บทที่ 80 ผู้อยู่เบื้องหลังการระบาดของศัตรูพืช
“สหายเต๋าสวี่ สหายเต๋าหลินหวั่นชิง เชิญเข้ามา”
น้ำเสียงอ่อนโยนของสวีจื่อรั่วดังก้องในหูของทั้งสอง
สวี่หยางพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในลานบ้าน
สวีจื่อรั่วสวมชุดสีชมพูเรียบง่ายขณะดื่มชาอย่างไม่รีบร้อน
“สหายเต๋าทั้งสองเชิญนั่ง”
“ขอบคุณคุณหนูใหญ่” สวี่หยางนั่งลง
“สหายเต๋าสวี่ ข้าขอแนะนำให้รู้จัก คนผู้นี้คือผู้บำเพ็ญมนุษย์หลินหวั่นชิง นางมาที่บ้านของพวกข้าเมื่อไม่นานมานี้ ตอนนี้เป็นทั้งผู้ปลูกถ่ายวิญญาณและผู้กำจัดแมลงของตระกูลสวี” สวีจื่อรั่วแนะนำ
“โห?? สหายเต๋าก็เป็นผู้ปลูกถ่ายวิญญาณเหมือนกันสินะ” สวี่หยางมองหลินหวั่นชิงแล้วจดจำกลิ่นอายของนางเอาไว้อย่างเงียบงัน
แม้หลินหวั่นชิงจะปกปิดพละกำลังเอาไว้ แต่ด้วยจิตเทวะอันทรงพลัง ทำให้สวี่หยางสามารถรับรู้กลิ่นอายได้ทันทีที่สังเกตเห็น
“สหายเต๋าสวี่ เจ้าบอกข้าเมื่อวานว่าการระบาดของศัตรูพืชครั้งนี้เป็นฝีมือของมนุษย์ ความจริงสหายเต๋าหลินหวั่นชิงก็บอกเรื่องนี้กับข้าเมื่อนานแล้วเหมือนกัน ข้าได้ทำการลอบตรวจสอบดูแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่พบอะไร ดังนั้นข้าจึงเชิญเจ้ามาหารือร่วมกัน”
หลินหวั่นชิงมองสวี่หยางขณะดวงตาทรงผลซิ่ง*[1] งดงามทอประกาย “สหายเต๋าสวี่ เจ้าพบเบาะแสอะไรหรือไม่”
“พอจะมีเบาะแสอยู่ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นฝีมือของใคร แล้วทางฝั่งของสหายเต๋าหลินเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ก่อนที่ศัตรูพืชจะระบาด ผู้กำจัดแมลงบางส่วนหายตัวไปอย่างลึกลับ อุบายที่อีกฝ่ายใช้แนบเนียนยิ่งนัก ส่วนแรงจูงใจของการกระทำดังกล่าวยังไม่เป็นที่แน่ชัด” หลินหวั่นชินตอบ
พวกเขาทั้งสามสนทนาสักพัก แล้วในที่สุดสวีจื่อรั่วก็เอ่ยอย่างจนใจ “ช่างเรื่องพวกนี้ไปก่อน การแก้ปัญหาศัตรูพืชในทุ่งวิญญาณคือสิ่งสำคัญที่สุด หลังจากนี้มาพยายามด้วยกันเถอะ!”
“ทราบแล้ว!”
หลังจากนั้น ภายใต้การนำของผู้ดูแลตระกูลสวี ทั้งสองก็มุ่งหน้าสู่ทุ่งวิญญาณขนาดใหญ่แห่งหนึ่งก่อนจะเริ่มกำจัดศัตรูพืชที่นี่
ขณะหลินหวั่นชิงกำลังทำงาน สวี่หยางก็ลอบสังเกตการณ์นางผ่านจิตเทวะ แล้วในที่สุดเขาก็พบว่านางอยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเจ็ด!!!
ทว่าเทียบกับขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเจ็ดธรรมดาแล้ว เคล็ดวิชาที่นางเชี่ยวชาญนั้นซับซ้อนกว่าอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งอุบายที่แสดงออกมาก็แยบยลนัก
ระหว่างทำงาน สวี่หยางถามหลินหวั่นชิงเกี่ยวกับบ้านเกิดของนาง
หลินหวั่นชิงตอบทีละคำถามโดยไม่ขาดตกบกพร่อง นางบอกว่าตนเองมาจากอำเภอเล็ก ๆ ในเมืองเล็ก ๆ หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต นางก็จากบ้านเกิดเพื่ออยากทำการบำเพ็ญก่อนจะมาลงเอยที่นี่
เนื่องจากศัตรูพืชระบาด นางจึงมาหาสวีจื่อรั่วเพื่ออาสาจัดการปัญหาจนได้รับความไว้วางใจ ก่อนจะกลายเป็นผู้ปลูกถ่ายวิญญาณของตระกูลสวี
“ในฐานะที่สหายเต๋าหลินเป็นผู้บำเพ็ญธรรมดาแต่กลับสามารถบำเพ็ญจนถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเจ็ดได้ขนาดนี้นับว่าไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดายิ่งนัก”
สวี่หยางหมายความตามนั้น
“สหายเต๋าสวี่ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีภรรยาสองคนที่ต้องดูแล นี่ก็ดึกมากแล้ว เจ้าควรกลับไปก่อน เดี๋ยวที่เหลือข้าจัดการเอง”
ทันใดนั้น หลินหวั่นชิงก็มองไปที่ป่าทึบซึ่งอยู่ด้านหลังขณะเอ่ยเสียงแผ่วเบา
หัวใจของสวี่หยางสั่นไหว เพราะบริเวณนั้นเองที่เขาสัมผัสได้ถึงบางอย่าง
ฟ่าว!!
ผู้บำเพ็ญมนุษย์ร่างผอมเดินเข้ามาพลางแย้มยิ้ม
“สหายเต๋าหลิน อาจารย์ข้าให้มาตาม”
หลินหวั่นชิงพยักหน้าแล้วเอ่ยกับสวี่หยาง “สหายเต๋าสวี่ เจ้ากลับไปก่อนได้เลย!”
หลินหวั่นชิงคล้ายกับรู้จักคนผู้นี้ สวี่หยางจึงพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
สวี่หยางจากไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ชายหนุ่มหายลับไป ผู้บำเพ็ญมนุษย์ร่างผอมก็มองหลินหวั่นชิงแล้วยิ้มหยัน “สหายเต๋าหลิน เจ้ายุ่งอยู่กับการกำจัดหนอนเขาวัวของอาจารย์เพื่อตระกูลสวีมากขนาดนี้ มันไม่ต่างกับกำลังพยายามทำเพื่อพวกเขาจากใจจริง!! เจ้าลืมคำสั่งของอาจารย์แล้วหรือ!”
“แน่นอนว่าข้าไม่ลืม มันก็แค่การสร้างความเชื่อใจกับสวีจื่อรั่วเท่านั้น!”
“จริงหรือ? สหายเต๋าหลิน อย่าลืมสิว่าเจ้ากับข้าต่างอยู่ภายใต้การควบคุมของอาจารย์ หากกล้าลงมือบุ่มบ่าม แค่เพียงความคิดเดียวก็สามารถสังหารครอบครัวของเจ้าหรือแม้กระทั่งพวกข้าได้”
“แน่นอนว่าข้าทราบ…”
หลินหวั่งชินเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ที่จะพูดมีแค่นี้ใช่หรือไม่?”
“ฮ่าฮ่า แค่นี้แหละ แต่ว่านะสหายเต๋าหลิน ในเมื่อแถวนี้ไม่มีใครอยู่ เจ้าอยากทราบสถานการณ์ของครอบครัวหรือไม่? ขอเพียงให้ความร่วมมือ ข้าสัญญาว่าจะส่งจดหมายให้กับพวกเขา…”
“แน่นอนสิ แล้วเงื่อนไขล่ะ…”
ดวงตาชั่วร้ายของเขาจับจ้องไปที่หัวใจของหลินหวั่งชิงซึ่งปรากฏรอยแตกร้าวที่ทำเอาผู้คนสั่นสะท้าน
‘ช่างงดงามนัก!!’
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” หลินหวั่นชิงหรี่ตา
“ข้าไม่ทำอะไรทั้งนั้น อาจารย์เพียงบอกว่าเจ้าจะต้องหมั้นหมายกับข้า อย่าลืมเรื่องนี้เสียล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ดวงตาของหลินหวั่นชิงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ซ่งซินซู่ ข้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ อย่าพยายามมาก้าวก่ายข้า ไม่อย่างนั้นเจ้าไม่ได้ตายดีแน่ ข้าเชื่อว่าอาจารย์ไม่มีทางกล่าวโทษอย่างแน่นอน แล้วถ้าการกระทำของเจ้าส่งผลกระทบกับแผนของเขา เจ้าก็ต้องตายอยู่ดี!”
ซ่งซินซู่นิ่งงันขณะใบหน้าหมองหม่น “ยัยตัวเหม็น เอาอาจารย์มาขู่ข้างั้นหรือ”
“ถ้างั้นก็ลองดู!”
ถึงอย่างไรซ่งซินซู่ก็ไม่กล้าลงมือ เขาสะบัดแขนเสื้อยาวแล้วชี้ไปที่หลินหวั่นชิง “สามวัน อาจารย์บอกว่าจงหาที่อยู่ของสิ่งนั้นให้เจอภายในสามวัน ไม่อย่างนั้น เขาจะเฉือนเนื้อพ่อแม่ของเจ้าภายในวันเดียว”
พรวด!!
ทันใดนั้น รูเลือดก็ปรากฏตรงคอของซ่งซินซู่
โลหิตทะลักออกจากลำคอ
ซ่งซินซู่ที่เดิมมีสีหน้าเกรี้ยวกราดก็พลันหวาดกลัว เขากุมคอเอาไว้แล้วทำท่าคว้าจับไปข้างหน้า
“ช่วย… ช่วยด้วย… สหายเต๋าหลิน…”
หลินหวั่นชิงตกตะลึงจนไม่ได้ตอบสนองเช่นกัน
“ใครกัน?”
“สหายเต๋าหลิน เจ้าไม่อยากให้คุณหนูใหญ่ทราบเรื่องนี้ใช่หรือไม่?”
ร่างของสวี่หยางเดินออกจากป่าทางฝั่งขวา
“สวี่หยาง เจ้า…”
ทันทีที่ร่างของซ่งซินซู่ล้มลง หลินหวั่นชิงก็ตกตะลึง จากนั้นใบหน้าก็หมองคล้ำ “เจ้าแย่แล้ว”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน