แดนนิรมิตเทพ นิยาย บท 1562

คนทั้งสองมองไปที่เฉินโม่ สีหน้าแสดงออกด้วยความหวาดระแวง การแสดงออกของเฉินโม่ในสองด่านแรกนั้น สร้างความกดดันให้กับทุก ๆ คน สองคนนี้มาอยู่ในชุดเดียวกับเขา เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่อยากให้เป็นไปเลยจริง ๆ

เฉินโม่ก็ได้เดินตรงเข้าไป เหมือนมองไม่เห็นกับสองคนข้าง ๆ นั้น สายตามุ่งจ้องตรงไปที่เตากระทะขนาดเล็กใบนั้น

อีกสองคนนั้นเห็นเฉินโม่ถึงขนาดมองยังไม่มองพวกเขา ในใจก็มีความโกรธเคืองขึ้นมาอยู่ สายตาที่มองเฉินโม่แฝงอยู่ด้วยความริษยาแค้น

เห็นทั้งสามคนเตรียมตัวกันพร้อมแล้ว กู่เยว่เหอตะโกนเสียงประกาศออกมา “เริ่มได้!”

สายตาทั้งของสามคนจ้องไปที่ธงสัญญาณ

“ธงแดง!” ธงแดงในมือถูกยกขึ้นให้สัญญาณ

แชะ!

ไฟในเตากระทะของเฉินโม่ลุกโชนขึ้น แต่มือของเฉินโม่กลับอยู่ห่างตัวเตาออกมา

“พวกแกดู!เขาถึงขนาดจุดไฟในระยะห่างได้”

เฉินโม่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนไปเลยตอนนี้ การทำอะไรแต่ละอย่างล้วนถูกจ้องดูอย่างน่าสนใจ และการจุดไฟโดยที่มือทั้งคู่ห่างออกมาจากเตา เป็นการกระทำอย่างจะแจ้ง จึงเป็นที่มองกันเห็นง่าย ๆ

“จริง ๆ ด้วย!เขาถึงขนาดจุดไฟในระยะห่างได้ น่ากลัวต่อให้เจ้าสำนักสายตรงของสำนักตันจงเองก็ยังทำไม่ได้เลยนะ!”

แต่ละคนที่อยู่ถูกการแสดงออกของเฉินโม่ทำเอาสะท้านสะเทือนกันขนานใหญ่

แต่ก็มีหลายคนที่อิจฉาเฉินโม่ พูดเหน็บแนมไปว่า “ก็อาจจะแค่ทำอวดให้ฮือฮากันเท่านั้นแหละ การจุดไฟในระยะห่างแบบนี้จะต้องสิ้นเปลืองพลังชี่แท้มากขึ้นถึงสิบเท่า ข้าจะดูว่ามันจะฝืนยืนหยัดไปได้สักกี่น้ำเชียว!”

“นั่นก็ไม่แน่นา ในเมื่อเขากล้าแสดงการจุดไฟในระยะห่างแบบนี้ จะต้องมีความมั่นใจแน่นอนว่าจะผ่านด่านที่สามนี้ได้!ข้าฟันธงได้เลย คน ๆ นี้แหละจะต้องเป็นอัจฉริยะของวงการปรุงกลั่นยาในอนาคต!”

“ใช่ ด้วยอายุเพียงแค่นี้ของเขาก็ถึงกับทำเรื่องเหมือนปาฏิหาริย์ให้เราเห็นต่อเนื่องมาขนาดนี้ จะต้องเป็นอัจฉริยะที่แน่จริงอย่างไม่ต้องสงสัย”

บนเวที กู่เยว่เหออีกทั้งพวกกรรมการผู้ตัดสินทั้งหลายเห็นแล้ว ท่าทีในความรู้สึกของพวกเขาก็ไม่ได้ต่างไปกับคนดูข้างล่างสักเท่าไหร่

“ช่างเหนือความคาดคิดจริง ๆ เขาถึงขนาดสามารถจุดไฟในระยะห่างได้ เป็นการพลิกถล่มห้วงจินตนาการของข้าไปอย่างสิ้นเชิง!” กรรมการผู้ตัดสินท่านหนึ่งพูดอย่างอัศจรรย์ใจ

“นั่นสิ เด็กคนนี้ทำให้พวกเราดีใจอย่างน่าอัศจรรย์ ระลอกแล้วระลอกอีก ไม่รู้ข้างหน้าต่อไปนี่ยังมีจะสร้างความอัศจรรย์ใจอะไรให้พวกเราอีก!”

“ข้าในตอนนี้อดใจไม่ไหวแล้ว ข้าอยากจะไปถามเขาสักหน่อยว่าเขามีใครเป็นอาจารย์ฝึกสอนหรือเปล่า ถ้าไม่มีข้าก็จะรับเข้ามาเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิ รับสืบทอดตำราวิชาของข้า!”

“ฝันไปเถอะแก อัจฉริยะนี้เป็นการค้นเจอโดยพวกเรา แกเอาอะไรมาอ้างสิทธิ์มารับเขาเป็นลูกศิษย์?”

“ถึงแม้เป็นการพบเห็นจากทุกคน แต่ข้าเป็นคนพูดไว้ก่อนแล้ว พวกแกจะมาแย่งกับข้าไม่ได้แล้ว!”

“ฮ่า ๆ ตลกนี่ แกเอ่ยปากก่อนก็เป็นใช่เลยนะ ก็ต้องไปถามเขาก่อนว่าเขาจะยอมรับแกเป็นอาจารย์หรือเปล่า!”

“นี่แกจะหาเรื่องตีกันหรือไง?”

“เอาซี่ ตีกันก็ตีกันสิวะ ข้ากลัวแกหรือไง?”

บนเวที กรรมการผู้ตัดสินหลายคนเกือบจะฟาดปากกันแล้ว ต่างคนต่างอยากได้เฉินโม่เป็นศิษย์ ถ้าสำนักของพวกเขาใครมีอัจฉริยะแบบนี้ ใช้วันเวลาสักหน่อย จะให้เหนือกว่าปรมาจารย์การปรุงกลั่นยาอย่างกู่เยว่เหอก็ไม่ใช่จะแปลก

แต่ว่า กู่เยว่เหออยู่ที่นี่ มีหรือจะปล่อยให้พวกเขาชิงเอาอัจฉริยะแบบนี้ไปได้?

“พอละ พวกเราไม่ต้องทะเลาะกัน อัจฉริยะแบบนี้ ถ้าไม่มีอาจารย์ พูดแล้วจะมีใครเชื่อ?ผมเดาว่าอาจารย์ของเขาจะต้องเป็นผู้อาวุโสในวงการปรุงกลั่นยาพวกเราเป็นแน่ ไม่งั้นจะสอนลูกศิษย์ระดับอัจฉริยะแบบนี้มาได้ยังไง?”

กรรมการผู้ตัดสินพวกนั้นต่างก็ผงกหัวเห็นด้วย “เจ้าสำนักกู่พูดถูก อัจฉริยะขนาดนี้ถ้าไม่มีอาจารย์ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เห็นทีพวกเราคงไม่ต้องคิดหวังแล้วหละ”

“เฮ้อ น่าเสียดายนะ เดี๋ยวต้องถามเขาหน่อยแล้ว อาจารย์ของเขาเป็นใครกันแน่!”

“เอาเถอะ ดูกันต่อเถอะ!”

สีหน้าของมู่เจิ้งเฟิงดูออกจะกังวล เฉินโม่แสดงออกอย่างโดดเด่นมากแบบนี้ จะทำให้คนเพ่งเล็งง่ายขึ้น อีกทั้งที่มู่เจิ้งเฟิงเป็นที่กังวลมากนั้น ก็เพราะการที่เฉินโม่ใช้วิธีจุดไฟในระยะห่างที่เสียแรงเปล่าอย่างไร้ประโยชน์ แต่ต้องสูญเสียพลังชี่แท้ไปมากกว่าคนอื่นถึงสิบเท่า

เดี๋ยวเฉินโม่ยังจะต้องขึ้นท้าทายกับพวกคนสำนักยา การสิ้นเปลืองพลังชี่แท้แบบนี้ ได้แต่หวังว่าเฉินโม่อาจจะมีแผนอยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แดนนิรมิตเทพ