ยั่วรักทนายคนโหด นิยาย บท 345

ตอนที่345 ตรวจDNA

นัชชาย่อตัวลงรับธีมนต์วิ่งเข้ามากอดอย่างเต็มแรงหากไม่ใช่เพราะเตชิตใช่ร่างกายยัดเธอไว้ด้านหลังเธอต้องล้มกลิ้งเป็นแน่

ธีมนต์ไม่ได้เป็นเด็กที่ชอบร้องไห้แต่เวลานี้เขาอยู่ในอ้อมกอดของเธอเริ่มร้องไห้กระซิกๆ"คุณแม่ครับคิดถึงคุณแม่จังเลย"

เสียงกระซิกของเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความกลัวและน้อยใจเหมือนดังมีดเฉือนหัวใจของนัชชาเธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเด็กน้อย"อย่าร้องไห้อย่าร้องไห้แม่มารับแล้วจ๊ะ"

ธีมนต์ไม่ใช่เด็กที่ชอบงอแงร้องไห้อยู่สักพักก็เงียบเด็กน้อยยกมือขึ้นเช็ดที่ใบหน้าและด้วยเหตุนี้นัชชาเห็นนิ้วโป้งของเด็กน้อยมีปาสเตอร์แปะอยู่

เธอคว้ามือเด็กน้อยขึ้นมาดูหัวใจเหมือนถูกบีบจนเจ็บ"นี่ไปโดนอะไรมาลูกเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า? "

เมื่อได้ฟังเตชิตขมวดคิ้วและมองไปทางเด็กน้อยเมื่อก่อนเขาไม่เคยหลบหน้าเตชิตแต่ครั้งนี้เขากลับหลบเข้าไปในอ้อมกอดของนัชชาพูดเสียงเบา"คุณทวดเขากรีดนิ้วหนู"

นัชชาเห็นลูกเจ็บเธอก็เจ็บไปด้วยแต่ต้องทำเป็นเข้มแข็งเพื่อปลอบใจลูกดวงตาของเธอคลอไปด้วยน้ำตา"ไม่เจ็บแล้วนะลูกเดี๋ยวแม่เป่าให้ก็ไม่เจ็บแล้ว"

ธีมนต์กลัวว่าเธอจะเป็นห่วงเขาเป็นเด็กฉลาดเฉลียวเขาส่ายหัวอย่างช้าๆ" คุณแม่ครับหนูไม่เป็นไร"

นัชชาลุกขึ้นยืนจูงเด็กน้อยไว้ด้านข้างลำตัวเดิมทีเธอไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับตระกูลจิวะพงษ์แต่เวลานี้สิ่งที่เธอเห็นสิ่งที่เธอได้ยินเหมือนมีถังน้ำมันเทราดบนตัวเธอและถูกจุดไฟจนไฟลุกท่วม

เธอไม่ได้เป็นคนที่ไม่มีมารยาทแต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ได้อีกต่อไป"ใครกรีดนิ้วลูกของฉัน?"

เมื่อได้ยินเธอถามดังนั้นคู่สามีภรรยามองหน้ากันรู้สึกผิดนิดๆหลังจากเงียบไปสองวินาทีชายชราก็กระแอมขึ้นมาและพูดว่า"หมอประจำตระกูลของเราเป็นคนกรีดเองเมื่อพาเด็กมาก็ต้องมีการพิสูจน์กันหน่อย"

คำตอบของชายชราทำให้นัชชาคาดไม่ถึง

หมอประจำตระกูลยืนยันกรีดนิ้ว

ทั้งสามคำนี้เชื่อมโยงกันถ้าใช้หัวคิดสักหน่อยก็รู้พวกเขากำลังทำอะไรกันตรวจDNAพวกเขาไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเตชิตจริงหรือไม่จึงต้องใช้วิธีนี้ตรวจสอบ

ทันใดนั้นดวงตาของนัชชาเบิกกว้างพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้บีบมือเด็กน้อยจนเจ็บ"พวกคุณ... ทำแบบนี้ต่อหน้าลูกของฉัน?"

ทันใดนั้นเธอรู้สึกกลัวกลัวว่าธีมนต์จะรับรู้ในเรื่องที่ไม่เคยตั้งรับมาก่อนว่าพ่อที่แท้จริงเป็นใครกลัวว่าเด็กน้อยจะรับความจริงไม่ได้กลัวว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นความทรงจำที่ไม่ดีฝังใจของเขา

"นี่ไม่ใช่เรื่องปกติเหรอ?จะให้คนภายนอกพูดว่าเด็กคนนั้นเป็นเด็กของตระกูลจิวะพงษ์แต่กลับไปเกิดที่อื่นเพราะฉะนั้นต้องเอาตัวกลับมา!"ไม่รู้ว่าเพราะชายชรารู้สึกผิดกับการกระทำดังกล่าวหรือไม่เสียงของเขาลากสูง" ตอนนี้พวกเราก็ได้รู้ผลแล้วว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเตชิตกับเธอจริงๆต่อไปฉันก็เป็นคุณทวดของเด็กคนนี้! "

คำพูดประโยคนี้เหมือนระเบิดในใจของนัชชาเธอไม่เคยคิดว่าตระกูลจิวะพงษ์ก็เป็นตระกูลผู้ดีแต่กลับทำและพูดสิ่งเหล่านี้ได้หน้าตาเฉยได้อย่างไร

ห้าปีที่ผ่านมานัชชาพยายามจัดการกับความสัมพันธ์ของเธอกับคนพวกนี้แต่มันถูกทำลายด้วยคำพูดประโยคเดียวดึงเอาความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกรอกเข้าไปในหัวเด็กบังคับให้เขายอมรับต่อหน้าต่อตา

นัชชาก้มลงมองไปที่เด็กน้อยพอดีที่สายตาของธีมนต์ก็เงยขึ้นสบตากับเธอพอดีในแววตานั้นนัชชามองเห็นความตกใจสับสนหวาดกลัว

ใช่แล้วแววตาแบบนั้นไม่เคยมีมาก่อนแววตาของธีมนต์มักจะสดใสและมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอแต่ตอนนี้แววตาของเขาเปลี่ยนไปมีความหวาดกลัวอยู่ในนั้นและที่เป็นแบบนี้ก็เพราะชายหญิงชราที่อยู่ตรงหน้า

เป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่นัชชาไม่สามารถระงับสติอารมณ์ของเธอไว้ได้ในสายตาของเธอชายหญิงชราคู่นี้ไม่ใช่คนใจดีน่าเข้าใกล้แต่เป็นอสรพิษที่จ้องจะทำร้ายเธอและลูก

และเธอก็เป็นเพียงแม่ที่ต้องการปกป้องลูกของเธอเท่านั้นเพราะฉะนั้นเธอจึงถามทั้งสองด้วยความโมโหรังเกียจและเสียงดังว่า"ธีมนต์เป็นลูกของฉันฉันไม่เคยคิดที่จะมอบความไว้วางใจให้ใครดูแลเขาและฉันก็ไม่เคยคิดหวังสูงจนเกินตัวพวกคุณคงเข้าใจผิดแล้วฉันไม่เคยคิดจะให้เขาเรียกพวกคุณว่าคุณทวดตอนนี้ไม่เคยคิดอนาคตก็ไม่คิดเหมือนกันธีมนต์เป็นลูกของฉันคุณไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องใดๆถึงแม้ว่าพวกคุณต้องการก็ต้องได้รับความยินยอมจากฉัน! "

"นี่เธอ! " ชายชราโมโหไม่เบา" เธอกล้าดียังไง! "

"พอได้แล้ว! " เตชิตที่ยืนฟังอยู่ข้างหลังเป็นนานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อดกลั้นไม่ไหว

เขามองไปที่ชายชราที่นั่งอยู่บนโซฟา" นี่เป็นเรื่องระหว่างผมและนัชชาพวกท่านไม่ต้องยุ่งเด็กอายุแค่สี่ขวบหากพวกท่านเห็นเขาเป็นคนในครอบครัวเดียวกันคงไม่ปฏิบัติต่อเขาแบบนั้น"

" ดีแท้ๆฉันกับยายของแกทำทั้งหมดก็เพราะแก!แกยังเข้าข้างผู้หญิงคนนั้น! " ชายชราโมโหจนลุกขึ้นยืนมือขวาก็ยันโซฟาไว้เห็นได้ชัดว่าร่างกายไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน

แต่นัชชาไม่เห็นใจชายชราเป็นเด็ดขาดเพราะเขานั่นแหละที่ทำร้ายลูกของเธอ

" ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะไม่ให้ใครในตระกูลจิวะพงษ์สัมผัสกับธีมนต์อีกต่อไปเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลของพวกคุณสักนิดแล้วก็ไม่ต้องมาตรวจสอบDNAให้ลำบาก" นัชชาสูดหายใจเข้าลึกสถานการณ์ที่เธอไม่ต้องการให้ธีมนต์รับรู้ก็เกิดขึ้นในเมื่อเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องเหลือทางออกไว้แล้ว" เมื่อห้าปีก่อนที่ฉันเลือกที่จะจากไปฉันคิดว่าฉันเลือกผิดฉันจึงกลับมาแต่ดูๆไปแล้วการที่ฉันกลับมาถึงจะเป็นทางเลือกที่ผิดมหันต์ดังนั้นหยุดเถอะต่อไปฉันกับตระกูลจิวะพงษ์ของพวกคุณไม่เกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น! ”

คำพูดของเธอแบ่งขอบเขตความสัมพันธ์อย่างชัดเจนหนักแน่นอย่างไม่ต้องสงสัย

เตชิตรู้ว่าการกระทำของคุณตาก้าวล้ำขอบเขตของนัชชาแต่พอได้ยินเธอพูดดังนั้นใจของเตชิตเหมือนโดนควักไปต้มในน้ำเดือด

และสิ่งที่ทำให้เขาหมดแรงคือเขาไม่สามารถได้โต้แย้งใดๆ

เมื่อเห็นแววตาของธีมนต์ที่เมื่อก่อนมองเขาด้วยสายตาที่สดใสแต่ตอนนี้แววตาที่ธีมนต์มองเขากลับเป็นหวาดกลัวไม่กล้าสบตากับเขาใจของเขาไม่ช้ำไปกว่านัชชาเลย

แต่ชายชราไม่ได้ตระหนักถึงความผิดที่ตนทำลงไปกลับพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่า"ฉันไม่สนหรอกตราบใดที่ในตัวเด็กคนนี้มีเลือดของตระกูลจิวะพงษ์อยู่เขาก็คือส่วนหนึ่งของตระกูลเรา! "

นัชชาไม่รู้จะพูดอะไรต่อเมื่อพูดไปก็ไม่เข้าสมองของพวกเขาเธอจึงไม่ได้พูดอะไรอีกหันหลังจูงธีมนต์ออกจากที่นั่นทันที

เตชิตไม่ได้ห้ามเธอแต่เดินตามหลังเธอออกมาจากวิลล่า

"คุณแม่คุณแม่เดินช้าๆหน่อยสิผมเดินตามไม่ทัน" ธีมนต์พยายามเดินตามให้ทันฝีเท้าเธอแต่เขาเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆรีบแค่ไหนก็เดิมตามไม่ทันอยู่ดี

พอได้ยินธีมนต์พูดถึงรู้สึกตัวว่าตนเองเดินเร็วเกินไปเธอจึงชะลอฝีเท้าลง"แม่ขอโทษนะแม่ไม่ได้สังเกต"

ธีมนต์ส่ายหัว" คุณแม่มารับผมผมก็มีความสุขแล้ว"

คำพูดของเด็กน้อยทำให้หัวใจของนัชชาเจ็บแปลบขึ้นมาลูกของเธอเป็นเด็กฉลาดว่านอนสอนง่ายแต่ในฐานะแม่เธอไม่สามารถจัดการกับเรื่องเหล่านี้ได้ทำให้เขาต้องมาทนทุกข์ด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด