ตอนที่ 9 บุกเบิกที่ดิน
ภายในบ้านมีกลิ่นหอมของชาร้อนอบอวลไปทั่ว
หลังจากสวี่หยางกับหลี่ต้าต่งนั่งลง หลินอวี้ก็รินชาหอมให้ทั้งสอง ส่วนเหอฉยงเหลียนไม่ได้ขอชา แต่กลับดึงนางไปสนทนาที่ห้องข้าง ๆ
ใบชาในถ้วยของทั้งสองคนลอยอ้อยอิ่ง
หลี่ต้าต่งมองชาด้วยความประหลาดใจ “พี่สวี่ถึงกับซื้อปี้หลัวชุน*[1] มา ชานี้นับว่าไม่เลว”
นี่เป็นชาครึ่งวิญญาณ แม้ไม่ดีเท่าชาวิญญาณ แต่หลังจากดื่มเข้าไปก็สามารถหล่อเลี้ยงวิญญาณ เติมเต็มลมปราณและบำรุงไตได้
“ไม่นานมานี้ข้าเพิ่งเกี่ยวหญ้าหลิงซวีมาได้เลยซื้อมาสองสามห่อน่ะ” สวี่หยางลิ้มรสชาอย่างละเมียดละไมก่อนจะเอ่ยถาม “เมื่อครู่พี่หลี่บอกว่าจะเดินทางไกล ไม่ทราบว่าจะไปที่ไหนหรือ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องธุรกิจ หลี่ต้าต่งก็วางถ้วยชาแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “เจ้าน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างตระกูลสวีกับจักรพรรดิสัตว์ร้ายตระกูลโจวมาบ้าง เพราะตระกูลโจวอ่อนแอจนต้องถอยห่างออกจากพื้นที่ทะเลสาบพานหยาง ทำให้ตอนนี้ตระกูลสวีติดประกาศในหลายพื้นที่เพื่อเชิญชวนผู้บำเพ็ญมนุษย์และผู้ปลูกถ่ายวิญญาณทั้งหลายไปบุกเบิกที่ดินที่ทะเลสาบพานหยาง หากดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ พวกเขาน่าจะสร้างตลาดแห่งใหม่ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าที่นี่”
“ใครก็ตามที่ไปที่นั่นจะได้รับเบี้ยเลี้ยงรายเดือน รวมถึงยาและยันต์ป้องกันตนเอง! ประเด็นอยู่ที่ว่า เจ้าสามารถเก็บพืชวิญญาณและยาวิญญาณทั้งหมดนั้นไว้กับตัวเองหรือขายให้กับตระกูลสวีในราคาที่สมเหตุสมผลได้! ถึงแม้จะมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก แต่ข้าคำนวณแล้วว่ามันคุ้ม”
“เจ้าน่าจะทราบสถานการณ์ของครอบครัวข้ามาบ้าง ลูกสาวก็ไม่ใช่เด็กแล้ว นางมีพรสวรรค์ค่อนข้างมาก ข้าจึงต้องหาหินวิญญาณจำนวนหนึ่งเพื่อให้นางพัฒนาการฝึกตนจนได้เข้าร่วมการแข่งขันของสำนักชิงหยาง หากสามารถเข้าได้ ชาตินี้พวกข้าก็ไม่เสียดายแล้ว”
ในฐานะผู้บำเพ็ญธรรมดา หากไร้ซึ่งความสามารถก็ทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับคนรุ่นต่อไปเท่านั้น
เรื่องแบบนี้ ไม่ว่าจะอยู่โลกไหนก็เหมือนกันทั้งสิ้น
“อย่างนี้นี่เอง แต่ก็ยังอันตรายอยู่ดี พี่หลี่ต้องระวังให้มากนะ”
สวี่หยางรู้จักพื้นที่รกร้างแห่งนั้น แม้มองผิวเผินจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล เนื่องจากผู้คนเข้าไม่ถึง ทำให้มียาและผลไม้วิญญาณซึ่งมีค่ามหาศาลหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก
แต่บริเวณดังกล่าวเต็มไปด้วยแมลงมีพิษและสัตว์อสูร นี่ยังไม่รวมถึงโจรจำนวนมากซึ่งมุ่งเป้าไปยังผู้ที่ไม่มีความพร้อมในการเก็บเกี่ยว พวกมันจะสังหารและปล้นชิงทรัพย์สินอย่างโหดเหี้ยม
“ถึงอย่างไรข้าก็อยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสี่ นับว่ายังพอมีความสามารถในการป้องกันตัวเองอยู่บ้าง จะว่าไปพี่สวี่สนใจจะลองไปแสวงโชคหรือไม่? ตอนนี้เจ้าก็มีครอบครัวแล้ว อีกไม่ช้าก็คงจะมีลูก สู้ออกไปหารายได้เพิ่มด้วยกันดีกว่า”
หลี่ต้าต่งยังคงเชื่อใจในตัวสวี่หยางเป็นอย่างมาก
สวี่หยางแสร้งครุ่นคิดด้วยความลำบากใจสักพัก แล้วในที่สุดเขาก็เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมาก่อนจะเอ่ยขอโทษ “ข้าเองก็อยากลองหารายได้เพิ่มเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ขอบเขตการฝึกตนของข้าต่ำเกินไป ทั้งยังไม่มีเคล็ดวิชาโจมตีที่พอจะใช้การได้ ข้าเลยกลัวว่าหากไปครั้งนี้อาจจะไม่ได้กลับมา”
“เจ้าไม่ต้องการเวลาอีกสักหน่อยหรือ?”
สวี่หยางส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยขอโทษอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าสวี่หยางตัดสินใจแล้ว หลี่ต้าต่งก็ไม่โน้มน้าวอีก “ไม่เป็นไร ถ้างั้นเรื่องทางนี้ต้องรบกวนพี่สวี่แล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยดูแลภรรยาและลูกสาวของข้าให้ แม้ว่าตัวภรรยาจะอยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสอง แต่ทุกวันนี้นางยังไม่กล้าแม้แต่จะฆ่าปลา ด้วยนิสัยเช่นนี้อาจทำให้ถูกกลั่นแกล้งได้ง่าย”
สวี่หยางทราบถึงนิสัยของเหอฉยงเหลียนเช่นกัน แม้นางจะทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ความจริงแล้วกลับเป็นคนว่าหัวอ่อนอย่างไม่น่าเชื่อ
“พี่หลี่ไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลพี่สะใภ้ให้เป็นอย่างดี และจะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้งนางได้” สวี่หยางตกปากรับคำ
หลี่ต้าต่งยิ่งรู้สึกยินดีที่ตอนนี้เขายอมรับสวี่หยางเป็นสหายคนหนึ่ง
ทั้งสองแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ช่วงนี้สักพัก แล้วในที่สุดสวี่หยางก็บอกว่าสามารถร่วมออกลาดตระเวนบริเวณใกล้เคียงได้ แต่เนื่องจากภรรยาของเขาเป็นเพียงมนุษย์ จึงต้องให้ความสำคัญกับการคุ้มกันบ้าน ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจเข้าร่วมได้มากนัก
หลี่ต้าต่งเข้าใจพร้อมบอกว่าจะไปหารือกับคนอื่นทีหลัง จากนั้นจึงจากไปพร้อมกับเหอฉยงเหลียน
สวี่หยางกระซิบทันทีที่ประตูปิด “หากข้าไม่มีคะแนนพิเศษก็อาจจะไปลองดูสักตั้ง แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว”
สวี่หยางยิ่งรู้สึกมั่นใจเมื่อมองไปทางภรรยาที่กำลังเก็บชุดน้ำชา
ทันใดนั้นก็มีคำถามหนึ่งผุดขึ้นมา ในเมื่อเขาสามารถรับรางวัลจากหลินอวี้ได้ แล้วถ้าแต่งงานเพิ่มอีกคนจะทำให้รางวัลและความชอบเพิ่มเป็นสองเท่าหรือไม่?
แต่ไม่ช้าเขาก็ส่ายหน้า
หากระบบนี้ยอมรับเพียงหลินอวี้ขึ้นมาจะทำอย่างไร? หากเขาไปแต่งงานเพิ่มอีกคนจนทำให้นางไม่มีความสุขขึ้นมา รางวัลจะไม่ลดลงเอาหรือ?
ยิ่งกว่านั้น โลกผู้บำเพ็ญในตอนนี้อยู่ในความสับสนวุ่นวาย เขาซึ่งเป็นผู้ปลูกถ่ายวิญญาณธรรมดายังตบแต่งภรรยาสองคน เช่นนั้นไม่เท่ากับป่าวประกาศบอกผู้อื่นหรือว่า… ข้า สวี่หยาง มีเงิน!
“ช่างเถอะ อย่าทำตัวเด่นจะดีกว่า อย่าคิดจะแต่งภรรยาคนที่สองหากยังไม่แข็งแกร่งพอ”
เขาไม่รีบเก็บเกี่ยวหญ้าหลิงซวี แต่เหลือบมองแต้มคะแนนพิเศษที่ได้ในเช้านี้
[ท่านกับภรรยามีค่ำคืนอันแสนวิเศษ รับคะแนนพิเศษ 22 แต้ม]
หากรวมกับแปดแต้มที่เหลือจากก่อนหน้า ตอนนี้ก็จะมีทั้งสิ้นสามสิบแต้ม
จากนั้นเขาก็หยิบเคล็ดวิชาเพลิงวิภาสออกมา
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน