อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม นิยาย บท 49

ทูตของแคว้นฉู่ แคว้นจ้าว แคว้นหวาต่างเบิกตากว้างด้วยความตะลึง

บทกวีของกู้ชูหน่วนไม่เพียงแต่เป็นบทกวีที่ยอดเยี่ยม

แต่ละประโยคของนางสามารถกลายเป็นบทกวีที่มีชื่อเสียง แม้แต่เซียนกวีในตอนนี้ก็ยังมิสามารถทำได้ นางเป็นมนุษย์ธรรมดาจริงเหรอ

“บุปผาวสันต์จันทร์สารทจักสิ้นสุดลงคราใด ความทรงจำจักหลงเหลือสักเพียงไหน

เมื่อคืนวานลมบูรพาพัดหอน้อยอีกครา สุดระทมถวิลหาถิ่นกำเนิดกลางแสงจันทร์

ลูกกรงสลักบันไดหยกยังคงเดิม พลันเพิ่มเติมคือใบหน้าแปรเปลี่ยนผัน

หากถามข้าเศร้าโศกทุกข์โศกศัลย์ ประดุจดั่งธารวสันต์ไหลสู่บูรพา”

อ๋องเจ๋อปาดเหงื่อทุกครั้งเมื่อได้ยินบทกวี ตอนที่เริ่มฟังบ่าวรับใช้อ่านบทกวีของนางออกมานั้น เขายังมีความพยายามรวบรวมสติ เพื่อที่จะดวลกับนางสักตั้ง

แต่หลังจากที่บ่าวใช้อ่านบทกวีแล้ว เขารู้สึกเพียงว่าจิตใจหมดแล้วซึ่งความหวัง

อยากจะยกพู่กันขึ้นมาประพันธ์บนกวีต่อ แต่หัวสมองกลับยังคงดังก้องกังวานเสียงบ่าวรับใช้อ่านบทกวีของนาง

บทกลอนของกู้ชูหน่วน จักต้องข่มขยี้เขาอย่างแน่นอน ทำให้สมองของเขาว่างเปล่า จนประพันธ์ไม่ออกแม้แต่บทกวีเดียว ทำได้เพียงอ้าปากปิด ๆ เปิด ๆ จ้องขันทีอย่างชะงักงัน

“ยามปิติจงเพลิดเพลินให้เต็มที่ อย่าให้มีจอกเปล่าเคล้าแสงจันทร์

ฟ้าประทานความสามารถแด่ตัวฉัน ย่อมจัดสรรประโยชน์สารพัน

เมื่อเงินทองใช้ร่อยหรอลงหมดครัน ย่อมมีวันหวนคืนมาอย่างแน่นอน”

“อันพานพบแสนยากจากยากเข็ญ ลมโชยเย็นแผ่วอ่อนบุปผาแห้ง

ไหมวสันต์สิ้นใจใยจึงแล้ง เทียนมอบดับน้ำตาม้วยจึงแห้งเหือด”

พู่กันในมือของเย่เฟิงราวกับหนักพันชั่ง เขาพยายามสลัดบทกวีที่ขันทีอ่านออกมา พยายามทำให้จิตใจที่วุ่นวายสงบลง แต่กลับไม่สามารถสงบได้ สิ่งที่สะท้อนอยู่ตรงหน้ากลับเป็นใบหน้าของกู้ชูหน่วนที่พลางหาวพลางประพันธ์

ตั้งแต่ต้นจนสุดท้าย เขาไม่กล้าที่จะปรามาสกู้ชูหน่วน แต่ว่ารอบนี้เห็นทีเขาคงพ่ายแพ้อีกแล้ว

ไม่ เขาต้องชนะอย่างเดียว แพ้ไม่ได้

เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะแพ้ 

เมื่อนึกถึงความรับผิดชอบบนบ่าของเขา เย่เฟิงละทิ้งทุกอย่าง และประพันธ์บทกวีต่อ

ซ่างกวนฉู่กับอี้เฉินเฟยมองกู้ชูหน่วนราวกับครุ่นคิดบางอย่าง 

เพียงเวลาสั้น ๆ หนึ่งวัน นางให้พวกเขาตะลึงตกใจมากมาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม