บทที่ 46 คืนเข้าหออย่างเป็นทางการ
“มนุษย์เยอะยิ่งนัก!!”
ในจัตุรัสของงานชุมนุมทดสอบวิญญาณ สวี่หยางมองพวกเด็กที่มาลงนามกันอย่างคึกคักขณะลอบประหลาดใจ
เมื่อมองไปรอบข้างก็พบว่ามีจำนวนอย่างน้อยหลายหมื่นคน
เขากับเสิ่นม่านอวิ๋นรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของงานชุมนุมทดสอบวิญญาณ นอกจากพวกเขาแล้วยังมีผู้บำเพ็ญธรรมดากับกลุ่มของศิษย์ตระกูลสวีอีกหลายสิบคน
“ดูเหมือนครั้งนี้จะมีผู้บำเพ็ญมาประจำการที่นี่ไม่น้อย”
“ช่างน่าแปลก เหตุใดคราวนี้ถึงได้คึกคักกันนัก?”
มนุษย์หลายคนกระซิบกระซาบกัน
สวี่หยางประหลาดใจเช่นกัน เมื่อได้ยินเช่นนี้ ยิ่งมั่นใจว่าตระกูลสวีจะต้องมีภารกิจอื่นอีกเป็นแน่
เขากับเสิ่นม่านอวิ๋นยืนอยู่บนกำแพงเมืองขณะเฝ้าระวังรอบข้าง
ผ่านไปหลายสิบวัน ผู้คนจำนวนทั้งสิ้นห้าพันคนก็ได้รับการทดสอบ ซึ่งมีเด็กราวสี่สิบคนที่มีรากฐานวิญญาณ
ทั้งสองต่างคร่ำครวญว่าการกลายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนว่ายากแล้ว แต่การมีรากฐานวิญญาณนั้นยากยิ่งกว่า!!
ในบรรดาเด็กห้าพันคน มีเพียงสี่สิบคนที่มีรากฐานวิญญาณ เหตุใดความเป็นไปได้ถึงต่ำเพียงนี้?
“สามี หากไม่มีรากฐานวิญญาณย่อมไม่มีทางกลายเป็นผู้บำเพ็ญเซียนได้งั้นหรือ?”
ในช่วงเย็น หลินอวี้เอ่ยถามอย่างไม่มีสาเหตุ
สวี่หยาง “…”
สวี่หยางกับเสิ่นม่านอวิ๋นมองหน้ากันอย่างเงียบงัน
เพียงพริบตา งานชุมนุมทดสอบวิญญาณก็สิ้นสุดลง ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนเที่ยง สวี่หยางกับเสิ่นม่านอวิ๋นก็เข้าพบผู้อาวุโสอันเซิงเพื่อขอตัวกลับก่อน
“อื้ม ภารกิจที่นี่เรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าสามารถไปได้ ส่วนนี่คือรางวัล! ระหว่างกลับก็ระวังตัวด้วย”
หลังจากได้รับรางวัลเป็นหินวิญญาณแล้ว ทั้งสองก็จากไป
……
“นี่คือบ้านเกิดข้า!”
เมื่อมาถึงเมืองขนาดเล็กซึ่งได้รับการจัดการโดยตระกูลสวี พบว่าปราณวิญญาณที่นี่เบาบางและมีค่ายกลป้องกันเป็นของขั้นสูงระดับหนึ่ง
ประชากรที่นี่มีจำนวนเพียงไม่กี่หมื่นคนเท่านั้น โดยมีผู้บำเพ็ญอาวุโสบางส่วนจากตระกูลสวีคอยประจำการอยู่ที่นี่
เนื่องจากพวกเขายากจน ตระกูลสวีจึงคร้านเกินกว่าจะจัดการ แต่เพราะความยากจนนี้เองที่ทำให้พวกโจรไม่สนใจสถานที่เช่นนี้
เมื่อกลับมาถึงบ้านเกิดอีกครั้ง เสิ่นม่านอวิ๋นก็เต็มไปด้วยอารมณ์อ่อนไหว
ระหว่างทางที่แคบและสกปรก ความทรงจำในอดีตก็ผุดขึ้นในใจ ทำให้นางรู้สึกเศร้าโศกไม่น้อย
พวกเขามาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้น สาวงามผู้หนึ่งก็เปิดประตูกำลังจะเทน้ำล้างเท้า
“ม่านอวิ๋น!”
สาวงามตกตะลึงชั่วขณะเมื่อเห็นเสิ่นม่านอวิ๋น จากนั้นจึงวางน้ำล้างเท้าก่อนจะสวมกอดอีกฝ่าย
“ม่านอวิ๋น ในที่สุดเจ้าก็กลับมา”
“ป้าใหญ่!”
ดวงตาของเสิ่นม่านอวิ๋นเต็มไปด้วยน้ำตา
หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้าบ้าน
ป้าใหญ่ของเสิ่นม่านอวิ๋นมีชื่อว่าหูเฟิ่งหลาน นอกจากนี้ยังมีผู้บำเพ็ญชายอยู่ในห้อง แต่เขามีอายุมากกว่าและอยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับห้า
ทั้งคู่ต้อนรับสวี่หยางอย่างอบอุ่น หลังจากทราบว่าเขาเป็นสามีของเสิ่นม่านอวิ๋น หูเฟิ่งหลานยิ่งให้การดูแลเป็นอย่างดีด้วยความสงสาร
เนื่องจากขอบเขตการฝึกตนของสวี่หยางไม่สูงนักและต่ำกว่าเสิ่นม่านอวิ๋น นางจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดม่านอวิ๋นถึงได้เลือกคนผู้นี้
แต่เนื่องจากเสิ่นม่านอวิ๋นยืนยันว่าจะอยู่กับสวี่หยาง นางจึงพูดอะไรมากไม่ได้
หลังจากรับประทานอาหารและเตรียมจะออกเดินทาง หูเฟิ่งหลานก็นำตำราลับเคล็ดการสร้างยันต์ออกมามอบให้กับเสิ่นม่านอวิ๋น
“ม่านอวิ๋น ในเมื่อหลังจากนี้จะเป็นภรรยาแล้ว ตำราเล่มนี้ก็ขอคืนให้กับเจ้า จำไว้ว่าอย่าให้ผู้อื่นดูเป็นอันขาดเพื่อไม่ชักนำความตายมาสู่ตน”
“ป้าใหญ่ไม่ต้องห่วง”
“ป้าใหญ่ นี่แทนคำขอบคุณเล็กน้อยจากพวกข้า”
สวี่หยางหยิบโสมหญ้าโลหิตสองต้นออกมา
“นี่มัน…”
หูเฟิ่งหลานประหลาดใจเมื่อเห็นโสมหญ้าโลหิตอันล้ำค่าทั้งสอง จากนั้นนางก็ตระหนักได้ว่าผู้บำเพ็ญระดับต่ำนี้อาจจะไม่ใช่อย่างที่ตาเห็นก็เป็นได้
ถึงอย่างไร ผู้บำเพ็ญธรรมดาจะนำของมีค่าออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้หรือ?
“สามีของข้าเป็นผู้ปลูกถ่ายวิญญาณระดับสอง” เสิ่นม่านอวิ๋นอธิบาย
“ข้าเข้าใจแล้ว แต่มันก็มากเกินไป…”
“ป้าใหญ่รับเอาไว้เถอะ ทุกวันนี้ข้าเหลือแค่ท่านเท่านั้นเป็นญาติ เพราะงั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
เสิ่นม่านอวิ๋นเอ่ยคำ
สุดท้ายหูเฟิ่งหลานก็รับมันไป


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน