บทที่ 81 เตรียมมาตรการรับมือไว้สามชั้น
ตกดึก สรรพสิ่งเงียบงัน
ร่างแปลกประหลาดปรากฏไม่ไกลจากนอกร้านของสวี่หยางอย่างเงียบงันโดยไม่ดึงดูดความสนใจของผู้ใด
“สวี่หยางผู้นี้น่าสนใจไม่น้อย ถึงกับสังหารหนอนเขาวัวของข้าไปได้หลายตัว”
“คงถึงเวลาที่ต้องทำการควบคุมแล้ว เขามีภรรยาสองคนที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ยอมจำนน!”
คนผู้นี้ย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจากปราชญ์หน้าหยกผู้มีท่าทีเคร่งขรึม
เขายืนอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างเงียบงัน จากนั้นจึงทำการสัมผัสถึงข้างกายของหลินหวั่นชิง
“นังสารเลว ข้าให้โอกาสเจ้ามีชีวิตรอด แต่กลับคิดจะมาทรยศข้า! คิดหรือว่าข้าจะเอาแต่พึ่งเจ้าเพียงคนเดียว?”
เขา ปราชญ์หน้าหยก ท่องโลกมาหลายปีต้องระแวดระวังอยู่ตลอด เขาย่อมไม่เชื่อใครนอกจากแมลงของตัวเอง!
ด้วยความคิดนี้ เขาจึงรอดพ้นจากแผนร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าจนมีชีวิตมาได้ถึงทุกวันนี้
ตอนนี้เขากำลังฝึกฝนอยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเก้าและกำลังวางแผนขึ้นสู่ขอบเขตสร้างรากฐาน
คราวนี้ เขาตระเตรียมให้หลินหวั่นชิงไปอยู่ข้างกายสวีจื่อรั่วด้วยหมายจะให้ได้รับความเชื่อใจ จากนั้นก็หาตำแหน่งของยาสร้างรากฐานแล้ววางยาอีกฝ่าย!
คาดไม่ถึงว่าหลินหวั่นชิงจะลงมือบุ่มบ่ามอย่างการแปรพักตร์ไปอยู่กับสวีจื่อรั่วเสียได้
โชคยังดีที่เขาไม่เคยเชื่อใจใคร ทำให้เตรียมแผนเอาไว้สองชั้นเสมอมา ดังนั้นเส้นทางของหลินหวั่นชิงจึงอยู่ในแผนที่เขาวางเอาไว้
แผนที่แท้จริงของเขาถูกใช้นานแล้ว
เขาควบคุมคนในตระกูลสวีได้ไม่ต่ำกว่าห้าคน!
ครั้งนี้เขาจึงขอให้หลินหวั่นชิงไปวางยาสวีจื่อรั่วภายในสามวัน
ความจริงเขาวางแผนจะลงมือพรุ่งนี้เพื่อลอบสังหารสวีจื่อรั่ว
“แต่สวี่หยางผู้นี้มีความสามารถจนได้รับความเชื่อใจจากสวีจื่อรั่ว หากจับตัวไว้ก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ ถึงตอนนั้นข้าก็จะสามารถเข้าใกล้สวีจื่อรั่วได้อีก…”
ปราชญ์หน้าหยกยิ้มก่อนจะมาถึงประตูร้านของสวี่หยาง
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาเฝ้าพินิจจนทราบว่าค่ายกลป้องกันในร้านแห่งนี้อยู่เพียงขั้นกลางระดับหนึ่งเท่านั้น
ด้วยความสามารถป้องกันเพียงเท่านี้ เขาสามารถรับมือได้อย่างง่ายดายด้วยยันต์ทะลวงค่ายกลสองใบ
แต่เขาไม่ทราบว่าเพื่อตบตาคนอื่น สวี่หยางจึงได้กระตุ้นค่ายกลป้องกันขั้นกลางระดับหนึ่ง ส่วนค่ายกลระดับสูงซ่อนอยู่ภายในนั้น จึงเป็นการยากที่ผู้บำเพ็ญมนุษย์ที่ไม่ได้อยู่ขอบเขตจินตานจะตรวจจับได้
ถึงอย่างนั้น ปราชญ์หน้าหยกที่ระมัดระวังตัวเป็นพิเศษจึงเตรียมมาตรการจัดการกับสวี่หยางในครั้งนี้เอาไว้สามชั้น
ซึ่งภายนอกเขาจะจัดการด้วยตัวเอง
เขามีศัสตราศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงอยู่ในมือ ทั้งยังฝึกฝนศาสตร์พิษ ทำให้ทรงพลังอย่างยิ่ง
ตะขาบพิษของเขาลอบคลานเข้าไปอย่างเงียบงันเพื่อเตรียมพร้อมโจมตีสวี่หยางทุกเมื่อที่ได้รับคำสั่ง
ตะขาบพิษมีสายเลือดระดับสอง พละกำลังของมันได้รับการพัฒนาจนไปถึงสายเลือดขั้นสูงระดับหนึ่ง พิษของมันร้ายกาจเหนือจินตนาการ
แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตสร้างรากฐานก็จะต้องตกตายไปกว่าครึ่งหากถูกกัดเข้าไปเพียงครั้งเดียว
ส่วนผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตกลั่นลมปราณ เขาก็ยิ่งมั่นใจถึงเก้าในสิบส่วน…
ไม่สิ มั่นใจเต็มสิบส่วนต่างหาก
ถึงอย่างนั้น เขายังคงเตรียมเคล็ดวิชารับมือชั้นที่สามเอาไว้
เขามีกระดานค่ายกลจู่โจมขั้นต่ำระดับสอง ชิ้นส่วนของค่ายกลโจมตีระดับล่างอันดับสอง ค่ายกลร้อยปักษาเผชิญวิหคเพลิง
กระดานค่ายกลนี้สามารถจัดการกับผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตสร้างรากฐานขั้นต้นได้ พลังของมันร้ายกาจอย่างยิ่ง
ในขณะที่สวี่หยางเป็นเพียงผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตกลั่นลมปราณ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการ
“อืม แผนรับมือสามชั้นก็น่าจะมากเกินพอแล้ว”
ปราชญ์หน้าหยกเผยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ เพียงหนึ่งความคิด ตะขาบพิษก็คลานขึ้นไปที่คานภายในร้านของสวี่หยางทันที
ตะขาบพิษตัวนี้มีขนาดเพียงนิ้วมือเดียวเท่านั้น หากไม่มีจิตเทวะที่แข็งแกร่งพอ แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตสร้างรากฐานก็ไม่สามารถตรวจจับมันได้
แต่สวี่หยางคือผู้บำเพ็ญมนุษย์ที่มีจิตเทวะแข็งแกร่ง!!
เขาคิ้วขมวดขณะครุ่นคิด
“ตะขาบพิษหรือ? แย่ละ ปราชญ์หน้าหยกกำลังจะโจมตีข้า”
สวี่หยางรีบสนทนากับภรรยาก่อนจะทำการติดต่อหวังสวี่เฉียง
นับตั้งแต่หวังสวี่เฉียงตามมาที่นี่ เขาก็ลอบตรวจสอบตำแหน่งของปราชญ์หน้าหยก แต่กลับไม่พบอะไร เขาวิตกกังวลและวางแผนจะจากไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
หลังจากพูดคุยเสร็จสิ้น สวี่หยางก็สื่อสารกับหนูสุ่ยหลิง
ศัตรูตามธรรมชาติของตะขาบไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสัตว์อสูรประเภทหนู
สัตว์อสูรประเภทหนูส่วนใหญ่จะทนทานต่อพิษทุกชนิด ในสายตาของมัน งูพิษและแมลงพิษเป็นเพียง ‘ล่าเถียว*[1]’ เท่านั้น!!
ไม่ช้า สวี่หยางก็สัมผัสได้ถึงร่างตรงประตู ปราชญ์หน้าหยกยื่นมือออกไปก่อนประตูไม้ของร้านจะเปิดออกจนเกิดเป็นเงารูปทรงมนุษย์ขึ้น
ตู้ม!!
ก่อนค่ายกลขั้นกลางระดับหนึ่งในร้านจะทันได้ทำงาน มันก็ถูกยันต์ทะลวงค่ายกลสองใบทำลาย ทำให้ค่ายกลสูญสิ้นพลัง
ภายในร้าน สวี่หยาง เสิ่นม่านอวิ๋นและหลินอวี้ไม่ส่งเสียงใด ๆ
“เหอะ เจ้าระวังตัวน้อยเกินไป นี่คือราคาของการมัวแต่นอนอยู่บนเตียงนุ่ม”
ปราชญ์หน้าหยกยิ้มหยัน ด้วยความระแวดระวัง ที่ผ่านมาเขาไม่แม้แต่จะเข้าใกล้ผู้หญิงด้วยซ้ำ
ฟ่าว!
เขาพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน ศัสตราศักดิ์สิทธิ์รูปทรงพัดเหล็กก็ปรากฏตรงหน้า
พัดเหล็กแผ่ความผันผวนของศัสตราศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงระดับหนึ่งออกมา มันสั่นไหวเล็กน้อยอยู่กลางอากาศก่อนจะส่งเสียงร้องแล้วบินโฉบเข้ามาโจมตี
มันคือตัวเบิกทาง
ปัง!
ร่มเหล็กปะทะเข้ากับพัดเหล็กอย่างรุนแรง สร้างกระแสลมคมกริบออกมาเพื่อตัดร่มเหล็กนี้
แต่มันเปล่าประโยชน์ พลังป้องกันของร่มพันกลน่าทึ่งนัก เนื่องจากพัดเหล็กมีขนาดเล็กเกินไป มันจึงไม่ต่างอะไรกับกระแทกเข้ากับกำแพง
แม้ศัสตราศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นนี้ต่างอยู่ขั้นสูงระดับหนึ่ง แต่เมื่อปะทะกับสิ่งที่อยู่ในระดับเดียวกันก็ย่อมมีทั้งข้อดีข้อเสีย
ร่มพันกลทำได้หลายหลาก ซึ่งด้านบนของมันมีศัสตราศักดิ์สิทธิ์รูปทรงเข็มขั้นต่ำระดับหนึ่งที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งกว่า



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน