เข้าสู่ระบบผ่าน

ย่างก้าวสู่วิถีเซียน นิยาย บท 82

บทที่ 82 เกรงว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน

ความเสียใจไร้ที่สิ้นสุดแผ่ซานไปทั่วหัวใจของปราชญ์หน้าหยก

โชคยังดีที่สวมหน้ากากปลอมแปลงเอาไว้ หาไม่แล้วสวี่หยางจะต้องเห็นใบหน้าของเขาที่อยากร่ำไห้เป็นแน่

สวี่หยางมีสีหน้าไม่แยแสและเฉยชาขณะควบคุมกระดานค่ายกล แล้วค่ายกลก็กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

กระดานค่ายกลทรงพลังบดขยี้กระดานค่ายกลร้อยปักษาเผชิญวิหคเพลิงซึ่งอยู่ระดับต่ำกว่า เพียงพริบตา ค่ายกลศิลาร้อยกระบี่โกลาหลก็ปลดปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมา

ปราชญ์หน้าหยกงอขาขณะรู้สึกถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นบนบ่า มันหนักอย่างเหลือเชื่อ

เขากัดฟันขณะพยายามสุดความสามารถเพื่อขัดขืน แต่ก็เปล่าประโยชน์

เพราะกระดานค่ายกลขั้นกลางระดับสองสามารถปราบปรามผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตสร้างรากฐานขั้นกลางได้ แล้วเขาที่อยู่เพียงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับแปดจะเหลืออะไร?

เพียงพริบตา เขาสัมผัสได้ว่าพลังในร่างกายถูกดึงออกไปอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งในเวลาเดียวกัน กระบี่คมปลาบก็กำลังแทงเข้ามา

ไม่ช้า เสื้อคลุมของเขาก็ถูกแทงจนพลังวิญญาณสูญสิ้น

แขนขาได้รับบาดเจ็บจนโลหิตไหลนอง

แต่เขาไม่สามารถขัดขืนได้แม้แต่น้อย

ความทุกข์ยากซ้ำซ้อนถาโถมเข้ามา

ในตอนนี้ หนูสุ่ยหลิงพลันทะยานออกไป เกาะแผ่นหลังเอาไว้แล้วกัดลงไปเต็มเขี้ยว

ปราชญ์หน้าหยกสบถขณะรีบขว้างยันต์ออกไป

แต่ในค่ายกลของสวี่หยาง ผลของยันต์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

กลับกัน สวี่หยางควบคุมเคล็ดวิชาลูกไฟคู่ ทำให้เปลวเพลิงปกคลุมร่างของปราชญ์หน้าหยกเอาไว้

ครืนนน…

ไม่ช้าปราชญ์หน้าหยกก็ถูกแผดเผาจนอยู่ในสภาพน่าสังเวช กรีดร้องไม่สิ้นสุด

“สหายเต๋าสวี่โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าเต็มใจที่จะช่วยเจ้าเอายาสร้างรากฐานของสวีจื่อรั่วมาให้…”

ในความเห็นของเขา ไม่มีใครสามารถต้านทานสิ่งล่อใจเช่นยาสร้างรากฐานได้

“ไม่จำเป็น!”

สวี่หยางปฏิเสธอย่างไม่ลังเล ในตอนนี้ พัดเหล็กของอีกฝ่ายถูกกระแทกออกไป พลังวิญญาณก็หมดสิ้น

สวี่หยางควบคุมร่มพันกลให้ลอยห่างจากปราชญ์หน้าหยกหลายสิบหมี่

ปราชญ์หน้าหยกมองขอบอันคมกริบของร่มพันกลด้วยใบหน้าซีดเผือด เขาชักกระบี่ขั้นต่ำระดับหนึ่งออกมาเพื่อพยายามขัดขืนด้วยความลนลาน

แต่ของระดับต่ำเช่นนั้นรับการโจมตีครั้งเดียวก็แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้ว

ร่มพันกลใช้พลังที่เหลือโจมตีปราชญ์หน้าหยกผู้มีสายตาหวาดกลัว

พลั่ก พลั่ก!!

ร่มพันกลฟาดฟันเข้าที่คอของเขา หลังจากนั้น ศีรษะก็กระเด็นออกมาพร้อมโลหิตที่สาดกระเซ็นไปทั่วลานบ้าน

เมื่อเห็นเช่นนี้ หนูสุ่ยหลิงที่เกาะอยู่บนหลังก็ทราบว่าปลอดภัย จึงกระโดดออกมายืนอยู่ข้างร่างของตะขาบพันขาแล้วแทะร่างที่เหลืออยู่ด้วยความสำราญ

ซากตะขาบพันขาระดับสองนี้เป็นยาบำรุงชั้นดีสำหรับมัน แม้จะเต็มไปด้วยพิษเข้มข้น แต่ก็เทียบเท่ากับการที่มนุษย์ดื่มสุราขาวอีกสองแก้ว

“จี๊ด จี๊ด จี๊ด…”

เสิ่นม่านอวิ๋นยังไม่อาจคลายความเกลียดชังลงได้ขณะควบคุมกระบี่เพื่อกระหน่ำใส่ศพของอีกฝ่ายหลายครั้งติดต่อกัน

นางหยุดมือหลังจากศพอยู่ในสภาพแหลกเละ

“พวกเจ้าปลอดภัยหรือไม่?” หลินอวี้เดินออกมาขณะถามไถ่ด้วยสีหน้าหวาดกลัว

“ข้าสบายดี” เสิ่นม่านอวิ๋นยิ้มขณะถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นมองไปทางสวี่หยาง

นางเคยได้ยินชื่อของปราชญ์หน้าหยกคนนี้มาก่อน แต่คาดไม่ถึงว่าวันนี้อีกฝ่ายจะตายด้วยเงื้อมมือของพวกตน

ฟ่าว ฟ่าว!!

สวี่หยางเก็บกระดานค่ายกลอย่างรวดเร็วขณะขอให้หนูสุ่ยหลิงเก็บตะขาบไปไว้ด้านหลัง พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่หน้าประตู

ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหวังสวี่เฉียง

เขาได้รับสารจากสวี่หยางก่อนจะรีบรุดมาทันที ซึ่งพอเข้ามาในบ้าน ตนเองก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังยุทธ์อย่างรุนแรง

‘หรือว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับสหายเต๋าสวี่หยาง’

ในความเห็นของเขา ด้วยอุบายของปราชญ์หน้าหยก ย่อมต้องทำให้เกิดบางอย่างขึ้นกับสวี่หยาง ตนเองจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารอีกฝ่าย นึกไม่ถึงว่าจะต้องมาทนทุกข์ทรมานจากชะตาอันเลวร้ายทันทีที่มาถึง

แต่เมื่อเข้าไปในบ้าน เขาก็ตกตะลึงชั่วขณะ สวี่หยางกับภรรยาทั้งสองยังอยู่ดี

“สหายเต๋าหวัง สองคนนี้คือภรรยาของข้า ส่วนปราชญ์หน้าหยกถูกจัดการไปแล้ว”

สวี่หยางเอ่ยเสียงแผ่วเบาจนทำให้หวังสวี่เฉียงประหลาดใจ

ในตอนนี้ หน้ากากของปราชญ์หน้าหยกยังไม่ถูกถอดออก แต่เขาสามารถสัมผัสได้ว่าความผันผวนของพลังยุทธ์จากศพดังกล่าวเป็นของอีกฝ่ายจริง

“สหายเต๋าสวี่ร้ายกาจยิ่งนัก”

“ข้าแค่โชคดีเท่านั้นเอง” สวี่หยางถ่อมตัว

จากนั้นหน้ากากก็ถูกถอดออกมา

สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลจากการเผา มันช่างเป็นรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดน่าขนลุกยิ่ง

“ปราชญ์หน้าหยกในตำนานดันมีสภาพเป็นเช่นนี้” หวังสวี่เฉียงถอนหายใจขณะมองสวี่หยาง “สหายเต๋าสวี่ใช้อุบายได้แยบยลนัก เจ้าจัดการโจรผู้นี้ได้อย่างไร?”

สวี่หยางอธิบายคร่าว ๆ บอกแค่ว่าตนมีค่ายกลขั้นสูงระดับหนึ่ง ประกอบกับภรรยาทั้งสองร่วมด้วยช่วยกัน ทำให้สามารถสังหารปราชญ์หน้าหยกลงได้

หวังสวี่เฉียงคาดเดาว่าสวี่หยางมีไพ่ตายที่ไม่ยอมบอก แต่นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้บำเพ็ญมนุษย์จะปกปิดไพ่ตายเอาไว้ สิ่งสำคัญก็คือปราชญ์หน้าหยกถูกจัดการแล้ว!

บทที่ 82 เกรงว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน 1

บทที่ 82 เกรงว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน 2

บทที่ 82 เกรงว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน