ตอนที่ 29 เหตุใดจึงละทิ้งหน้าที่?
“สวี่หยาง เจ้าพูดเหมือนที่พูดเมื่อครู่นี้อีกครั้งซิ” ดวงตาของสวีเหล่ยกระตุกด้วยความโกรธ
“สวีเหล่ย แม้ว่าเราจะเป็นเพียงผู้บำเพ็ญมนุษย์ แต่ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎระเบียบไม่ใช่หรือ? ด้วยค่าแรงเพียงเล็กน้อย ยังต้องการให้เราทำอะไรอีก เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร?”
สวี่หยางครุ่นคิดเรื่องนี้ และตระหนักได้ว่าตนทำให้คนผู้นี้ขุ่นเคืองจริง ๆ เขาจะอยู่ที่นี่นานสุดก็ถึงวันที่ห้า หากเขาไม่ต้องกลับมาอีกในอนาคต ก็ไม่ต้องกลัวคนผู้นี้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนเฝ้าทางตะวันตกตายไปหมดแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาทำภารกิจ แค่ทำตามคำสั่งที่ได้รับ เหตุใดถึงต้องพูดจาไร้สาระมากมายถึงเพียงนี้?”
เขาไม่เพียงเป็นลูกหลานของตระกูลสวีเท่านั้น ระดับพลังยุทธ์ยังสูงกว่าของสวี่หยางด้วย แต่อีกฝ่ายกลับกล้าปฏิเสธ!
เคยมีผู้บำเพ็ญคนไหนที่มาทำงานที่นี่ แล้วกล้าทำเช่นนี้กับเขาบ้าง?
“ขออภัย ข้าต้องคอยปกป้องสถานที่แห่งนี้” สวี่หยางส่ายหน้าอีกครั้ง
“เสิ่นม่านอวิ๋น เจ้าต้องไป!”
สวีเหล่ยจ้องมองสวี่หยาง แล้วมองเสิ่นม่านอวิ๋น
เสิ่นม่านอวิ๋นเคยกลัวการทำให้ลูกหลานของตระกูลสวีขุ่นเคือง แต่เมื่อเห็นสวี่หยางทำเช่นนี้ นางก็ส่ายหน้าด้วยความลำบากใจ
“ได้ ได้เลย พวกเจ้าสองคนรอข้าก่อนเถอะ!”
สวีเหล่ยสะบัดแขนเสื้อ หันหลังเดินจากไป
“สวี่หยาง หากเราทำให้สวีเหล่ยขุ่นเคือง เราอาจต้องลำบาก” เสิ่นม่านอวิ๋นพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“เหตุใดเมื่อครู่นี้เจ้าไม่ไปล่ะ?” สวี่หยางยกยิ้ม
“ข้าเห็นว่าเจ้าปฏิเสธ ข้าก็เลยปฏิเสธด้วย”
“อืม ไม่ต้องห่วงหรอก เขาแค่เอาขนไก่ไปทำลูกศร*[1] อีกอย่างมันไม่ใช่ความผิดเราที่ทะเลาะกับเขาครั้งนี้ หากเรายอมเขาหนึ่งครั้ง เกรงว่าคงมีครั้งที่สองสามสี่ตามมาแน่ เช่นนั้นเราควรตกลงหรือ? ฉะนั้นรีบปฏิเสธไปตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า อย่างไรเสีย ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าและข้า เราก็ไม่ต้องกลัวเขาเลย”
“ข้าแค่กังวลว่าเขาจะสั่งให้คนอื่นมาจัดการกับเรา” เสิ่นม่านอวิ๋นกล่าว
“หากเขามีผู้ใต้บัญชาคนอื่นที่นี่ เมื่อครู่นี้เขาคงไม่มาสั่งเราหรอก”
“ก็ถูก…” เสิ่นม่านอวิ๋นเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจ “แต่ข้าไม่คาดคิดว่าพี่หงและสามีของนางจะเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ เราจึงต้องยิ่งระวังให้มากขึ้น หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่นี่ เราจะกลับมาที่นี่อีกไม่ได้แล้ว มันอันตรายเกินไป”
สวี่หยางพยักหน้าเห็นด้วย
ทันใดนั้น…
เขามองลึกเข้าไปในป่าทางด้านซ้ายด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย!
แต่แสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นสิ่งใด แล้วหันหลังเดินกลับไปในบ้าน
เสิ่นม่านอวิ๋นไม่ได้สังเกต ส่วนหลินอวี้กำลังเตรียมอาหารเช้า
ขณะรับประทานอาหาร สวี่หยางก็บอกเสิ่นม่านอวิ๋นตามตรง “มีคนกำลังจับตาดูเราอยู่”
เสิ่นม่านอวิ๋นมองสวี่หยางด้วยความตกใจ “อยู่ไหน?”
“กินข้าวดี ๆ เจ้าก็เป็นเสียแบบนี้…”
หนึ่งชั่วยามต่อมา เสิ่นม่านอวิ๋นก็พาหลินอวี้ออกไป
“เข้าป่าไปเก็บสมุนไพรกันเถอะ สวี่หยาง เจ้ารอพวกเราอยู่ที่นี่นะ”
หลังจากเสิ่นม่านอวิ๋นพูดจบ นางกับหลินอวี้ก็เดินเข้าป่าไป
ตอนกลางวันที่นี่ปลอดภัยมาก เดินเล่น เก็บสมุนไพร หรือล่าสัตว์ในป่าได้ตามต้องการ
สิ่งที่พวกนางไม่รู้ก็คือในขณะที่เดินลึกเข้าไปในป่า มีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมาไม่วางตา
“เฮ้ อวี้เอ๋อร์ เจ้านี่โชคดีไม่น้อยเลย มันเป็นหญ้าหลิงเฉ่าที่มีมูลค่าเท่ากับสี่สิบหินวิญญาณเชียว”
หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นม่านอวิ๋นก็ค้นพบหญ้าหลิงเฉ่าด้วย และตะโกนด้วยความดีใจ
หลินอวี้ตะโกนอย่างตื่นเต้น “ตรงนี้ก็มี!”
“สถานที่แห่งนี้อุดมไปด้วยปราณวิญญาณ ทุกครั้งที่มาก็อย่างไรก็ได้ของดีติดไม้ติดมือกลับไปเสมอ”
ทั้งสองกำลังคุยกัน ทันใดนั้นแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ กระทบที่หน้าอกของเสิ่นม่านอวิ๋นอย่างจัง
“เอ๊ะ?”
เสิ่นม่านอวิ๋นหรี่ตาลง เฝ้าดูแสงสีทองที่พุ่งมา พร้อมกับยันต์ที่เตรียมไว้ในมือซ้ายถูกบดขยี้ ทันใดนั้นชั้นโล่ก็พลันปกป้องนางและหลินอวี้ไว้
“บัดซบ!”
ชายร่างสูงที่มีใบหน้าผอมซูบดูเย็นชา กระโดดออกมา “ยันต์ขั้นกลางระดับสอง คาดไม่ถึงเลยว่าเตรียมการถึงขนาดนี้”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน