บทที่ 61 ตระกูลโจวโจมตี เมืองสวีเจียฟางตกอยู่ในอันตราย
“หือ? ให้ข้าทำเป็นไม่เห็นงั้นหรือ?”
ภายในร้าน
เมื่อสวี่หยางเห็นข้อความที่สวีจื่อรั่วส่งมา เขาก็ตกใจมาก
เมื่อสมาชิกของตระกูลโจวสี่คนแอบเข้ามาที่นี่ สวีจื่อรั่วบอกว่าเขาควรแกล้งทำเป็นไม่เห็น และเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตอันใกล้นี้
“ดูเหมือนว่าตระกูลสวีกำลังจะเดินหมากครั้งใหญ่”
สวี่หยางไม่ได้โง่ เขาวิเคราะห์ประเด็นสำคัญอย่างรวดเร็ว
ไม่มีทางที่ตระกูลสวีจะไม่รู้สถานการณ์ตอนนี้ นั่นหมายความว่าพวกเขาเลือกที่จะไม่จัดการ แต่วางแผนที่ใหญ่กว่านั้น
“พวกเขาจะทำอะไร?”
ตอนนี้ทุกคนต่างบอกว่าตระกูลสวีอ่อนแอ และกำลังจะทิ้งชานเมืองฟางในไม่ช้า เรื่องนี้ทำให้กลุ่มเจ็ดคาบสมุทรและตระกูลโจวกล้าที่จะโจมตีเร็วขึ้น
เมื่อต้องเผชิญกับคนแปลกหน้าที่หลั่งไหลกันเข้ามาอย่างกะทันหัน ตระกูลสวีนอกจากจะไม่ต่อต้านแล้วยังเปิดเผยเรื่องนี้ต่อโลกภายนอกอีกด้วย นั่นแสดงให้เห็นถึงความเสียเปรียบ พวกเขาจึงเริ่มล่าถอยและละทิ้งชานเมือง
ทันใดนั้นสวี่หยางก็ตระหนักได้ “ปิดประตูตีแมวหรือ??”
“ใช่แล้ว ตระกูลสวีรอให้ศัตรูเข้ามาให้มากที่สุดแล้วค่อยเผด็จศึก! ทำเช่นนี้สามารถเพิ่มความเสียหายให้กับศัตรูอย่างหนักได้”
“แต่ว่า ตระกูลสวีจะทำอย่างไร?”
สวี่หยางไม่รู้ แต่เขารู้สึกว่าชัยชนะจะต้องเป็นของตระกูลสวีแน่นอน
……
“เจ้าเด็กสวี่หยางคนนั้น เหมือนว่าธุรกิจจะเป็นไปได้ด้วยดี”
โจวอิงเดินทอดน่อง ขณะพูดคุยกับสหายรอบกาย
“ผู้อาวุโสโจวอิง หากท่านต้องการลงมือ คืนนี้พวกข้าจะ…”
ผู้บำเพ็ญหญิงที่อยู่ข้าง ๆ แสดงสีหน้าดุร้าย
โจวอิงส่ายหน้า “เรื่องสวี่หยางนั้นนับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เป้าหมายหลักของเราคือการยึดชานเมืองฟางต่างหาก! ถ้าเรายึดที่นั่นได้ อำนาจของตระกูลสวีก็จะลดลง ไม่ช้าก็เร็วต้องมาขอเจรจาสงบศึกกับเราแน่นอน! เมื่อถึงเวลานั้น สวี่หยางก็อยู่ในกำมือของข้า ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เราต้องทำเป้าหมายหลักของเราให้ลุล่วงเสียก่อน”
“ผู้อาวุโสโจวอิงพูดถูกต้อง!”
ผู้บำเพ็ญมนุษย์ที่อยู่รอบกายไม่พลาดที่จะเอ่ยยกยอทันที
“ไม่ต้องรีบร้อน ช่วงหลายวันมานี้ ที่ฝั่งทะเลสาบพานหยาง พวกเราผนึกกำลังกับกลุ่มเจ็ดคาบสมุทรแล้ว ผู้บำเพ็ญตระกูลหลี่ได้เพิ่มการรุกคืบเข้ามา คาดว่าสมาชิกอาวุโสของตระกูลสวีที่นี่จะเข้าไปช่วยสนับสนุนในไม่ช้า ถึงเวลานั้นก็จะถึงคราวของเราลงมือ!”
……
สามวันต่อมา มีข่าวที่น่าตกใจเกิดขึ้น
ที่ทะเลสาบพานหยาง ตระกูลสวีพ่ายแพ้ ฐานทัพถูกทำลายจนย่อยยับ ค่ายกลระดับสองถูกทำลายโดยปรมาจารย์ค่ายกลหลายคนจากตระกูลโจว ตอนนี้อำนาจของตระกูลสวีเข้าขั้นวิกฤต
ในเวลาเดียวกัน ผู้บำเพ็ญของตระกูลหวงก็อยู่ภายใต้แรงกดดันจากผู้บำเพ็ญตระกูลหลี่และลดการสนับสนุนลง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ตระกูลสวีต้องถึงคราวพินาศแน่
แต่ผู้บำเพ็ญตระกูลหลี่ประกาศเน้นย้ำว่าตระกูลสวีรังแกผู้อื่นมากเกินไป ศิษย์บางคนยั่วยุคนในตระกูลหลี่ จึงต้องการคำอธิบายจากตระกูลสวี
ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลม ต่างก็เห็นว่าสิ่งที่ผู้บำเพ็ญตระกูลหลี่พูดนั้นเป็นเพียงข้ออ้าง ชัดเจนว่าเป้าหมายคือการเข้ามาแทรกแซงในเรื่องนี้ เพื่อผลประโยชน์สูงสุด
“ตระกูลสวีจบสิ้นแล้ว…”
“ขายบ้าน ขายบ้าน ใครอยากได้…”
“ประกาศขายร้าน!”
“จัดคณะเดินทางไปเมืองสวีเจียฟางในราคาถูก สนใจติดต่อ…”
เมื่อมีข่าวร้ายเกี่ยวกับตระกูลสวีแพร่สะพัด ความวุ่นวายในเมืองจึงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บ้างขายบ้านราคาถูก บ้างขายร้าน และอีกหลายคนยอมจ่ายเงินเพื่ออพยพหนีจากเมืองฟางไปให้เร็วที่สุด
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์นี้ ตระกูลสวีไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากพยายามป้องกันเมืองอย่างสิ้นหวัง
แต่ในสายตาคนอื่น ๆ นี่ไม่ต่างจากการดื่มยาพิษดับกระหาย เพราะการป้องกันเหล่านี้ไม่มีประโยชน์เลย เนื่องจากผลลัพธ์สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของแต่ละคน
สามวันผ่านไป ในที่สุดตระกูลสวีก็ประกาศว่าหัวหน้าตระกูล สวีฉางหลง จะไปสมทบที่ทะเลสาบพานหยาง
มีผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตจินตานสองคนในตระกูลสวี คิดว่าคงเป็นสวีฉางหลงผู้เป็นหัวหน้าตระกูล และอีกคนเป็นผู้อาวุโสที่อายุน้อยกว่า ที่เป็นคนคิดค้นยาเมื่อห้าปีก่อน
โดยผู้อาวุโสคนนี้ ประจำการอยู่ที่ทะเลสาบพานหยาง กล่าวคือหลังจากที่สวีฉางหลงไปสนับสนุน คนที่มีความแข็งแกร่งในการต่อสู้สูงสุดในเมืองฟาง จะเป็นผู้อาวุโสเพียงไม่กี่คนขอบเขตสร้างรากฐานเท่านั้น
“ในที่สุดสวีฉางหลงก็ไปสักที นี่เป็นโอกาสอันดีสำหรับเรา”
บนยอดเขาในเขตชานเมืองสวีเจียฟาง กลุ่มผู้บำเพ็ญมนุษย์กลุ่มหนึ่งเหาะอยู่กลางอากาศ
คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากผู้บำเพ็ญมนุษย์ตระกูลโจวและกลุ่มเจ็ดคาบสมุทร
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน