บทที่ 51 ไก่พ่นไฟกับไก่ทะยาน
“หืม…”
สวี่หยางอ้าปากด้วยสีหน้าประหลาดใจ
อีกฝ่ายเป็นคนเก็บตัวตามที่ลือกันไม่มีผิด
ทว่าทุกคนต่างมีบุคลิกเฉพาะตัว สวี่หยางย่อมไม่คิดมากแต่อย่างใดขณะส่งของขวัญเล็กน้อยให้ด้วยความสุภาพ “ข้าเพิ่งย้ายมาใหม่ เปิดร้านขายของอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ไม่ว่าของที่ท่านต้องการจะเป็นอะไร แม้กระทั่งพืชวิญญาณกับผลไม้วิญญาณก็มีเหมือนกัน”
จากนั้นหูต๋าก็เงยหน้าขึ้น แล้วสวี่หยางก็พบว่าช่างทำหุ่นเชิดมีดวงตาเพียงข้างเดียว ส่วนดวงตาอีกข้างเป็นสีขาว เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บจนตาบอด
มุมปากของเขายกยิ้มจนดูน่าเกลียด “เจ้าช่างใจดีนัก วางของไว้บนโต๊ะได้เลย”
“ได้สิ”
สวี่หยางเหลือบมองโต๊ะที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์หุ่นเชิดทั้งหลายที่เกินกว่าเขาจะทำความเข้าใจได้
“ข้ากำลังยุ่งอยู่ก็เลยไม่มีอะไรจะให้เจ้า หวังว่าสหายเต๋าจะไม่ถือสา” หูต๋าเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำโดยไม่กลัวเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง
“แน่นอนว่าข้าไม่ถือสา ข้าเพียงอยากถามสหายเต๋าว่ามีหุ่นเชิดเวหาบ้างหรือไม่ ข้าอยากซื้อไว้สักตัว” สวี่หยางถาม
“ระดับอะไร?”
“ถ้าเป็นไปได้ก็ระดับสอง”
หากจะซื้อก็ต้องเป็นของดี!!
เรื่องราคาไว้ว่ากัน
น่าเสียดายที่ขณะสวี่หยางกำลังคาดเดา หูต๋าก็ส่ายหน้าขณะเผยแววตาเฉยเมย “หวังสูงเกินไปแล้ว หากข้าสามารถสร้างหุ่นเชิดระดับสองได้จริง มีหรือจะมาอยู่ที่นี่??”
สวี่หยางเผยรอยยิ้มลำบากใจก่อนจะเอ่ยคำ “ถ้างั้นของดีที่สุดของที่นี่คือ…”
“ข้าสร้างได้เพียงหุ่นเชิดขั้นกลางระดับหนึ่งเท่านั้น ส่วนหุ่นเชิดขั้นสูงระดับหนึ่งยังไม่มั่นคงเท่าไหร่ โดยเฉพาะประเภทบินได้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แม้จะทำสำเร็จก็ยังมีข้อบกพร่อง”
เขายันร่างที่สูงโปร่งและไร้ระเบียบขึ้น ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าสกปรก ทั้งยังมีหนอนคืบคลานอยู่บนพื้น
ไม่ช้าเขาก็นำหุ่นเชิดทองแดงรูปทรงอินทรีทะยานออกมาจากหลังบ้าน
ความยาวของมันประมาณสามฉื่อ เมื่อกางปีกออกจะมีขนาดราวสี่ฉื่อ ส่วนจะงอยปากที่ไม่แหลมประกอบด้วยท่อทองแดงหกท่อ มองเพียงปราดเดียวก็ทราบได้ว่าเอาไว้พ่นไฟหรือไม่ก็ยิงอาวุธลับ
สำหรับกรงเล็บของหุ่นเชิดอินทรีทะยาน มันมีถึงสี่ข้าง โดยกรงเล็บด้านหน้าสองข้างมีขนาดใหญ่กว่าเป็นเท่าตัว ข้างหนึ่งเป็นมีดแหลมคม ส่วนอีกข้างเป็นตะขอเหล็ก
กรงเล็บสองข้างสุดท้ายนั้นธรรมดายิ่งกว่า
สวี่หยางพบว่าหุ่นเชิดอินทรีทะยานอาศัยกรงเล็บส่วนหลังในการยืนเป็นหลัก หมายความว่ากรงเล็บส่วนหน้าใช้สำหรับการต่อสู้
สำหรับหน้าอกด้านหน้าของหุ่นเชิดยังมีช่องที่ซ่อนเอาไว้ เช่นเดียวกับส่วนบริเวณหัวของมันที่ดวงตาถูกแทนที่โดยท่อทองแดงหนาขนาดใหญ่สองท่อ
เมื่อมองจากระยะไกล มันดูเหมือนหุ่นยนต์ทองแดงที่มีอาวุธอยู่ทั่วร่างกาย
“หุ่นเชิดประเภทอินทรีหรือ?” ดวงตาของสวี่หยางทอประกาย
หูต๋าส่ายหน้า “มันเป็นประเภทไก่ ข้าเรียกมันว่าหุ่นเชิดไก่พ่นไฟ”
สวี่หยาง “…”
นี่มันชื่อบ้าบออะไรกัน?
แม้เขาจะลอบบ่นหูต๋าอยู่ในใจว่าเป็น ‘ชื่อสิ้นคิด’ แต่เบื้องหน้ากลับเอ่ยปากชม “เป็นชื่อที่ดี มองเพียงปราดเดียวก็รู้เลยว่าสหายเต๋าหูเป็นคนที่รักการอ่านไม่เบา”
หูต๋าเผยรอยยิ้มที่หาได้ยาก เห็นได้ชัดว่าเขาพึงพอใจกับชื่อดังกล่าว
“สหายเต๋าหู เหตุใดเจ้าถึงตั้งชื่อหุ่นเชิดตัวนี้ว่าไก่พ่นไฟหรือ? แล้วเจ้าเพิ่งบอกว่ามันมีข้อบกพร่องบางอย่างด้วย ข้าสงสัยเหลือเกินว่ามันคืออะไร?”
สวี่หยางคิดว่าถ้าข้อบกพร่องไม่ใหญ่เกินไปก็สามารถซื้อได้
ถึงอย่างไรมันก็เป็นหุ่นเชิดขั้นสูงระดับหนึ่ง ซึ่งมากเกินพอที่จะจัดการกับหุ่นเชิดขั้นกลางระดับหนึ่งของโจวอิงได้
“เหตุผลที่มันถูกเรียกว่าไก่พ่นไฟก็เพราะวิธีโจมตีหลักคือการพ่นไฟอย่างไรล่ะ!”
เขาชี้ไปที่ท่อทองแดงในปากของหุ่นเชิดขณะดวงตาฉายแววเย็นเยือก “ส่วนเหล่านี้สามารถพ่นไฟออกมาได้ โดยเฉพาะบริเวณดวงตา ข้าได้ติดตั้งค่ายกลอัคคีขั้นกลางระดับหนึ่งกับค่ายกลติดตามกลิ่นอายเอาไว้ ทันทีที่พบเป้าหมาย ดวงตาของมันก็สามารถตามรอยศัตรูได้ทันที”
“ตามรอยศัตรูได้ทันทีหรือ? ว้าว ของดีมาก”
สวี่หยางพยักหน้า หุ่นเชิดหลายแบบมีสภาพเงอะงะจนต้องควบคุมเพื่อโจมตีเป้าหมาย แต่ตัวนี้สามารถตามรอยศัตรูได้ทันที
ในตอนนี้ สวี่หยางมองหูต๋าด้วยสายตาคาดหวัง
หรือว่าช่างทำหุ่นเชิดผู้ชอบเก็บตัวประหลาดผู้นี้จะมีบางอย่างที่พิเศษ!
“นอกจากนี้ การโจมตีอีกอย่างก็คือกรงเล็บอันแหลมคมของมัน”
เขาชี้ไปที่กรงเล็บแหลมคมทั้งสองที่อยู่ข้างหน้า “กรงเล็บเชื่อมต่อกับบริเวณที่เปลวเพลิงถูกปล่อยออกมาและสามารถดูดซับความร้อนได้ ดังนั้นนอกจากจะแหลมคมแล้ว ยังมีอุณหภูมิสูงอีกด้วย กรงเล็บเพียงข้างเดียวก็สามารถละลายเหล็กธรรมดาและสร้างบาดแผลรุนแรงได้! นอกจากนี้ยังมีค่ายกลรวมอัคคีอยู่บริเวณหน้าอก รวมถึงที่ส่วนหัวกับคอของมัน ทันทีที่หุ่นเชิดถูกล้อมเอาไว้ มันจะพ่นเปลวเพลิงออกมาเพื่อปกป้องตัวเอง!!”
“แน่นอนว่ามันสามารถทำลายตัวเองได้ หากมันรับรู้ว่าไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้ แกนกลางของมันจะระเบิดเพื่อทำให้ศัตรูถึงแก่ความตาย! พลังจากการระเบิดถึงขั้นส่งผลกระทบแม้แต่กับขอบเขตสร้างรากฐานธรรมดาเช่นกัน!”
สวี่หยางตกตะลึง!!!
ของดี แค่ได้ฟังก็ทำให้รู้สึกแล้วว่าเป็นของดี
“เป็นอย่างไร?”
สวี่หยางพยักหน้า “แล้วข้อบกพร่องล่ะ?”
“เฮ้อ ข้อบกพร่องก็คือข้าติดตั้งค่ายกลอัคคีมากเกินไป ทำให้ไม่รู้ว่าจะรักษาพลังงานอย่างไร ส่งผลให้หุ่นเชิดตัวนี้ผลาญหินวิญญาณค่อนข้างมาก มันต้องใช้หินวิญญาณขั้นต่ำแปดสิบเอ็ดก้อนเพื่อสนับสนุนการต่อสู้เป็นเวลาหนึ่งก้านธูป”
เขาเปิดด้านหลังของหุ่นเชิดออกก่อนจะพบช่องอยู่ข้างในซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไว้ใส่หินวิญญาณ



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน