บทที่ 86 ได้ผลหรือไม่ก็แล้วแต่วาสนา
หลินหวั่นชิงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวเมื่อเห็นเช่นนี้
นางไม่ใช่คนโง่ หลังจากเห็นสายตาของหนูสุ่ยหลิง ตนเองก็สัมผัสได้ถึงการคุกคามจากมัน
สัตว์อสูรประเภทนี้จะไม่ทำร้ายผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีเจ้าของ ดังนั้นคำตอบจึงมีเพียงหนึ่งเดียว หนูสุ่ยหลิงค้นพบบางอย่าง
สวี่หยางตระหนักเรื่องนี้เช่นกันก่อนจะรีบสื่อสารกับป้ายควบคุมสัตว์อสูรในถุงเก็บของ “เสี่ยวเฉียง เกิดอะไรขึ้น?”
จิตสำนึกของหนูสุ่ยหลิงตอบกลับ “นายท่าน มันคือกลิ่นอายมาร เป็นกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญมาร ผู้หญิงคนนี้คือผู้บำเพ็ญมารหรือ?”
หลินหวั่นชิงคือผู้บำเพ็ญมารหรือ?
สวี่หยางคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้
แต่เขาก็ตระหนักได้ว่ามวลสารสีน้ำตาลเทาในร่างของหลินหวั่นชิงคือกลิ่นอายมาร
“สหายเต๋าหลิน เจ้าเห็นใครที่มีกลิ่นอายของผู้บำเพ็ญมารตามพิษในร่างกายมาก่อนหรือไม่?”
“ผู้บำเพ็ญมาร!” หลินหวั่นชิงคิ้วขมวด “เมื่อวานข้าออกไปข้างนอกและพบเห็นผู้คนมากมาย แต่ก็ไม่ได้มีความขัดแย้งกับผู้ใด”
“น่าแปลก พิษของเจ้าอาจจะถูกกระตุ้นโดยกลิ่นอายมารจนทำให้พิษพลุ่งพล่านขึ้นมา!” สวี่หยางวิเคราะห์
“พวกเราควรทำอย่างไรดี?”
“ข้าทำได้เพียงพยายามรักษาเจ้าเท่านั้น ส่วนจะได้ผลหรือไม่ก็แล้วแต่วาสนา”
หลังจากนั้น สวี่หยางก็ถ่ายทอดพลังวิญญาณธาตุไม้เข้าไปเหมือนก่อนหน้า
ทว่าด้วยชั้นของกลิ่นอายมารที่ขวางกั้นการรักษา ทำให้ผลมันแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
ผลการรักษาจึงไม่ดีนัก รักษาได้เพียงสามในสิบส่วนเท่านั้น
“ได้ผลไม่มาก ทั้งยังทำให้ข้าเหนื่อยมากขึ้นอีก ร้ายกาจจริง ๆ”
สวี่หยางมองหลินหวั่นชิงด้วยสีหน้าซับซ้อน เขาหวังว่านางจะยอมรับความจริงว่าตนจะไม่สามารถช่วยไปตลอดรอดฝั่งได้
เขาเองก็ยังต้องฝึกฝนและทำอีกหลายสิ่ง ส่วนความตายของหลินหวั่นชิงแทบเป็นที่ประจักษ์ชัด
‘เว้นแต่…’
สวี่หยางคิดถึงความเป็นไปได้
ตอนนี้เคล็ดวิชาหล่อเลี้ยงปราณพฤกษาวารีของเขาอยู่ขั้นสมบูรณ์!!
หากสามารถเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ได้ ผลการรักษาก็อาจจะดีขึ้น
แต่การพัฒนาจำเป็นต้องใช้คะแนนพิเศษ 6000 แต้ม ซึ่งมันเป็นจำนวนที่ไม่ใช่น้อย แม้คะแนนพิเศษที่มีในตอนนี้จะอยู่ที่ 4000 แต้มก็ตาม
ในช่วงเวลานี้ แม้เขาจะได้รับเคล็ดปลูกถ่ายพินิศวิญญาณมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยใช้คะแนนพิเศษในการเรียนรู้เลยสักครั้ง
สาเหตุก็เพราะต้องการเก็บสะสมคะแนนพิเศษมาพัฒนาเคล็ดหล่อเลี้ยงลมปราณเสียก่อน
แต่พูดตามตรง จนถึงตอนนี้เขาก็พยายามช่วยหลินหวั่นชิงอย่างสุดความสามารถแล้ว
หลินหวั่นชิงทราบเช่นกันว่าจุดจบกำลังใกล้เข้ามา ดังนั้นนางจึงฝืนยิ้มแล้วเอ่ยคำ “สหายเต๋าสวี่ช่วยข้ามาจนถึงตอนนี้ ข้าซึ้งในน้ำใจของเจ้ายิ่งนัก เสียแต่ข้าดันโชคร้าย… สหายเต๋าสวี่โปรดวางใจเถอะ หลังจากนี้ข้าจะไม่มาสร้างปัญหาให้กับเจ้าอีกแล้ว”
“ความจริงที่ถูกโจมตีโดยกลิ่นอายมารก็หมายความว่ามีผู้บำเพ็ญมารอยู่ในเมืองฟางซึ่งอาจจะข้องเกี่ยวกับปราชญ์หน้าหยกก็ได้ หากเจ้าไม่ว่าอะไร ข้าจะให้หนูสุ่ยหลิงติดตามเจ้าเพื่อจะได้สืบแน่ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นใคร” สวี่หยางเสนอ
แต่ครั้งนี้ เขาไม่ได้ทำเพื่อหลินหวั่นชิง
เขาทำเพื่อตัวเองต่างหาก
แม้ทุกคนจะทราบว่าเป็นหวังสวี่เฉียงที่สังหารปราชญ์หน้าหยก แต่พวกเขาก็รับรู้เช่นกันว่าเป็นสวี่หยางที่เรียกอีกฝ่ายให้มาจัดการ
สหายของปราชญ์หน้าหยกไม่สามารถแก้แค้นหวังสวี่เฉียงได้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะมาระบายโทสะกับเขาแทน!!
นับว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างมาก
อีกฝ่ายจะจัดการกับหลินหวั่นชิงก่อน หลังจากนางตายแล้ว เป้าหมายต่อไปก็คงเป็นเขา
ดังนั้นการช่วยหลินหวั่นชิงตามหาผู้บำเพ็ญมารก็เท่ากับเป็นการรักษาชีวิตตัวเอง
“ได้ ตอนนี้คุณหนูใหญ่กำลังปิดด่านฝึนตน ข้าควรบอกคนที่เหลือของตระกูลสวีให้ทราบหรือไม่?” หลินหวั่นชิงถาม
สวี่หยางส่ายหน้าทันที “ตระกูลสวีค่อนข้างซับซ้อน อาจจะมีคนทรยศอยู่ภายในก็ได้ อีกอย่าง หากแพร่งพรายเรื่องผู้บำเพ็ญมารออกไปจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น! ดังนั้นตอนนี้เจ้าเลือกทำตัวนิ่งเฉยเอาไว้น่าจะดีกว่า! ขณะเดียวกัน ข้าจะช่วยชีวิตเจ้าต่อไป บีบให้ผู้บำเพ็ญมารคนนั้นเผยตัวลงมืออีกครั้ง!”
“ขอบคุณสหายเต๋าสวี่มาก”
สวี่หยางถอนหายใจหลังจากส่งหลินหวั่นชิงกลับไป พูดตามตรง นางเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง ช่างน่าเสียดายใบหน้างดงามนั่นยิ่งนัก
ทันทีที่หลินหวั่นชิงจากไปแล้ว สวี่หยางลอบบอกให้หนูสุ่ยหลิงติดตามนาง!!
ทุกวันนี้หนูสุ่ยหลิงขุดหลุมไปทั่วเมือง มันจึงสามารถติดตามหลินหวั่นชิงกลับไปได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นก็เหลือแค่รอ
“สามี การรักษาของหลินหวั่นชิงเป็นอย่างไรบ้าง? เหตุใดนางถึงดูไม่สู้ดีนัก?” ดวงตาทอประกายของหลินอวี้เต็มไปด้วยความสับสน เมื่อเห็นสวี่หยางเดินออกมา นางก็คว้าแขนเอาไว้ขณะเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา
สวี่หยางสรุปสั้น ๆ “ตอนนี้ข้าพยายามจะจับผู้บำเพ็ญมารเพื่อช่วยชีวิตนางอยู่”
เสิ่นม่านอวิ๋นเดินตามมาแล้วเอ่ยคำ “อย่างนี้นี่เอง ข้าเพิ่งถามพี่อวี้เอ๋อร์ว่าคิดอย่างไรกับหลินหวั่นชิงบ้าง”
สวี่หยาง “…”
“สหายเต๋าเสิ่น เจ้าพูดจาเหลวไหลอีกแล้ว”
“ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้สหายเต๋าสวี่มีเสน่ห์ขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้น ตอนที่เจ้าทำการรักษาหลินหวั่นชิง มันก็ดูคลุมเครือ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นนะ เสร็จไปนานแล้ว”
สวี่หยางเอ่ยอย่างจริงจัง “เหลวไหล ข้า สวี่หยาง เป็นคนจริงจังเสมอมา”
“งั้นก็ดี สหายเต๋าสวี่ อย่างที่พวกเราคุยก่อนหน้านี้ หากเจ้าเกิดมีอารมณ์ขึ้นมาก็อย่าไปทำกับคนป่วยเลย สงสารนาง”
เสิ่นม่านอวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะเอ่ยติดตลก
ใบหน้าของสวี่หยางเด็ดเดี่ยวขณะขย้ำบั้นท้ายของนางอย่างรุนแรง
“อุ๊ย!”
ดวงตาของเสิ่นม่านอวิ๋นพร่าเลือนชั่วขณะ “เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ ข้ากำลังจะไปทำอาหารนะ”
สิ้นคำ นางก็สะบัดบั้นท้ายเดินหนีเข้าบ้านไป
สวี่หยางตามติดเพื่อเตรียมจะมอบบทเรียนให้นางอย่างจริงจัง
หลินอวี้ไม่เอ่ยอะไรพลางคิดว่าวันนี้อวิ๋นเอ๋อร์อาจจะไม่สามารถลุกจากเตียงได้แล้วละ
เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าอย่าไปยั่วสามี? เจ้าไม่รู้หรือว่าช่วงนี้เขายุ่งจนตัวเป็นเกลียวแค่ไหน?
นางทำความสะอาดโต๊ะพลางส่ายหน้า จากนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กท่าทางขลาดกลัวยื่นศีรษะเข้ามา
“หืม นั่นหลี่หวั่นไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่ แล้วพ่อแม่ไปไหน?”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน