้ชายสองคนในร้านของข้าได้หรือไม่? พวกเขาตายแล้ว”

“ว่าอะไรนะ?” สวี่หยางตกตะลึง “เมื่อไม่กี่วันก่อนข้ายังเห็นอยู่เลย เหตุใดพวกเขาถึงได้ตายเสียแล้วเล่า?”

“ฝีมือของผู้บำเพ็ญมารน่ะ ทั้งแก่นแท้และโลหิตต่างเหือดหายไปจากร่างกาย อีกทั้งของมีค่าทั้งหมดในร้านก็หายไป เฮ้อ… หลังจากนี้ก็ระวังไว้ด้วยล่ะ มีผู้บำเพ็ญมารอยู่ในหมู่พวกเรา พวกข้าเลยต้องย้ายร้านไปอยู่ที่เมืองชั้นในซึ่งปลอดภัยกว่าชั่วคราว”

สีหน้าของสวี่หยางพลันเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์

ผู้บำเพ็ญมารคือตัวตนที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าโจร

เพราะนอกจากการปล้นชิงแล้ว พวกเขายังปฏิบัติกับผู้บำเพ็ญมนุษย์ในฐานะอาหารและใช้เลือดเนื้อของพวกเขาเพื่อการฝึกตน

“หากภายภาคหน้าเจ้าต้องการซื้ออะไรก็ไปที่เมืองชั้นใน พวกข้าหอการค้าหลินไห่มีสองสาขาอยู่ที่นั่น” เถ้าแก่สวีถอนหายใจ “จะว่าไป เจ้ามาที่นี่เพื่อซื้ออะไรหรือ?”

“มาขายของน่ะ เมื่อวานข้าจับปลาเขียววิญญาณได้ห้าตัว”

“หืม! เจ้าจับปลาเขียววิญญาณได้แล้วหรือ ช่างมีความสามารถนัก”

เถ้าแก่สวีประหลาดใจ

ชายวัยกลางคนผู้สง่าผ่าเผยที่อยู่ข้างกายก็มองมาด้วยความประหลาดใจเช่นกัน “สิ่งที่ยากที่สุดในการจับปลาเขียววิญญาณก็คือมันมีความคล่องตัวตอนอยู่ในน้ำมาก หากไร้ซึ่งอุบายย่อมไม่สามารถจับได้”

สิ้นคำเขาก็จับจ้องไปที่ปลาเขียววิญญาณ แต่น่าเสียดายที่สวี่หยางรักษาบาดแผลของมันจนหมดแล้ว จึงทำให้สภาพของพวกมันดูปกติดี

“ข้าเองก็มีโชคเหมือนกัน” สวี่หยางไม่เอ่ยมากความ

“อื้ม นอกจากเจ้าจะอยู่ที่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสามเป็นอย่างต่ำแล้ว ก็ยังสัมผัสถึงกลิ่นอายได้ดีด้วยใช่หรือไม่?”

สวี่หยางตกตะลึง ชายวัยกลางคนสามารถเดาได้ถึงขนาดนี้ เขาจึงไม่ปิดบังแล้วพยักหน้า

ชายวัยกลางคนเอ่ยต่อ “เจ้าคือผู้ปลูกถ่ายวิญญาณ แต่กลับมีความแข็งแกร่งขนาดนี้ นับว่ามีพรสวรรค์ไม่เบา ข้าขอถามว่าเจ้าสนใจที่จะเข้าร่วมหอการค้าหลินไห่หรือไม่? พวกข้าหอการค้าหลินไห่มีดินแดนวิญญาณขั้นสูงอยู่ หากเจ้าทำนาในดินแดนดังกล่าว ไม่เพียงไม่เสียค่าเช่าเท่านั้น แต่ยังมีบ้านพักให้อยู่อาศัย สามารถต่อรองเงินเดือนได้ รวมถึงมีหลักประกันความปลอดภัยให้ด้วย”

เถ้าแก่สวีคลี่ยิ้ม “สวี่หยาง เขาคือผู้อาวุโสซ่งเหว่ย ผู้ดูแลแคว้นของหอการค้าหลินไห่ นี่นับเป็นข้อเสนอที่ดีมาก โปรดไตร่ตรองอย่างรอบคอบด้วย”

การตอบสนองแรกของสวี่หยางคือปฏิเสธ

แม้เงื่อนไขการเข้าร่วมหอการค้าหลินไห่นับว่าไม่เลว แต่นั่นต้องแลกด้วยอิสรภาพ

ความลับยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือการกระตุ้นพืชวิญญาณ หลังจากเข้าร่วมแล้วก็จะถูกจำกัดการเดินทาง ทำให้ภายภาคหน้าไม่สามารถซื้อขายพืชวิญญาณได้อย่างอิสระ

เขาเผยสีหน้าสับสนพลางเลียริมฝีปาก จากนั้นถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าเงื่อนไขค่อนข้างดี แต่ข้าคุ้นเคยกับชีวิตในหมู่บ้านไปแล้ว เกรงว่าจะไม่สามารถปรับตัวได้”

“ลองคิดให้ถี่ถ้วนแล้วกัน”

ช่วงนี้ซ่งเหว่ยก็ขาดแคลนแรงงานเช่นกัน เขาจึงย้ำเตือนกับอีกฝ่าย แต่ถ้าสวี่หยางยังไม่รู้สึกรู้สาอีกก็ทำได้เพียงปล่อยวาง

ตอนที่ 17 เชื้อเชิญ 1

ตอนที่ 17 เชื้อเชิญ 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน