ตอนที่ 18 เพื่อนบ้านคนใหม่ เสิ่นม่านอวิ๋น
ในช่วงเช้าตรู่ หลังจากสวี่หยางเพิ่งรับประทานอาหารเช้าเสร็จ หลินอวี้ผู้ออกไปซักผ้ากับเหอฉยงเหลียนกลับถึงบ้านด้วยสภาพหวาดกลัว
“ไป๋จิ่วหลินที่เป็นผู้ดูแลของตระกูลสวีนำคนมาที่นี่เพื่อขับไล่คนที่ยังไม่จ่ายค่าเช่า”
สวี่หยางวางชามและตะเกียบก่อนจะวิ่งออกไปดู
“ฮือ ๆ พวกข้าไม่มีหินวิญญาณแล้ว ให้เวลาเพิ่มอีกเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”
“ขอร้องละ หากพวกข้าออกไปต้องไม่มีที่ซุกหัวนอนเป็นแน่”
“เหลวไหลสิ้นดี คิดจะใช้ความน่าสงสารเพื่อทำให้ตัวเองรอดสินะ! ถ้าอย่างนั้นก็เลือกมาว่าจะเข้าหน่วยบุกเบิกดินแดนของตระกูลสวีเพื่อให้ผู้หญิงกับเด็กเล็กของเจ้ายังสามารถอยู่ที่นี่ต่อได้! หรือจะย้ายครอบครัวไปที่ทะเลสาบพานหยางซึ่งไม่คิดค่าเช่าทำนา”
สวี่หยางคิ้วขมวดหลังจากได้ยินเช่นนี้
ฝั่งทะเลสาบพานหยางเพิ่งถูกยึดครอง ย่อมเป็นเรื่องอันตรายมากที่จะปล่อยให้ผู้ปลูกถ่ายวิญญาณเหล่านี้ไปที่นั่น
ด้วยเหตุนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถจ่ายค่าเช่าที่ดินได้จึงเลือกเข้าร่วมหน่วยบุกเบิกดินแดนของตระกูลสวี
ทันทีที่คนเหล่านั้นจากไป เสิ่นม่านอวิ๋นก็เดินมาแต่ไกล เส้นผมของนางในวันนี้ยุ่งเหยิงในชุดคลุมรัดรูป ชุดดังกล่าวช่วยขับเน้นสัดส่วนร่างกาย ทำให้สวี่หยางอดไม่ได้ที่จะมองอีกหลายครั้ง
“สหายเต๋าสวี่ถึงกับมายืนรอข้าหน้าประตูเชียวหรือ?”
เสิ่นม่านอวิ๋นประสานมือไว้ที่หน้าอกขณะทักทายด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
“สหายเต๋าเสิ่นก็พูดไป ข้าเพียงมาดูผู้ดูแลตระกูลสวีเก็บค่าเช่าที่นี่เท่านั้น”
เมื่อเสิ่นม่านอวิ๋นได้ยินเช่นนี้ นางก็ไปต่อไม่ถูก “สหายเต๋าสวี่ช่างไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย วันนี้ข้าตั้งใจสวมชุดคลุมมา เจ้าไม่รู้จักวิธีเชยชมเลยหรือ?”
สวี่หยางประสานมือ “ข้านับสหายเต๋าเสิ่นเป็นสหายสนิทคนหนึ่ง”
เสิ่นม่านอวิ๋นมีความกล้าหาญมาก สวี่หยางจึงไม่ต้องการสร้างความเข้าใจผิดแก่นางซึ่งจะส่งผลให้หลินอวี้พลอยไม่มีความสุขไปด้วย
หลินอวี้ในตอนนี้รู้สึกขมขื่นเมื่อได้ยินเสียงของเสิ่นม่านอวิ๋นมาจากข้างนอก
อันที่จริง ครั้งก่อนที่เสิ่นม่านอวิ๋นคุ้มกันสวี่หยางมาถึงบ้าน นางรู้สึกว่าอีกฝ่ายชอบพูดติดตลกกับสามี ตอนนี้พอมาเห็นกับตา การคาดเดาของนางก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
“อ้าว แม่นางหลินก็อยู่ด้วย?” เสิ่นม่านอวิ๋นเห็นหลินอวี้เดินออกมา
“ผู้อาวุโสเสิ่น เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”
หลินอวี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
“เฮ้อ ร้านของข้าใกล้จบสิ้นแล้ว ในเมื่อจ่ายไม่ไหวแล้ว ข้าก็จะไม่เช่าต่อ”
สวี่หยางประหลาดใจ “เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?”
“ช่วยไม่ได้ ข้ามาครั้งนี้เพื่อเช่าบ้านหลังถัดจากเจ้า”
บ้านที่นางพูดถึงคือบ้านของโจวปัว ซึ่งอยู่ติดกับบ้านของเหอฉยงเหลียนและอยู่ใกล้เขามาก
“สหายเต๋าสวี่ ข้าสงสัยว่าพวกเราควรเช่าร่วมกันหรือไม่ บ้านหลังนั้นค่อนข้างใหญ่โตไม่เบา”
หลังจากลังเลสักพัก เสิ่นม่านอวิ๋นก็เอ่ยอีก “ทำแบบนี้พวกเราก็สามารถซื้อค่ายกลขั้นสูงระดับหนึ่งร่วมกันได้ ข้าหมายตาชุดหนึ่งเอาไว้แล้ว ราคาเท่ากับหินวิญญาณสามร้อยสี่สิบก้อน นอกจากนี้พวกเรายังสามารถซื้อค่ายกลรวมวิญญาณ รวมถึงซื้อของอย่างอื่นร่วมกันเพื่อประหยัดหินวิญญาณเป็นจำนวนมากได้”
แม้สิ่งที่เสิ่นม่านอวิ๋นกล่าวมาจะนับว่าสมเหตุสมผล แต่สำหรับสวี่หยาง เขาได้ซื้อค่ายกลป้องกันขั้นสูงระดับหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สิ่งเดียวที่ขาดคือค่ายกลรวมวิญญาณซึ่งยังไม่จำเป็นมากนัก
การอาศัยอยู่กับเสิ่นม่านอวิ๋นจะนำความไม่สะดวกมาแน่นอน ดังนั้นสวี่หยางจึงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดซ้ำสอง “ขอโทษด้วย แต่มันไม่สะดวกต่อข้าและภรรยา”
เสิ่นม่านอวิ๋นยืนกราน “สหายเต๋าสวี่ เจ้ายังเชื่อว่าข้าเป็นผู้หญิงอ่อนแออีกหรือ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าเชื่อในตัวสหายเต๋าเสิ่นอยู่แล้ว เพียงแต่ภรรยากับข้าเป็นคู่รักกัน เกรงว่าจะทำตัวสนิทสนมมากไปไม่ได้”
“ข้าไม่ถือ…”
เสิ่นม่านอวิ๋นจนคำพูดไป เจ้าคิดว่าข้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเลยกังวลว่าจะทำตัวไม่ชินหรือ
อันที่จริง หลังจากได้ฟังแล้ว เสิ่นม่านอวิ๋นทราบว่าสวี่หยางเพียงกำลังหาข้ออ้าง
สุดท้ายพวกเขาแค่ไม่อยากอยู่ร่วมบ้านเดียวกันก็เท่านั้น
นางกล่าวอีกสองสามประโยคก่อนจะไปบ้านที่โจวปัวเคยอาศัยอยู่ด้วยความไม่เต็มใจ ผ่านไปสักพัก คนที่รับหน้าที่ขายบ้านจากตระกูลสวีก็เดินมาหา
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เสิ่นม่านอวิ๋นจะเช่าที่นี่
หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงแล้ว เสิ่นม่านอวิ๋นก็มาเชื้อเชิญคนทั้งสอง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน