เข้าสู่ระบบผ่าน

ย่างก้าวสู่วิถีเซียน นิยาย บท 97

บทที่ 97 ข้าไม่ได้โชคร้ายขนาดนั้นหรอกใช่หรือไม่?

เมื่อเห็นท่าทีตื่นเต้นของน้องสาว หวงเหวินหลินก็แสดงท่าทีสงบจนน่าประหลาด

“อื้ม เสี่ยวหมิ่น พวกเรามาเมืองฟางเป็นครั้งแรกและยังไม่ได้ลงหลักปักฐานอะไร ทำอะไรก็ระมัดระวังหน่อย พยายามคลี่คลายปัญหาอย่างสันติ มันคงไม่ดีนักถ้าจะสร้างศัตรูขึ้นมา”

หวงเหวินหลินเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ข้าทราบแล้ว พี่ชาย ข้าตรวจสอบผู้คนบริเวณนั้นมาหมดแล้ว พวกเขาล้วนเป็นกลุ่มผู้บำเพ็ญธรรมดาระดับต่ำ ไม่สิ แม้แต่ผู้บำเพ็ญระดับต่ำก็ยังเป็นไม่ได้ด้วยซ้ำ ด้วยทรัพยากรทางการเงินของพวกเขา จะไปมีปัญญาฝึกฝนได้อย่างไร สุดท้ายก็เป็นได้แค่ชาวนากลุ่มหนึ่งเท่านั้น”

หวงหมิ่นสะบัดผมนุ่มก่อนจะนั่งบนเก้าอี้ข้างกายอีกฝ่าย จากนั้นจึงหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม

หวงเหวินหลินเหลือบมองน้องสาวพลางเอ่ยคำ “เสี่ยวหมิ่น ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่ามียอดฝีมือซุ่มซ่อนอยู่ทั่วหล้า บางคนที่เจ้ามองว่าอ่อนแออาจจะเป็นศัตรูที่คาดไม่ถึงก็ได้”

“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านพี่ จะพูดจาให้มันยืดเยื้อไปไย ข้าคงไม่โชคร้ายไปเจอคนแบบนั้นหรอก”

เมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่ตั้งใจฟังคำที่พูด หวงเหวินหลินก็ปวดหัวตุบ ๆ “เอาเถอะ บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น!”

หวงหมิ่นเริ่มเล่าให้ฟังด้วยความตื่นเต้น

พี่ชายเป็นแบบอย่างของนางตั้งแต่เด็ก ดังนั้นตนจึงอยากให้เขาเห็นความสามารถพร้อมกับแบ่งปันเรื่องราวให้ฟัง

นางรู้สึกว่าสิ่งที่ทำในวันนี้ราบรื่นดีมาก ดังนั้นตนเองจึงเล่าออกมาอย่างออกรส

หวงเหวินหลินคิ้วขมวดตามสัญชาตญาณหลังจากได้ยินเช่นนี้

“เจ้าฆ่าคู่สามีภรรยาสูงอายุงั้นหรือ และหนึ่งในนั้นยังเป็นมนุษย์ด้วย”

“ถูกต้อง คนเช่นนั้นจะไปมีภูมิหลังอะไรได้ ดังนั้นท่านพี่โปรดวางใจ” หวงหมิ่นดื่มชาหมดรวดเดียวพลางคิ้วขมวด นางมองใบชาบนโต๊ะ “ท่านพี่ ท่านดื่มชารสชาติแย่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

หวงเหวินหลินเมินคำพูดของหวงหมิ่นพลางเอ่ยคำ “ถ้ามีแค่สองคนนั้นก็ไม่เป็นไร แล้วเจ้ากำจัดศพไปแล้วหรือยัง?”

“อื้ม ตอนแรกข้าจะเผาอยู่แล้ว แต่ก็มีเจ้าโง่คนหนึ่งเดินเข้ามาเก็บศพพวกเขาไป”

หวงเหวินหลินหรี่ตาแล้วเอ่ยถามอย่างจริงจัง “ใครเป็นคนเก็บศพ?”

“เขาชื่อสวี่หยาง คนผู้นี้เพิ่งเปิดร้าน ว่ากันว่าเป็นคนเด่นคนดังยามอยู่ต่อหน้าสวีจื่อรั่ว ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้”

“แค่นั้นหรือ? สวี่หยาง…” หัวใจของหวงเหวินหลินเต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่ “สวี่หยางหรือ ข้ารู้แล้ว เมื่อไม่นานมานี้สหายของสวีจื่อรั่วนามว่าหลินหวั่นชิงได้รับพิษจากผู้บำเพ็ญมารเข้าไป ดูเหมือนว่าสวี่หยางจะเป็นคนรักษาให้ ยิ่งกว่านั้น สวีฉางหลงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลสวียังให้ค่าเขาจนมีครั้งหนึ่งที่เอ่ยปากว่าอยากให้แต่งงานกับสวีเชี่ยนเชี่ยน!”

“ไม่มีทาง สวีฉางหลงตาบอดหรือไร!” ดวงตาของหวงหมิ่นเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “เขาอยากให้สวี่หยางคนนั้นแต่งงานกับสวีเชี่ยนเชี่ยนหรือ น่าขันเป็นบ้า”

“เสี่ยวหมิ่น! ผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตจินตานคือคนที่เจ้าสามารถนินทาลับหลังได้งั้นหรือ?” หวงเหวินหลินเดือดดาลจนตบโต๊ะแทบแหลก ในเวลาเดียวกัน เขาขยี้ฉนวนกันเสียงในมือเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครได้ยินสิ่งที่พวกเขาพี่น้องพูดคุยกัน

“นับจากนี้จงระวังคำพูดให้มากขึ้น หากผู้บำเพ็ญมนุษย์ขอบเขตจินตานได้ยินเข้าและส่งคนมาจัดการ เจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานกับผลลัพธ์ที่ตามมา เข้าใจหรือไม่?”

“ข้าเข้าใจแล้ว แต่มันอดประหลาดใจไม่ได้นี่นา สวี่หยางมีความสามารถอะไรกันแน่?”

“อย่าได้ดูถูกคนผู้นี้เชียว ในบรรดารายชื่อคนในเมืองฟางของตระกูลสวี สวี่หยางคือหนึ่งในคนที่พวกเราควรดึงมาเป็นพวก! แม้ชายผู้นี้จะมีภูมิหลังต่ำต้อย แต่ช่วงนี้เขากลับสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ให้กับตระกูลสวีครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่อย่างนั้น เจ้าคิดว่าสวีฉางหลงจะให้ค่าเขาไปทำไม? มันต้องมีบางอย่างแอบแฝงไม่ผิดแน่! อีกอย่าง ข้าได้ยินมาว่าสวี่หยางมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้บำเพ็ญมนุษย์สำนักชิงหยางด้วย!”

“สำนักชิงหยางหรือ ไม่แปลกใจเลย แต่ในความเห็นของข้า พวกเขามีความสัมพันธ์ต่อกันแล้วมันอย่างไร? โลกใบนี้มีเพียงเรื่องผลประโยชน์เท่านั้น นั่นคือสิ่งที่ท่านพี่สอนข้า”

หวงเหวินหลินปวดหัวเจียนระเบิด “มันก็จริงที่พวกเราต้องให้ความสำคัญเรื่องผลประโยชน์ แต่มิตรภาพก็มีประโยชน์เหมือนกัน เจ้ายังต้องเรียนรู้อีกมาก การบำเพ็ญขึ้นอยู่กับความมั่งคั่ง สหาย กฎเกณฑ์และดินแดน สหายคือพวกพ้อง ยิ่งพวกพ้องมากก็ยิ่งมีหลากเส้นทาง อย่าสร้างศัตรูมากจนเกินไป…”

“อื้ม ข้าเข้าใจ แต่สวี่หยางก็แปลกคน เหตุใดเขาถึงต้องเก็บศพสองคนนั้นด้วย?” หวงหมิ่นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพี่ชายกล่าวเช่นนี้

หวงเหวินหลินก็รู้สึกเคลือบแคลงสงสัยเช่นกัน ในความเห็นของเขา ผู้ที่สามารถคบหากับคนระดับเดียวกับสวี่หยางได้ก็น่าจะเป็นมนุษย์เหมือนกัน เช่นนั้นเขาก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำเช่นนี้ไม่ใช่หรือ?

“หรือว่าสองคนนั้นจะมีภูมิหลังอื่นอีก?”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็หยิบยันต์สื่อสารออกมาเพื่อสอบถามจางเถี่ย

จางเถี่ยผู้ยังคงทำงานรื้อถอนบนถนนหยางหลิ่วได้รับการติดต่อจากอีกฝ่าย ก่อนจะรีบบอกตัวตนของผู้เสียชีวิตให้ทราบ

“ว่าอะไรนะ พ่อแม่ของศิษย์สำนักชิงหยางหรือ?”

เขาตัวแข็งทื่อ!

หวงเหวินหลินเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด คล้ายไม่เชื่อหูตัวเอง “จางเถี่ย เหตุใดเจ้าไม่ยอมบอกก่อนหน้านี้?”

บทที่ 97 ข้าไม่ได้โชคร้ายขนาดนั้นหรอกใช่หรือไม่? 1

บทที่ 97 ข้าไม่ได้โชคร้ายขนาดนั้นหรอกใช่หรือไม่? 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย่างก้าวสู่วิถีเซียน