บทที่ 58 ภรรยาจะต้องคุกเข่าขอความเมตตา
“ปล่อยให้เขาตายเช่นนี้ มันง่ายเกินไปจริง ๆ”
เมื่อมองซากศพแล้ว สวีอันอู๋ก็มีสีหน้ารังเกียจ เขามักจะเคารพกู่พานเจียงมาก ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ก็รู้สึกว่าไร้สาระจริง ๆ
ในขณะเดียวกัน เขาก็คิดเรื่องต่าง ๆ มากมาย
“ไม่น่าแปลกใจที่มักจะมีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้นที่นี่ อันดับแรกเป็นเหยี่ยวเลี่ยอวี๋ แล้วก็เป็นปลาจวี้ฉือ ข้าขอบอกว่า ไม่ว่าตระกูลโจวจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่อาจส่งสัตว์อสูรจำนวนมากมาอย่างเงียบ ๆ เห็นได้ชัดเลยว่าเขานั่นแหละที่เป็นคนทำ”
สวีอันอู๋ด่าเบา ๆ
“ผู้อาวุโส ที่บ้านของกู่พานเจียง เราพบเสื้อผ้าสตรีหลายชิ้น ซึ่งเป็นของผู้หญิงที่ถูกสังหารขอรับ”
“เอ๊ะ???”
ทุกคนรีบไปดู แล้วพบว่าที่นี่มีเสื้อผ้าผู้หญิงเยอะมาก ทั้งกางเกงชั้นใน ที่รัดหน้าท้องและอื่น ๆ อีกมากมาย
สวี่หยางจำได้ว่าก่อนที่เขาจะมาที่นี่ มีข่าวลือว่ามีผู้หญิงถูกฆ่าตายหลายคน หลังจากถูกกระทำชำเรา ตอนนี้ดูเหมือนว่าฆาตกรจะเป็นกู่พานเจียง
“น่าเสียดายที่ไม่พบป้ายควบคุมสัตว์อสูรในตัวสามคนนี้ และหนูสุ่ยหลิงก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว!”
สวีอันอู๋ถอนหายใจ แล้วส่ายหน้า
เมื่อพบศพของกู่พานเจียง ถุงเก็บของก็ถูกทิ้งไว้ที่นั่น สวี่หยางจงใจทิ้งมันไว้ แต่สวี่หยางได้เอาของมีค่าทั้งหมดออกไปแล้ว
……
ตอนกลางคืน
สวี่หยางบอกภรรยาสองคนของเขาในบ้านว่า เขาได้รับป้ายควบคุมสัตว์หนูสุ่ยหลิงแล้ว
ทันใดนั้นที่ลานบ้าน หนูสุ่ยหลิงตัวเท่าแมวก็ค่อย ๆ โผล่หัวออกมาจากหลุมบนพื้น แล้วมองสวี่หยางด้วยสีหน้าหวาดกลัว
หลินอวี้และเสิ่นม่านอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจทันที
“นี่คือหนูสุ่ยหลิงหรือ?”
“มันดูน่ารักแปลก ๆ นะ” หลินอวี้อยากรู้อยากเห็น
“อย่าหลงกลหน้าตาน่ารักของมันเชียว เจ้าตัวนี้ดุร้ายมาก ฟันของมันสามารถบดขยี้กระดูกคนได้อย่างง่ายดาย ข้าเกือบจะโดนมาแล้ว” สวี่หยางกล่าว
“เช่นนั้นหากใช้ป้ายควบคุมสัตว์อสูรตอนนี้ มันจะถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์ใช่หรือไม่?” เสิ่นม่านอวิ๋นถาม
“แน่นอน!” สวี่หยางกล่าว แล้วสั่งหนูสุ่ยหลิง “ยืน!”
หนูสุ่ยหลิงลุกขึ้นยืนทันที
ความจริงแล้วมันอยากปฏิเสธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มันรู้ดีว่าผลที่ตามมาจากการไม่เชื่อฟังจะเป็นอย่างไร
จากนั้นสวี่หยางก็ออกคำสั่งง่าย ๆ อีกเล็กน้อย และหนูสุ่ยหลิงก็ทำได้ดี
สวี่หยางจึงหยิบเนื้อสัตว์ชิ้นเล็ก ๆ ออกมา แล้วมอบให้หนูสุ่ยหลิง
ดวงตาของหนูสุ่ยหลิงเป็นประกาย ก่อนจะรีบหยิบเนื้อนั้นขึ้นมาเริ่มแทะกิน
หนูสุ่ยหลิงก็เป็นหนูสายพันธุ์หนึ่ง มันคือสัตว์อสูรที่กินทุกอย่าง กินทั้งข้าววิญญาณ เนื้อวิญญาณและผลไม้ทุกชนิด ดังนั้นจึงให้อาหารได้ง่ายมาก
แน่นอนว่าหากต้องการให้มันแข็งแกร่งขึ้น ก็ต้องให้มันกินอาหารดี ๆ หรือต้องป้อนผลไม้วิญญาณ หรือโอสถวิญญาณให้กับมันเป็นครั้งคราว เพื่อที่มันจะได้พัฒนาเร็วขึ้น
หลังจากที่เรื่องนี้คลี่คลายแล้ว ท่าทีของภรรยาทั้งสองก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ในตอนกลางคืน ทั้งสองคนรีบอาบน้ำให้สะอาด แล้วประแป้งหอมจนฟุ้ง
ทันทีที่สวี่หยางเข้ามาก็ทำจมูกฟุดฟิด “พวกเจ้าเปลี่ยนแป้งหอมกันหรือ?”
“ใช่ นี่คืออันที่คุณหนูสวีจื่อรั่วมอบให้เราในวันนี้”
หลินอวี้ยกยิ้ม
“สามี หากเจ้าอาบน้ำเสร็จแล้วก็รีบเข้านอนเถอะ พี่อวี้รอไม่ไหวแล้ว”
เสิ่นม่านอวิ๋นยิ้มอ่อนโยน เมื่อนางพูดเรื่องนี้ แก้มของนางก็แดงก่ำด้วยความเขินอาย ขณะบิดขายาวเรียวไปด้วย เห็นได้ชัดว่านางแทบจะรอไม่ไหวเช่นกัน
หลินอวี้พ่นลมหายใจ “อวิ๋นเอ๋อร์ ข้าคิดว่าเจ้าก็รอไม่ไหวแล้วเช่นกันนะ”
ทันทีที่สัมผัสใต้ผ้าห่ม หลินอวี้ก็อุทาน “แฉะยิ่ง…”
ใบหน้าของเสิ่นม่านอวิ๋นเปลี่ยนเป็นสีแดงกว่าเดิม “เหลวไหล”
เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว สวี่หยางก็รู้สึกตื่นเต้นมาก “เอาละ เอาละ ถึงอยากหนี พวกเจ้าก็หนีไปไหนไม่ได้แล้ว ตอนนี้ใครจะเริ่มก่อน”
“นั่นต้องเป็นอวิ๋นเอ๋อร์แล้วละ!” หลินอวี้พูดด้วยรอยยิ้ม
เสิ่นม่านอวิ๋นกัดฟันพูด “สหายเต๋าสวี่ ข้าแทบจะรอไม่ไหวแล้วจริง ๆ แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะ… เสร็จเร็วเกินไป”
สวี่หยาง “…”
“ว้าว เจ้าประเมินข้าต่ำไปจริง ๆ”
สวี่หยางเป็นดั่งหมาป่าหิวโหยกระโจนเข้าใส่อาหารจานโต
ไม่นานก็มีเสียงกระทบเป็นจังหวะดังก้องไปทั่วห้อง
หนึ่งชั่วยามต่อมา สวี่หยางเดินออกมาที่ห้องโถง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน