บทที่ 94 ตระกูลหวงผู้ทรงพลัง
“บ้านกับที่ดินของเจ้าที่อยู่บนถนนหยางหลิ่วตกเป็นของตระกูลหวงแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อแจ้งให้ทราบว่าพวกเราไม่ต้องการให้เจ้าเช่าอีกต่อไป!”
หวงหมิ่นเอ่ยอย่างเฉยชา
สวี่หยางคิ้วขมวด
เขายังไม่ได้จัดการเรื่องบ้านกับที่ดินทางฝั่งนั้น ซึ่งตอนแรกตนเองคิดจะใช้เป็นที่กบดาน
แม้จะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว แต่การที่ตระกูลหวงเอาคืนทันทีที่บอกก็ออกจะเป็นการใช้อำนาจเกินไป
สวี่หยางเอ่ย “ไม่ทราบว่าจะได้ค่าชดเชยเท่าไหร่?”
“ยี่สิบหินวิญญาณต่อหนึ่งหมู่”
“ในส่วนของบ้าน พวกข้าตรวจสอบมาแล้วจนทราบว่ามันเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ หาใช่ของเจ้าไม่ ดังนั้นจึงไม่มีค่าชดเชย”
หวงหมิ่นเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
ผู้บำเพ็ญขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเก้าเอ่ยอีกครั้ง “ที่ดินของเจ้าคือสองหมู่ ดังนั้นจะได้ค่าชดเชยสี่สิบหินวิญญาณ”
สวี่หยาง “…”
เยี่ยมไปเลย สี่สิบหินวิญญาณ อย่างนี้ปล้นกันเลยดีกว่า!!
ความจริงแล้วสำหรับสวี่หยาง ผลประโยชน์หาใช่สิ่งสำคัญไม่
ทว่าเขาคิดถึงผู้บำเพ็ญธรรมดาคนอื่นที่อยู่บนถนนหยางหลิ่ว
“พวกเจ้าเอาแค่ที่ดินของข้าใช่หรือเปล่า? แล้วของคนอื่นล่ะ?”
“ตระกูลสวีได้ทำข้อตกลงกับตระกูลหวง ทำให้พื้นที่โดยรอบของเมืองฟางซึ่งมีถนนหยางหลิ่วเป็นศูนย์กลาง รวมถึงถนนอีกสามสายซึ่งอยู่ติดกันต่างเป็นของพวกข้า!”
น้ำเสียงของหวงหมิ่นเจือแววเหยียดหยันเล็กน้อย “หมายความว่าฝั่งนั้นเป็นของพวกข้า ซึ่งตระกูลหวงกำลังเตรียมวางแผนใหม่เพื่อรวบรวมทุ่งวิญญาณเข้าด้วยกัน ดังนั้นทุกคนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นจะต้องออกไป”
“แต่ค่าชดเชยนี้มันไม่น้อยเกินไปหน่อยหรือ?”
พูดตามตรง สวี่หยางไม่อยากมีเรื่องกับคนเช่นนี้
ทว่าผู้บำเพ็ญธรรมดาทั้งหลายที่ต้องพึ่งการทำนาเพื่อความอยู่รอดอาจจะกลายเป็นคนไร้บ้าน
ซึ่งการชดเชยดังกล่าวนับว่าน้อยเกินไป พวกเขาจะเอาหินวิญญาณเพียงไม่กี่สิบก้อนไปทำอะไรได้?
“ตระกูลหวงจะให้ค่าชดเชยเท่าไหร่มันก็เรื่องของพวกข้า หาใช่กงการของเจ้าไม่! อีกอย่าง ข้ามาที่นี่ก็เพื่อแจ้งให้เจ้าทราบด้วยตัวเอง ไม่ได้มาเจรจา!”
สิ้นคำ หวงหมิ่นพยักหน้าไปทางผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเก้าซึ่งอยู่ด้านหลัง
ผู้บำเพ็ญมนุษย์เข้าใจก่อนจะลุกขึ้นแล้ววางถุงเงินลงบนโต๊ะ
“หินวิญญาณสี่สิบก้อน รับไปซะ”
“ไม่จำเป็น!”
“เรื่องของเจ้า!”
หวงหมิ่นหันหลังแล้วจากไปทันที
“สามี ตระกูลสวีคิดอะไรอยู่ถึงได้ยกที่ดินบนถนนหยางหลิ่วให้ตระกูลหวง? แล้วคนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นจะอยู่กันอย่างไร?”
เสิ่นม่านอวิ๋นมองร่างที่กำลังจากไปของหวงหมิ่นพลางขมวดคิ้ว
“อาจเป็นเพราะตระกูลสวีตกลงเรื่องเงื่อนไขกับตระกูลหวงในช่วงที่ทำสงครามกับจักรพรรดิสัตว์ร้ายตระกูลโจว! ข้าก็สงสัยอยู่ว่าเหตุใดตระกูลหวงถึงลงเอยด้วยการทำตัวไร้เหตุผล เป็นเพราะแบบนี้นี่เอง!”
สวี่หยางส่ายหน้าอย่างจนใจขณะติดต่อหลี่ต้าต่งเพื่อสอบถามสถานการณ์ทางนั้นทันที
หลี่ต้าต่งตอบกลับอย่างรวดเร็ว เขาบอกว่าชาวบ้านที่นั่นรวมตัวกันเพื่อเตรียมจะต่อต้านการเข้ามายึดครองที่ดินของตระกูลหวง!
ต่อให้อีกฝ่ายต้องการซื้อก็ต้องให้ในราคาที่สมเหตุสมผล หาไม่แล้วพวกเขาก็จะไม่ย้ายไปไหน!
สีหน้าของสวี่หยางแข็งทื่อเล็กน้อย หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปก็อาจมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่
เพราะเขาเพิ่งเห็นทัศนคติของหวงหมิ่นซึ่งเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองจนคล้ายคนบ้าอำนาจก็ไม่ปาน
ขนาดเขายังเจอแบบนี้ กลุ่มผู้บำเพ็ญธรรมดาระดับต่ำยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“ตอนนี้สวีจื่อรั่วคนนั้นออกจากการเก็บตัวแล้วและกำลังจะจัดงานฉลองสำหรับการสร้างรากฐานในไม่ช้า ตระกูลนางก็ใหญ่โต ทำไมไม่ลองไปคุยดูล่ะ?”
สวี่หยางแนะนำภรรยาทั้งสองผู้อยู่ที่ตรงโต๊ะตัวยาว
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เสิ่นม่านอวิ๋นก็มีสีหน้ากังวล “แม้สวีจื่อรั่วจะเป็นคนดีและเห็นค่าในตัวเจ้า แต่ความสำคัญของพวกเราเมื่อเทียบกับตระกูลหวงนับว่าน้อยนิดนัก เกรงว่านางคงไม่สร้างความขุ่นเคืองต่อตระกูลหวงเพื่อพวกเรา”
“ใช่แล้ว ถึงอย่างไรตระกูลหวงก็ช่วยตระกูลสวีขับไล่ตระกูลโจวจนชนะสงคราม ตอนนี้พวกเขาเป็นพันธมิตรกันแล้วก็คงทำเป็นนิ่งเฉยไม่ผิดแน่! เฮ้อ สุดท้ายผู้บำเพ็ญธรรมดาชั้นล่างก็ทำได้เพียงก้มหน้ารับกรรมต่อไป” หลินอวี้ถอนหายใจ
ตอนนี้สวี่หยางคิดถึงหลินหวั่นชิง
เขากำลังคิดว่าหลินหวั่นชิงกับสวีจื่อรั่วมีความสัมพันธ์ที่ดีพอสมควร ซึ่งในตอนนี้นางถึงขั้นเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยตระกูลสวี บางทีอาจจะพอช่วยพูดให้ได้
หากยังไม่ได้ผลอีก เขาก็จนปัญญาแล้ว
ภายหลัง เขาติดต่อหลินหวั่นชิงแล้วเล่าเรื่องราวให้ฟัง
หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว สวี่หยางก็หยิบจดหมายออกมาแล้วเขียนหาหวงเสี่ยวเหมยแห่งสำนักชิงหยาง
คราวนี้ทั้งที่ดินและบ้านของพ่อแม่หวงเสี่ยวเหมยจะถูกเวนคืนเช่นกัน เขาต้องแจ้งให้นางทราบล่วงหน้า
ไม่ช้า จดหมายก็ถูกส่งออกไป
หลังจากเสร็จเรียบร้อย สวี่หยางก็ให้ภรรยาทั้งสองทำงานต่อ ส่วนตนตรงไปที่สวนหลังบ้านเพียงลำพัง
ขั้นแรกต้องตรวจดูพืชวิญญาณที่ปลูกไว้เสียก่อน
การปลูกพืชวิญญาณของเขาในตอนนี้จะใช้เคล็ดปลูกถ่ายวิญญาณส่วนหนึ่งก่อนจะปล่อยให้มันเติบโตเองตามธรรมชาติ
ถึงอย่างไรก็มีของจำนวนมากที่จำเป็นต่อการเปิดร้าน ซึ่งพวกมันล้วนต้องพึ่งคะแนนพิเศษที่เริ่มไม่พอใช้แล้ว
ยกตัวอย่างเช่นในครั้งนี้ คะแนนพิเศษทั้งหมด 6000 แต้มถูกใช้ไปเพื่อพัฒนาวิชายุทธ์


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน