บทที่ 95 นับวันคนผู้นี้ยิ่งกล้าพูดจาแทะโลม
หลินหวั่นชิงกับสวีจื่อรั่วนั่งอยู่บนเก้าอี้หินบริเวณลานบ้าน บนโต๊ะหินข้างหน้าทั้งสองมีกลิ่นหอมของชาอบอวลไปทั่ว
ใบชาสีขาวที่ลอยเคว้งอยู่ในน้ำ
หลังจากหลินหวั่นชิงได้ยินคำพูดหยอกล้อของสวี่หยางผ่านยันต์สื่อสาร ใบหน้างดงามก็แดงระเรื่อทันที
‘นับวันคนผู้นี้ยิ่งกล้าพูดจาแทะโลม’
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่มุมปากของหลินหวั่นชิงก็ค่อย ๆ ยกขึ้นด้วยความรู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างน่าสนใจนัก
นางหนีบขาเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
สวีจื่อรั่วผู้กำลังจิบชาเห็นรอยยิ้มที่ยากจะอธิบายของหลินหวั่นชิงก็บังเกิดความสงสัย “หวั่นชิง เหตุใดเจ้าถึงยิ้มหรือ? มีเรื่องอะไรตื่นเต้นหรือ? หืม? ยันต์สื่อสารมีความผันผวน เจ้ากำลังติดต่อกับใครอยู่น่ะ?”
“อา สหายน่ะ”
หลินหวั่นชิงลอบคิดว่าเพราะสวีจื่อรั่วสร้างรากฐานขึ้นมาแล้ว ทำให้การรับรู้ในตอนนี้เฉียบคมกว่าเดิมหลายเท่าตัว
“น่าสงสัย น่าสงสัย…” สวีจื่อรั่วโน้มตัวยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “หลินหวั่นชิง เจ้ากำลังปิดบังบางอย่างจากข้าใช่หรือไม่? สหายที่ว่าหมายถึงหวานใจของเจ้าหรือเปล่า? ”
“จื่อรั่วพูดอะไรน่ะ เจ้าเพิ่งจะสร้างรากฐานไม่ทันไร เหตุใดจึงพูดจาเหลวไหลเช่นนี้ ข้าไม่ได้…”
หลินหวั่นชิงเอ่ยคำพลางเบี่ยงสายตาหลบ
“เหอะ…”
เมื่อเห็นหลินหวั่นชิงเป็นเช่นนี้ สวีจื่อรั่วจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางกำลังโกหก!
แต่นางไม่คิดเปิดโปง
เพียงแต่อดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่กำลังสนทนากับหลินหวั่นชิงคือใคร?
โดยปกติแล้ว หากร่างกายของหลินหวั่นชิงฟื้นตัวเต็มที่ ด้วยความสามารถกับรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายย่อมเป็นที่หมายตาของใครหลายคน!
หลินหวั่นชิงไม่รู้เลยว่าสวีจื่อรั่วมองออกว่านางโกหก
มันก็ช่วยไม่ได้ ทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่เด็ก พวกนางร่ำเรียนด้วยกันจนเกิดเป็นความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
เมื่อสวีจื่อรั่วอยากสอบถามเพิ่มเติม หลินหวั่นชิงก็ลุกขึ้นและกล่าวลาทันที
“ไยจึงรีบไปเล่า?” สวีจื่อรั่วพูดไม่ออกชั่วขณะ “ข้ายังคิดว่าเจ้าสามารถช่วยคิดว่าจะจัดงานฉลองการสร้างรากฐานสำเร็จอย่างไรได้เสียอีก คงจะดีถ้าเจ้า…”
หลินหวั่นชิงต้องการไปเจอหน้าหวานใจใจจะขาด จึงคลี่ยิ้มพลางกล่าว “ข้าเป็นเพียงทายาทต่างแซ่ หาได้มีคุณสมบัติที่จะให้คำแนะนำไม่ เจ้าให้ผู้อาวุโสจัดการเรื่องนี้ก็แล้วกัน!”
สิ้นคำ หลินหวั่นชิงก็เดินจากไป
ขณะย่างก้าว นางก็ส่งสารหาอีกฝ่าย “เจ้ามาหาได้เลย อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือไม่? ข้าจะทำให้กินเอง”
สวี่หยางยิ้ม คาดไม่ถึงว่าหลินหวั่นชิงผู้มีสีหน้าเย็นชาจะมีน้ำใจจนถึงขนาดเสนอทำอาหารด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธความใจดีของหลินหวั่นชิงได้ จึงตอบตกลงไป
“เช่นนั้นข้าจะไปหาตอนเย็น”
หลินหวั่นชิง “ตกลง เดี๋ยวข้าขอตัวไปซื้อวัตถุดิบก่อนนะ”
……
ตลอดทั้งวัน สวี่หยางไม่ได้ไปทำงาน แต่ทำการฝึกฝนอยู่ที่ลานบ้าน
หลังจากไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับแปด ความก้าวหน้าก็ไม่รวดเร็วเท่าแต่ก่อน ดังนั้นเขาจึงอยากไปถึงคอขวดโดยไวเพื่อเข้าสู่ระดับเก้า
ในตอนนี้ เขากำลังทำสมาธิและกระตุ้นวิชายุทธ์ขณะพลังวิญญาณในจุดตันเถียนยังคงเพิ่มพูนและควบแน่นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นจึงเข้าสู่เส้นลมปราณตามแขนขา
ขณะทำการฝึกฝน เขาได้กินยาต้มโสมหญ้าโลหิต ด้วยความช่วยเหลือของโอสถนี้ ทำให้มีรากฐานลึกล้ำมากขึ้น
ผ่านไปสักพัก เขาก็เริ่มครุ่นคิด
ตอนนี้เขาอยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับแปด ส่วนเสิ่นม่านอวิ๋นก็อยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเจ็ด หลังจากไปถึงระดับเก้าก็ถึงเวลาที่ต้องคิดเกี่ยวกับการสร้างรากฐาน
“ข้าต้องวางแผนล่วงหน้า” สวี่หยางลูบคาง
ความเป็นจริง ผู้บำเพ็ญมนุษย์ทั้งหลายเริ่มเตรียมโอสถสร้างรากฐานตอนอยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับเจ็ด
ผู้ที่มีตระกูลหนุนหลังอาจช่วยสนับสนุนด้วยการซื้อทรัพยากรที่โรงประมูลหรือสำนักขนาดใหญ่
ส่วนผู้ที่ไม่มีภูมิหลังเช่นนั้นจะต้องรวบรวมโอสถสร้างรากฐานด้วยตัวเอง จากนั้นสั่งสมทีละน้อยจนในที่สุดก็มองหานักปรุงยาเพื่อกลั่นโอสถ
“ต้องไปหารายการสมุนไพรวิญญาณที่จำเป็นต่อการกลั่นยาสร้างรากฐานทีหลัง”
สวี่หยางเอ่ยพึมพำ ไม่นานกลิ่นอายในร่างกายก็ค่อย ๆ เบาบางและมั่นคง
ในตอนนี้ หลินหวั่นชิงก็ส่งสารมาทางยันต์สื่อสาร “สามี ถึงเวลาข้าวเย็นแล้ว”
สวี่หยาง “เข้าใจแล้ว”
เขาลุกขึ้นก่อนจะเดินไปที่ร้าน
“สามี ผลจากการฝึกฝนวันนี้ดูเหมือนจะดีไม่น้อย!”
หลินอวี้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสวี่หยางที่เข้มข้นขึ้นอีกครั้งก่อนจะเอ่ยอย่างมีความสุข
“อื้ม ถือว่าดีมากเลยละ”
“ข้าเตรียมปีกอสูรอินทรีกับปลาเขียววิญญาณเอาไว้แล้ว สามีต้องการสุราด้วยหรือไม่?” หลินอวี้ถาม
“เอ่อ ไว้ข้ากลับมาเมื่อไหร่จะกินก็แล้วกัน ตอนนี้ข้าต้องออกไปหาหลินหวั่นชิงเพื่อรักษานางก่อน” สวี่หยางเอ่ย
เสิ่นม่านอวิ๋นผู้กำลังจัดการบัญชีเหลือบมองสวี่หยางด้วยความสงสัย “เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าอาการบาดเจ็บของหลินหวั่นชิงหายดีแล้ว?”
สวี่หยางตอบ “ได้รับการรักษาแล้วก็จริง แต่ยังไม่หายขาด ยังต้องดูอาการไปอีกสักระยะน่ะ”
หลินอวี้พลันผิดหวัง “ก็แล้วแต่ พวกข้าจะรอเจ้ากลับมาแล้วกัน”
“แค่ก แค่ก พวกเจ้ากินกันก่อนได้เลย”
เสิ่นม่านอวิ๋น “ก็ได้ สหายเต๋าสวี่รีบไปเสีย อย่าไปถูกผู้อื่นล่อลวงเสียเล่า”
ดูเหมือนจะมีบางอย่างแฝงอยู่ในคำพูดหรือเปล่านะ?
สวี่หยางไม่มีทางอื่นนอกจากต้องตัดสินใจหาโอกาสให้หลินหวั่นชิงเข้ามาในบ้านเพื่อจะได้ทำความรู้จักกับทุกคน
แต่จะหาโอกาสเช่นนั้นได้จากไหนกัน?
สวี่หยางครุ่นคิดระหว่างทางไปบ้านของหลินหวั่นชิง
ทันใดนั้น เขาก็เกิดความคิดบางอย่าง อีกสามวัน สวีจื่อรั่วจะจัดงานฉลองที่สร้างรากฐานได้สำเร็จที่ทะเลสาบพานหยางไม่ใช่หรือ?
เขาได้รับคำเชิญจากตระกูลสวีแล้ว ดังนั้นตนเองจึงตัดสินใจว่าจะพาผู้หญิงทั้งสองไปที่นั่นเพื่อทำความรู้จักกัน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน