เข้าสู่ระบบผ่าน

ย่างก้าวสู่วิถีเซียน นิยาย บท 83

บทที่ 83 สบายยิ่งนัก ข้าต้องการอีก!

[เพราะท่านคลี่คลายปัญหาของปราชญ์หน้าหยกลงได้ หลินอวี้ผู้เป็นภรรยาจึงรับรู้ถึงความแข็งแกร่งและชื่นชมท่านเป็นอย่างมาก ทำให้ได้รับคะแนนพิเศษ 60 แต้มกับเคล็ดบำเพ็ญพฤกษาศักดิ์สิทธิ์]

[เพราะท่านคลี่คลายปัญหาของปราชญ์หน้าหยกลงได้ เสิ่นม่านอวิ๋นผู้เป็นภรรยาจึงรับรู้ถึงความแข็งแกร่งและชื่นชมท่านเป็นอย่างมาก ทำให้ได้รับคะแนนพิเศษ 60 แต้มกับศัสตราศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง: โล่ไม้ศิลา]

……

เคล็ดบำเพ็ญพฤกษาศักดิ์สิทธิ์คือวิชายุทธ์พิเศษในการหล่อเลี้ยงลมปราณ

หากฝึกร่วมกับเคล็ดหล่อเลี้ยงลมปราณ ความสามารถในการรับรู้จิตวิญญาณธาตุไม้จะเพิ่มขึ้น ทำให้มีผลในการใช้พลังรักษา

ทันทีที่ได้รับรางวัล เคล็ดบำเพ็ญพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ก็หลอมรวมเข้ากับเคล็ดวิชาหล่อเลี้ยงปราณวิญญาณวารี

เคล็ดวิชาหล่อเลี้ยงปราณวิญญาณวารีจึงกลายเป็น ‘เคล็ดวิชาหล่อเลี้ยงปราณพฤกษาวารี’

หมายความว่าเคล็ดวิชาในตอนนี้มีทั้งธาตุไม้และธาตุน้ำ ทำให้ผลการหล่อเลี้ยงและการรักษาเพิ่มขึ้นพร้อมกัน

เขามองหน้าจอระบบ

[วิชายุทธ์: เคล็ดวิชาหล่อเลี้ยงปราณพฤกษาวารีขั้นสมบูรณ์: 0/6000]

ก่อนหน้านี้ การพัฒนาเป็นขั้นปรมาจารย์ต้องใช้ 2400 แต้ม แต่หลังจากหลอมรวมแล้ว ตอนนี้ต้องใช้คะแนนพิเศษมากถึง 6000 แต้ม

แต่สำหรับสวี่หยาง นี่นับเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง

ยิ่งต้องการคะแนนพิเศษในการพัฒนามากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการพิสูจน์ว่าวิชายุทธ์ดังกล่าวดีเท่านั้น

“ข้าไม่ทราบว่าการเปลี่ยนแปลงแบบใดจะเกิดขึ้นหลังจากไปถึงขั้นปรมาจารย์!”

ไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบใด แต่มันต้องนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แน่นอน

ความทรงจำใหม่ปรากฏขึ้น

ในความทรงจำ สวี่หยางคือผู้บำเพ็ญมนุษย์ที่ฝึกฝนมาหลายปี วันหนึ่ง เขาได้พบกับชายแปลกหน้าจนได้รับวิชายุทธ์รากฐานพฤกษาลึกลับ!

หลังจากทำการฝึกฝน เขาพบว่าวิชายุทธ์ดังกล่าวสามารถหลอมรวมกับเคล็ดฝึกลมปราณได้

หนึ่งปีผ่านไป สองปีผ่านไป หลังจากฝึกฝนมาห้าหกปี ในที่สุดวิชายุทธ์รากฐานพฤกษาลึกลับก็หลอมรวมสำเร็จ

เขาตั้งชื่อมันว่า เคล็ดวิชาหล่อเลี้ยงปราณพฤกษาวารี

มันคือวิชายุทธ์ธาตุไม้และน้ำ การฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ไม่ได้เร่งการบำเพ็ญลมปราณ แต่เป็นการทำให้เกิดความสามารถอื่น

นั่นคือการบำเพ็ญกับการรักษาตัวเอง

วิชายุทธ์ธาตุไม้ให้ผลในการรักษา

ขณะการฝึกฝนยังดำเนินต่อไป ผลการรักษาก็ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเคล็ดวิชาใหม่นี้ไปถึงขั้นสมบูรณ์ มันถึงขั้นสามารถรักษาพิษร้ายได้

วิ้ง!!

เมื่อความทรงจำหายไป สวี่หยางก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับสายตาอันร้อนแรง

“เคล็ดวิชานี้ยอดเยี่ยมนัก ต่อให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ถ้ามีเคล็ดวิชาหล่อเลี้ยงปราณพฤกษาวารีอยู่ในมือก็สามารถรักษาบาดแผลได้อย่างรวดเร็ว มันถึงขั้นสามารถรักษาผู้คนรอบข้างได้ด้วย”

สวี่หยางไม่คาดคิดเช่นกันว่าจะต้องมาจับพลัดจับผลูมาเป็น ‘ผู้รักษา’

จากนั้นเขาก็มองศัสตราศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางระดับสองอย่างโล่ไม้ศิลา

มันคือศัสตราศักดิ์สิทธิ์ประเภทป้องกัน

รูปทรงเป็นกำไลไม้ซึ่งเกิดจากไม้รูปขนมเปียกปูนแต่ละส่วนถูกคล้องด้วยเส้นไหมพิเศษจนก่อตัวเป็นวงกลม ซึ่งหน้าตาไม่ต่างจากเชือกลูกปัดที่ทำจากไม้

หากมีการโจมตีเข้ามา โล่ไม้ศิลาจะปล่อยพลังออกมาได้เอง

การป้องกันนี้มีประสิทธิภาพดีกว่า มันสามารถสร้างโล่อากาศทรงรีขึ้นมาต้านทานการโจมตีสุดกำลังของขอบเขตสร้างรากฐานขั้นกลางได้

ความสามารถอีกอย่างคือเสริมการป้องกัน

ยกตัวอย่างเช่น หากใช้ยันต์ป้องกันแล้วพลังมีไม่เพียงพอ เช่นนั้นพลังป้องกันของโล่ไม้ศิลานี้สามารถเสริมการป้องกันให้แข็งแกร่งขึ้นได้

ด้วยความสามารถที่ซ้อนทับกัน มันจึงมีค่ามากกว่าศัสตราศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงระดับสองธรรมดาเสียอีก

……

“พวกมันล้วนเป็นของดี”

สวี่หยางสุขใจขณะมองภรรยาทั้งสองที่อยู่ในสภาพ ‘อ่อนแรง’ เขาเพียงใช้ความคิดก็ทำให้เคล็ดวิชาหล่อเลี้ยงปราณพฤกษาวารีในร่างกายเริ่มทำงาน

สวี่หยางสัมผัสได้ว่ามีกระแสลมอบอุ่นเป็นเอกลักษณ์ก่อตัวขึ้นจากฝ่ามือข้างขวา จากนั้นเขาเริ่มถ่ายทอดไปยังหน้าท้องของหลินอวี้

ไม่ช้า ร่างกายบอบบางของหลินอวี้ก็สั่นเทิ้มก่อนจะลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ

นางแตะมือของสวี่หยางที่อยู่ช่วงหน้าท้องพลางกระซิบ “สามีทำอะไรน่ะ สบายเหลือเกิน”

เมื่อครู่นางรู้สึกเหนื่อยล้า แต่เมื่อกระแสลมอบอุ่นเข้ามาก็ทำให้มีกำลังวังชาอย่างรวดเร็ว

“ข้าเพิ่งเรียนรู้วิชายุทธ์หนึ่งมา เป็นอย่างไร สบายตัวหรือไม่?”

หลินอวี้เอ่ยอย่างเขินอาย “สบาย สบายยิ่งนัก ข้าต้องการอีก”

ประโยคนี้มีนัยแฝงบางอย่าง

‘หรือว่าวิชายุทธ์นี้สามารถเพิ่มความต้องการได้?’

สวี่หยางคาดเดา

ดังคำกล่าวที่ว่า ยามอิ่มท้อง อุ่นกาย ฝักใฝ่ตัณหาราคะเกิด พอมาคิดดูแล้วมันก็สมเหตุสมผล

เมื่อร่างกายผ่อนคลายทุกด้านจนพึงพอใจ มันก็จะคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมา

“วิชายุทธ์หรือ สหายเต๋าสวี่ได้เรียนรู้ทักษะอะไรหรือ?” เสิ่นม่านอวิ๋นปีนขึ้นมาเกยไหล่สวี่หยางพลางเอ่ยคำ

สวี่หยางเอ่ยคำ “ข้าได้เคล็ดวิชาหล่อเลี้ยงปราณพฤกษาวารีมาจากเมืองเซียนของสำนักชิงหยาง ข้าเพิ่งฝึกได้บางส่วน เคล็ดวิชานี้คล้ายกับมีผลการรักษาด้วย”

ตอนนี้เองที่หลินอวี้ฟื้นตัวเรียบร้อย นางกะพริบตาปริบ “อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้ามาลองดูสิ มันรู้สึกสบายและก็จี๊ด ๆ นิดหน่อย”

สิ้นคำ ขาของนางก็ถูไถกับขาขาวราวหยกของเสิ่นม่านอวิ๋น

เสิ่นม่านอวิ๋นเกิดอาการกระสันซ่านหลังจากถูกถูไถ ทำเอาหัวใจของนางเกิดความสงสัยใคร่รู้ก่อนจะเอ่ยกับสวี่หยาง “สหายเต๋าสวี่ ช่วยทำให้ข้าที”

“ได้สิ”

สวี่หยางสัมผัสหน้าท้องของเสิ่นม่านอวิ๋น แล้วกระแสปราณอบอุ่นของธาตุไม้ก็แผ่เข้าไป

สีหน้าของนางตกตะลึงในตอนแรกก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงรู้สึกถึงความอบอุ่นและความสบายไปทั่วทั้งร่างกาย

“สหายเต๋าสวี่ เคล็ดวิชานี้ช่างสบายเหลือเกิน ข้ายังต้องการอีก”

สวี่หยาง “…”

นี่เรียกว่าอาการเสพติดใช่หรือไม่?

สวี่หยางส่ายหน้า “เอาละ นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้ว เปิดประตูร้านก่อน เดี๋ยวข้าจะบันทึกเคล็ดวิชาให้พวกเจ้าทำการศึกษาทีหลัง”

ทันทีที่เปิดประตู เพื่อนบ้านทั้งหลายก็พากันมาเยี่ยมเยียน

แม้กระทั่งหูต๋าผู้เป็นปรมาจารย์ผู้ควบคุมหุ่นเชิดที่ชอบเก็บตัวก็ยังมาหา

เมื่อเพื่อนบ้านเหล่านี้มา พวกเขาย่อมสอบถามเกี่ยวกับปราชญ์หน้าหยก

หลังจากทราบว่าเรื่องราวได้รับการคลี่คลายโดยศิษย์สำนักชิงหยาง ทุกคนก็พยักหน้าเข้าใจ

“สหายเต๋าสวี่ยังหนุ่มยังแน่นแต่กลับมีสหายมากมายเพียงนี้ น่าอิจฉานัก”

หูต๋าถอนหายใจ

บทที่ 83 สบายยิ่งนัก ข้าต้องการอีก! 1

บทที่ 83 สบายยิ่งนัก ข้าต้องการอีก! 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน