อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นสาม นิยาย บท 7

ปรียาดาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าอยู่ห่างจากวาโย แต่เนื่องจากเขาริเริ่มที่จะพูดเรื่องลูกชายขึ้นมา เธอจะหยุดเขาได้อย่างไร “โอเคค่ะ! เดี๋ยวฉันจะไปพาเขาออกมา” เธอตอบอย่างเร่งรีบ “ยังไงมันก็ดีกว่าสำหรับเด็ก ๆ ที่จะอยู่กับพ่อแม่ของพวกเขา ที่พำนักอันต่ำต้อยของฉันแทบจะไม่เอื้อต่อการเลี้ยงดูเด็กชายที่มีสถานะอย่างภูผาหรอกค่ะ”

วาโยหรี่ตาลง ประกายแวววาวฉายชัดขึ้นไปทั่ว

เราคิดไปเองหรือเปล่า ทำไมเสียงของเธอดูกระแนะกระแหนยังไงไม่รู้ เหมือนจะอยากไล่เราเต็มแก่แล้ว!

ด้วยเหตุนี้ ใบหน้าที่หล่อเหลาจึงบึ้งตึงลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งน้ำเสียงของเขาก็ยังดูห้วน ๆ “ขอโทษที่รบกวน”

“โอ้ ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณเป็นน้องเขยของฉัน ดังนั้นเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอะไรหรอกค่ะ” ปรียาดาพูดอย่างยิ้มแย้มก่อนจะหันหลังเดินจากไป

บ้าเอ้ย น่ากลัวชะมัด! ถ้าเขารู้ว่าเราแฮ็กเงินสามพันล้านจากบัญชีของเขา เราคงถูกขังอยู่ในคุกตลอดชีวิตแน่!

เป็นเรื่องยากสำหรับคนคนหนึ่งที่กำลังระแวดระวังจะเดินตรง ๆ เพราะไม่นานเสียงร้องโหยหวนของปรียาดาจะดังก้องไปทั่วบ้าน

“โอ๊ย!”

ขาซ้ายของเธอดูเหมือนจะมีความคิดเป็นของตัวเอง มันสะดุดไปทางขวา ทำให้เธอเสียการทรงตัวและล้มลงไปข้างหลัง

แม่*เอ้ย ถ้าเอาท้ายทอยลง เราต้องขิตแน่!

อย่างไรก็ตาม ที่ปรียาดาแปลกใจคือความเจ็บปวดที่เธอเตรียมใจไว้ไม่ได้เกิดขึ้น เธอรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน

เธอถูกสัมผัสด้วยออร่าเย็นยะเยือกในทันที กลิ่นของผู้ชายผสมกับกลิ่นมินต์ซึมเข้าสู่รูขุมขน

มันเป็นกลิ่นที่สดชื่นและชวนให้มึนเมา แค่ขยับเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้คนรู้สึกมัวเมาได้

วาโยยังคงอดทนอดกลั้น เขาจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยสายตารุนแรงและดูถูกเหยียดหยาม

รู้อยู่แล้ว! ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด พวกเธอมักจะเล่นตัวมาก ๆ เพื่อให้ได้มาและมักจะใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชาย

เมื่อปรียาดาเห็นหน้าบึ้งตึงของภูผา หญิงสาวก็รีบอธิบาย “ขอโทษทีค่ะคุณลม ฉันสะดุดขาตัวเอง”

น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่ยอมเชื่อ เมื่อคิดว่าปรียาดากำลังฉวยโอกาสกับเขา ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน “อืม... โอเค ๆ ครับ ผมไม่เคยคิดว่าคุณปายจากครอบครัววงษ์รักษาจะเป็นคนแบบนนี้ เมื่อแปดปีที่แล้วมีข่าวลือว่าคุณนอนกับผู้ชายในราคาห้าล้าน แล้วคราวนี้เพิ่มเท่าไหร่ดีล่ะ”

ปรียาดาโกรธมากจนพูดไม่ออก

ปาก*มาจังโว้ย! มาพงมาเพิ่มอะไร! ทำไมเขาถึงเชื่อคำพูดของยัยบีมกันนะ ตานี่เป็นหนึ่งในชายผู้มั่งคั่งที่สุดในโลก แต่เขากลับตัดสินคนได้แย่มาก

“หืม คุณลมพูดจริงพูดเล่นคะเนี่ย ฉันได้ยินมาว่าผู้ชายสมัยนี้มีแนวโน้มที่จะเล่นชู้กับน้องหรือพี่สะใภ้ ประเมินตัวเองไว้แบบไหนคะ” เธอเหน็บก่อนจะพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดหนา

วินาทีต่อมาก็มีมือหนึ่งยื่นออกมาคว้าเอวของเธอไว้

“ไม่ยอมรับงั้นเหรอ? แล้วคำอธิบายของคุณที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนของผมคืออะไร?”

ปรียาดาพยายามดิ้นให้หลุดจากเงื้อมมือของเขา แต่ก็ไม่เป็นผล ให้ตายเถอะ เราร่วงลงบนพื้นซะก็ดีกว่าให้เขารับไว้!

“คุณมันคนสำคัญอยู่แล้ว แล้วตอนนี้คนสำคัญกำลังเล่นอะไรอยู่ล่ะ” เธอถามอย่างเย็นชา “คุณคิดว่ามีข่าวเกี่ยวกับคุณบนทวิตเตอร์ไม่พอหรือไง เลยจะมาจีบฉันให้เป็นประเด็นร้อนอีกเหรอ”

เห็นได้ชัดว่าปรียาดากำลังพยายามชักจูงวาโย แต่อนิจจา มันนแทบไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อชายผู้สงบนิ่งอย่างเขา

“ผมสงสัยมาตลอดว่าทำไมลูกชายของผมชอบคุณมาก คงไม่ใช่เพราะคุณเป็นป้าของเขาหรอกมั้ง? มันออกจะเกินจริงเกินไป ดังนั้นผมเลยตัดสินใจที่จะรู้จักคุณมากขึ้นและค้นหาว่าอะไรที่ดึงดูดเขามาหาคุณ”

ปรียาดาเงียบไปครู่หนึ่ง

ก็ไม่อะไรหรอกถ้าตานี่อยากรู้จักเรา แต่มันจำเป็นต้องกอดกันแน่นขนาดนั้นเลยเหรอ?

แม่*เอ้ย! ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงตรรกะแปลกไร้เหตุผลขนาดนี้กัน โคตรไร้ยางอาย!

ไม่ เราต้องตั้งสติ! จะปล่อยให้เขายั่วยวนเราแบบนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะตอนที่เราขโมยเงินสามพันล้านไปจากเขาแล้ว! ที่สำคัญ บีมก็เคยนอนกับเขามาก่อน!

บ้าเอ้ย! นี่เราเพิ่งโดนไล่ออกจากบ้านเหรอ! เธอไม่ใช่แค่ผู้หญิงไร้วัฒนธรรมเท่านั้นนะ แต่เธอยังเที่ยวไปยั่วยวนผู้ชายอีก ไม่มีอะไรดีเลย! เราคิดว่าการทิ้งภูผาไว้กับเธอจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย แต่ใครจะรู้ว่าเรากำลังเดินเข้าไปในถ้ำเสือ แล้วมันก็น่าผิดหวังมากกว่าที่ภูผาดันไปชอบเธอมากจนลืมไปว่าตัวเองเป็นลูกชายของเรา แม่*! ถ้าไม่ใช่เพราะข้อตกลงที่ว่าไว้ เราคงลงโทษเจ้าเด็กเนรคุณนั่นแล้ว!

ติ๊ง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นสาม