ตอนที่ 847 วงการแฟนคลับ
……….
“เกิงเฉิน เจ้าจบสิ้นแล้ว!”
ฮู่ว…
หัวใจที่เต้นตึกตักพลันผ่อนคลายลง
ทันใดนั้นเถ้าแก่โจวพลันรู้สึกว่าโลกช่างงดงามอะไรอย่างนี้ นำมาซึ่งความเอาใจใส่และรอยยิ้มที่เป็นมิตรอยู่เสมอ
“ไม่มีอะไรแล้ว แกนอนต่อเถอะ” โจวเจ๋อพูดในใจ
“อ้อ…”
เจ้าโง่ใจเย็นเข้าขั้นตั้งแต่ต้นจนจบ บางทีสำหรับเขาแล้วก่อนที่เขาจะฟื้นตัวหรือก่อนที่เขาจะฟื้นมาปกป้องและยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้มากพอ ควรพยายามหลบซ่อนให้ได้มากที่สุด
เขาไม่กลัวตาย แต่กลัวตายอย่างเจ็บปวดเกินไปต่างหาก
ไม่ว่าจะโดนคนเหล่านั้นที่เขาเคยดูถูกดูแคลนในอดีตและโชคดีจนรอดมานานได้ฆ่าให้ตาย หรือถูกเด็กรุ่นหลังที่เห็นได้ชัดเจนว่าไม่คู่ควรขึ้นสังเวียนฆ่าให้ตาย สำหรับเขาแล้วมันล้วนเป็นเรื่องยอมรับได้ยาก แต่หากเล่นจนเลยเถิดไปแล้วจริงๆ เช่นนั้นก็ให้มันเลยเถิดไปเลย จะตายก็ต้องตายอยู่ดี จะตายก็ตาย รำไม่ดีโทษปี่โทษกลองหรือพล่ามบ่น มันไม่ใช่นิสัยเขา
สุนัขบ้านคุณกัดคนอื่นมั่วซั่ว มันกล้ามาก คุณจะควบคุมมันได้อย่างไร
ข้อมูลเหล่านั้นน่าจะหลุดออกไปแล้ว แต่เพราะถูกแดนอาคมแหวนทองสัมฤทธิ์สกัดกั้นเอาไว้ ข้อมูลเก้าจุดเก้าส่วนก็น่าจะจมหายไปแล้ว แต่ด้วยการตอบสนองก่อนหน้าของผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ มีแนวโน้มว่าข้อมูลที่แพร่ออกไปมีเพียงเรื่องเดียว
นั่นก็คือชื่อ เกิงเฉิน!
ควบคู่ไปกับสไตล์การต่อสู้ประเภทกำลังภายใน
ผู้สังหารข้า เกิงเฉิน!
หรือเพิ่มภาษาทางการหน่อยก็
ผู้ต่อต้านกฎหมาย เกิงเฉิน!
หากภาษาติดดินทั่วไปหน่อยก็
แก้แค้นเกิงเฉินให้ข้าด้วย!
เอาเป็นว่าคำพูดทั้งหมดทั้งมวลนี้เองที่จู่ๆ เถ้าแก่โจวก็ตระหนักถึงมโนธรรม ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเกิงเฉินผู้ตรวจสอบเกรียงไกร เที่ยงธรรม เสียสละ สุภาพบุรุษขนาดนั้นแถมถูกเขากักขังอยู่ในร้านหนังสือมาโดยตลอดและดูเหมือนว่าจะเป็นความผิดของเขาจริงๆ
คนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาขนาดนี้ คนที่หลุดพ้นจากโลกีย์ชั้นต่ำ เขาควรจะเต็มไปปล่อยมือและตัดใจปล่อยให้เขาโบยบินไปยังที่ที่มีความสุขยิ่งกว่า…
เอเหยาไม่รู้ว่าชายที่สร้างแรงกดดันน่าสะพรึงกลัวตรงหน้านางกำลังคิดอะไรอยู่ ความเป็นจริงแล้ว เถ้าแก่โจวไม่ได้ต่อเสริมเติมแต่งหรือจงใจแสดงละครอะไร อย่างไรเสียชายหนุ่มเป้าด้วนคนนั้นก็ตายแล้ว ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ก็ส่งข่าวคราวออกไปไม่ได้อีก
ประเภทที่ปลิดชีพตัวเองแล้วค่อยใช้ตัวเองเป็นข่าวอีกที งานอย่างนี้มันยากเกินไป
ต่อให้เขาจะแสดงละครอะไรก็ไม่จำเป็นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น โจวเจ๋อรู้จักทักษะของตัวเองอย่างชัดเจน เดาว่าคงจะพอๆ กันกับฝีปากของเขาจึงไม่แสดงฝีมืออันต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
โจวเจ๋อก้าวไปข้างหน้า อาเหยายืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ต่อต้าน นางแค่ยืนอยู่อย่างนั้นพลางมองโจวเจ๋อเดินมาอยู่ตรงหน้านาง มองโจวเจ๋อใช้เล็บแทงทะลุอกนาง มองตามเล็บโจวเจ๋อทอดผ่านร่างกายนาง เสียงปุดๆ เหมือนกระทะน้ำมันเดือดพร้อมกับพิษในร่างกายนางระเหยออกไป นางจ้องโจวเจ๋อเขม็งคล้ายกับกำลังเอ่ยพูดโดยไม่มีเสียง ต่อให้ข้าแหลกเป็นผุยผงก็จำเจ้าได้!
ดูเหมือนจะกลับกันนิดหน่อย แต่มันก็หมายความว่าอย่างนี้จริงๆ
สมาชิกหน่วยบังคับใช้กฎหมายพวกนี้ แต่ละคนล้วนเป็นคนบ้าไร้เหตุผล
แม้จะรู้ว่าไม่เจตนา แม้จะรู้ว่าต้องตายอย่างไม่สงสัย แต่ก็ยืนนิ่งไม่ตอบโต้หรือนั่งรอตัวเองถูกฆ่าตายจริงๆ จากนั้นใช้สายตา ‘ตีวงสาปแช่งคุณ’
คนธรรมดาทั่วไปทำไม่ได้จริงๆ
‘พรึ่บ!
วิญญาณดับสูญไปเงียบๆ
โจวเจ๋อล้วงทิชชู่เปียกออกมาจากกระเป๋ามาเช็ดเล็บตัวเอง โชคดีที่เขาเป็นผีดิบ พิษศพควบคู่กับพลังชั่วร้ายของผีดิบ เมื่อก่อนเขามีหน้าที่วางยาพิษใส่คนอื่น ครั้งนี้อย่างน้อยก็สามารถใช้พิษข่มพิษ ไม่อย่างนั้นเรืออาจล่มในรางน้ำได้
สวี่ชิงหล่างเคยแขวะว่า คนในร้านหนังสือไม่กลัวโดนวางพิษ เพราะมีผีดิบอยู่ตั้งสามตัว!
ตอนนี้เองทนายอันวิ่งมาหาและยืนข้างๆ เหล่าจางพลางส่ายหน้าพูด “เฮ้อ เขาโดนซัดหมอบขนาดนี้ได้ยังไง ใช้ไม่ได้เลย”
ทนายอันไม่กล้าร้องเพลง ‘น้องสาวโปรดก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ…’ อีกแล้ว ฉวยโอกาสตอนนี้แอบโยนความผิดอย่างเงียบๆ
“โทรหาที่ร้านเรียกคนมาเก็บกวาดที่นี่เพิ่มสักสองสามคน แล้วพวกเรามาหารือกันว่าจะทำยังไงต่อไป”
“ครับ เถ้าแก่”
ท่าทีทนายอันดีเกินเบอร์ไปมาก ในการวิเคราะห์สรุปสุดท้าย เรื่องในครั้งนี้เป็นเพราะเถ้าแก่ช่วยเขาระบายความโกรธ บุญคุณนี้เขาจะจำไว้ ขณะเดียวกันท่าทีที่เขามีต่อโจวเจ๋อก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบๆ
จากกอดขาไว้เฉยๆ กลายเป็นกอดพ่วงอารมณ์ผสมร่วมด้วย
โจวเจ๋อนั่งอยู่ในสวนดอกไม้ หยิบบุหรี่ออกมาแล้วจุดไฟ
ยี่สิบนาทีผ่านไป พวกเยว่หยาทั้งสามคนมาแล้ว อิงอิงกับเด็กชายไม่ได้มาด้วย ก็แค่เก็บกวาดสนามรบใช้แค่ยมทูตสองสามคนนี้ก็เหมาะสมแล้ว อีกอย่าง จำเป็นต้องมีคนเฝ้าคุมอยู่ที่บ้านด้วย
เมื่อมองดูยมทูตทั้งสามกำลังง่วนอยู่กับการทำความสะอาดศพและเก็บกวาดร่องรอย จู่ๆ เถ้าแก่โจวก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย ตอนแรกได้ยินทนายอันบอกว่าแค่อึดใจเดียวก็รับสมัครยมทูตได้ตั้งห้าตน แถมโจวเจ๋อยังควักเงินก้อนใหญ่เลี้ยงข้าวพวกเขาอีก แทบเหมือนการจุดพลุเฉลิมฉลอง ใช้จ่ายเงินไปจำนวนมากอีกต่างหาก
ตอนนั้นนึกว่าเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ รับสมัครทหารรบเพิ่ม อีกหน่อยจะปังพลุแตก แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากสถานการณ์เปลี่ยนไปเทียบเท่ากับในตอนแรกจ้างพนักงานทำความสะอาดมาสามคน
ตอนที่ต่อสู้ก็ทำได้แค่ถือธงค่ายกลวิ่งวุ่นเป็นตัวประกอบ หลังการต่อสู้ก็รับผิดชอบงานทำความสะอาด
แต่ทว่าหลักการมันคล้ายกับหลังจากคลอดเด็กออกมาแล้ว คุณจะยัดกลับเข้าไปเหมือนเดิมไม่ได้นั่นแหละ
โจวเจ๋อคิดและนึกสงสัยในใจว่ามีวิธีใดที่สามารถช่วยลูกน้องพวกนี้ยกระดับความสามารถได้บ้าง อย่าเอาแต่เอ้อระเหยลอยชาย ซ้ำร้ายที่สุดคือสาวน้อยโลลิ นับตั้งแต่มีความรักก็สูญเสียจิตวิญญาณแห่งการกล้าได้กล้าเสียไป
แต่ทว่าหลังจากกลั่นกรองผ่านสมองแล้วถึงได้พบว่าวิธีที่จะยกระดับความความสามารถของเขานั้นดูเหมือนจะไม่ต้องทำอะไรเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล