บทที่ 41 สินสอดของเสิ่นม่านอวิ๋น
“โห? เจ้าไม่ต้องการหรือ?”
สวี่หยางยิ้มขณะรู้สึกพึงพอใจที่เสิ่นม่านอวิ๋นถ่อมตัวเช่นนี้
ภายภาคหน้า เขาจะมีภรรยาสองคน จึงไม่อยากให้ทั้งสองทะเลาะเบาะแว้งกันเอง
จากนั้นศพก็ถูกเผา
ในที่สุดกองขี้เถ้าก็ถูกโปรยให้ทั่วทุ่งนา กลายเป็นสารอาหารโดยสมบูรณ์
“คนผู้นี้ไม่มีใครหนุนหลังใช่หรือไม่?”
สวี่หยางถามทันทีที่กลับถึงบ้าน
เสิ่นม่านอวิ๋นส่ายหน้า “เขาเก็บตัวอยู่ตลอด”
“ถ้างั้นก็ดี แต่การเก็บเกี่ยวครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จไม่น้อย”
สวี่หยางยิ้ม
“แน่นอนอยู่แล้ว ที่ว่าคนชั่วฆ่าคนได้สายสะพายทองคำไม่ใช่มีไว้แค่พูดเสียหน่อย” เสิ่นม่านอวิ๋นคร่ำครวญ “สหายเต๋าสวี่เก็บของพวกนี้ไว้เถอะ”
“ใจดีกับข้าขนาดนี้เชียวหรือ?”
เสิ่นม่านอวิ๋นเอ่ยคำ “ถึงอย่างไรเจ้าก็ช่วยข้าไว้มาก เจ้าไม่ต้องการหรือ? ถ้าไม่ต้องการ ข้าจะเก็บไว้เองแล้วกัน!”
“นับจากนี้ไปของของข้าไม่ใช่ของของเจ้าหรอกหรือ?”
สวี่หยางตัดสินใจฉวยโอกาสที่ทั้งสองอยู่เพียงลำพังเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับเสิ่นม่านอวิ๋น
ถึงอย่างไร ก่อนหน้านี้หลินอวี้ก็ได้แนะนำเอาไว้แล้ว
ตกกลางดึก
เสิ่นม่านอวิ๋นไม่คาดคิดว่าสวี่หยางจะอาจหาญถึงขั้นเข้ามาสวมกอดเช่นนี้
“กลับไปที่บ้านกันเถอะ”
ก่อนที่เสิ่นม่านอวิ๋นจะทันได้ตอบสนอง นางก็โดนลากเข้าไปในห้องแล้ว
แม้เสิ่นม่านอวิ๋นจะสนใจในตัวสวี่หยางมานานแล้ว แต่สถานการณ์ที่กะทันหันทำให้นางพูดไม่ออก
ก่อนหน้านี้สวี่หยางเล่นจนหนำใจ ทำให้แม้แต่ขาของเสิ่นม่านอวิ๋นอ่อนแรงจนไม่อาจยืนได้อีกต่อไป
แต่คาดไม่ถึงว่าในอึดใจสุดท้าย เสิ่นม่านอวิ๋นจะเอ่ยคำ “อย่าทำแบบนี้… อย่า! สหายเต๋าสวี่ แม้ข้าจะให้สัญญาไปแล้ว แต่ก็ต้องคุยกับน้องอวี้ให้ชัดเจนก่อน”
“ไม่ใช่ว่านางเห็นด้วยหรอกหรือ?”
“ไม่ ข้าต้องการให้ชัดเจนกว่านี้ ข้าไม่อยากให้หลินอวี้ต้องเสียใจ อีกอย่าง… สหายเต๋าสวี่ต้องทราบก่อนว่าข้าเคยถูกชายอื่นหักอกมาก่อน แม้ข้าจะทราบว่าเจ้าเป็นคนดี แต่ข้าก็หวังว่าเจ้าจะคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง”
สวี่หยางนั่งลงขณะสวมกอดเสิ่นม่านอวิ๋น “อย่างนี้นี่เอง ทำไมเจ้าไม่เชื่อใจข้าล่ะ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น…” เสิ่นม่านอวิ๋นหลบสายตาของสวี่หยาง ทันใดนั้นนางก็สวมกอดเขาตอบพร้อมเผยรอยยิ้มสดใส “ถ้าจะทำแบบนี้ ข้าก็ต้องคิดถึงความรู้สึกของอวี้เอ๋อร์ด้วย แล้วในอนาคตข้าก็จะเรียกนางว่าน้องไม่ได้ ถึงอย่างไรนางก็อยู่กับเจ้ามาก่อน ภายภาคหน้านางย่อมมีศักดิ์เป็นพี่”
สวี่หยางลอบครุ่นคิดว่าเสิ่นม่านอวิ๋นช่างเป็นคนมีเหตุผลเสียจริง
ทันใดนั้น เสิ่นม่านอวิ๋นก็ลุกขึ้นแล้วผลักสวี่หยางออกไป “เจ้าออกไปคุยกับพี่อวี้เอ๋อร์ให้เรียบร้อยก่อน หากนางเห็นด้วย ข้าก็พร้อมปรนนิบัติเจ้าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลย”
สวี่หยางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก หลังกลับถึงบ้าน เขาก็พาหลินอวี้ไปที่บ้านของเสิ่นม่านอวิ๋น
ระหว่างทาง สวี่หยางเอ่ยคำพูดของเสิ่นม่านอวิ๋น แล้วหลินอวี้ก็เข้าใจ “พี่เสิ่นช่างเป็นคนดีเหลือเกิน นางกังวลว่าข้าจะคิดมากนี่เอง อีกด้าน นางกังวลว่าถ้าเจ้าได้มาง่ายเกินไปจะไม่รู้จักดูแลรักษาให้ดี”
“เจ้าไม่เชื่อข้าเลยหรือไง”
“ถึงอย่างไรนางก็เคยถูกหักอกมาแล้ว สามีช่วยพูดกับพี่เสิ่นให้ดีเพื่อคลายความสงสัยของนางที่มีต่อเจ้าให้เรียบร้อย ทำแบบนี้ ภายภาคหน้าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าก็จะดีขึ้น หลังจากผ่านไปสิบปี ต่อให้ข้าจะไม่อยู่แล้ว นางก็ยังอยู่กับเจ้าต่อไปได้”
“สิบปีหรือ?” สวี่หยางตกตะลึง
หลินอวี้ยิ้มแล้วเอ่ยคำ “ใช่ ถึงอย่างไรข้าก็เป็นมนุษย์ ต่อให้จะฝึกวิชายุทธ์ ข้าก็ใช้ชีวิตได้มากสุดเพียงร้อยปีเท่านั้น ส่วนเจ้า หากไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นปลาย ในอนาคตเจ้าจะมีอายุอย่างต่ำก็หนึ่งร้อยห้าสิบปี! ความจริง ข้าก็อยากขอให้เจ้าดูแลนางโดยคำนึงถึงเรื่องนี้เอาไว้ให้ดี”
เมื่อกลับถึงห้อง เขาก็ปิดประตู
สวี่หยางมองหลินอวี้แล้วถอนหายใจ “อวี้เอ๋อร์ เจ้าดีต่อข้าเหลือเกิน”
“สามี”
พวกเขามองหน้ากัน ไม่ช้าเตียงก็โยกเยกไปมา
……
“ข้าไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้!”
เสิ่นม่านอวิ๋นผู้อยู่บ้านถัดไปรู้สึกเศร้าโศก ก่อนหน้านี้นางทำให้ว่านไห่หลินขุ่นเคืองก็เลยอยากจากไปเพื่อป้องกันไม่ให้สวี่หยางต้องติดร่างแหไปด้วย
นางเคยคิดว่าเสียงนี้ที่ทำให้ตื่นตอนกลางคืนอยู่ตลอดจะไม่ดังขึ้นอีก แต่ใครจะคาดคิด…
“คืนนี้เสียงของอวี้เอ๋อร์ดังเกินไปแล้ว” เสิ่นม่านอวิ๋นพึมพำ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของนางก็บีบรัด นั่นเพราะนางกำลังจะกลายเป็นภรรยาของสวี่หยาง มันคือสิ่งที่ตนเองทั้งตั้งตารอและหวาดกลัวเล็กน้อย

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน