นี่คือโทษหลอกลวงเบื้องสูง ต้องตัดหัวเชียวนะ!
ไม่ อาจต้องประหารเก้าชั่วโคตรด้วย!
ทำอย่างไรดี
ซูหลีอวี่รู้สึกเสียวสันหลังวาบ เหมือนว่าศีรษะจะไม่ใช่ของตัวเองอีกแล้ว
แข้งขาอ่อนระทวยคุกเข่าลงตุบ
“รู้ก็ดี” อิ๋งเจินเห็นนางหน้าซีดเผือด ในดวงตาฉายความกระหยิ่มใจ จากนั้นก็เอ่ยเสียงเย็น “ฝากหัวของเจ้าเอาไว้ก่อน วันไหนไม่รักษากฎระเบียบอีก จะรวบความผิดแล้วลงโทษ!”
“อย่านะไต้อ๋อง!” ซูหลีอวี่ร้องเรียก “หม่อมฉันแค่ต้องหาเลี้ยงครอบครัวไร้ซึ่งหนทาง อยากหาเงินเลี้ยงปากท้องครอบครัวหน่อย ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกจริง ๆ โปรดคืนรับสั่งด้วย!”
“หาเลี้ยงครอบครัวหรือ”
อิ๋งเจินพลิกลงจากหลังม้า ร่างสูงใหญ่ปกคลุมซูหลีอวี่ ขมวดคิ้วเอ่ยเสียงหนัก “ครอบครัวเจ้ายังมีใครอีก”
“...” จิตสังหารเย็นยะเยียบทำให้ซูหลีอวี่ตัวสั่น พูดอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ “แม่นมซึ่งไร้ที่พึ่งพิง”
“ไม่มีคนอื่นแล้วหรือ” เนตรมังกรจดจ้องเล็กน้อย
“...” ซูหลีอวี่ส่ายหน้า “ไม่มีแล้วเพคะ”
แววตาลุ่มลึกของอิ๋งเจินลดลง ก่อนจะพยักหน้าว่า “อ้อ” คำหนึ่ง
“ดังนั้นหม่อมฉันอยากถาม” ซูหลีอวี่พูดแบบหวั่น ๆ “ตรวจโรคให้ม้าศึก กับตรวจโรคให้ทหาร สวัสดิการเหมือนกันหรือไม่เพคะ”
“หมายความว่าอย่างไร?” คิ้วกระบี่อิ๋งเจินขมวด
“หม่อมฉันรีบร้อนหาเงิน ครอบครัวกำลังรอกินข้าวอยู่” ซูหลีอวี่ฮึดความกล้า
ท่าทางอ่อนแอหวาดกลัวของนางดูบอบบางไร้ที่พึ่งพิง หมวกผ้าสีครามบดบังความหมดจดไม่มิด
มีความรู้สึกอ่อนแบบแปลก ๆ
ยิ่งดูเหมือนผู้หญิงที่เขาช่วงชิงอย่างบ้าคลั่งในคืนนั้น
อิ๋งเจินนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าตอบ “เช่นนั้นก็เหมือนกันแล้วกัน”
“ขอบพระทัยเถ้าแก่” ซูหลีอวี่ดีใจลิงโลด ตบมือร้องว่าดี
อิ๋งเจินที่เตรียมจะขึ้นหลังม้าในทีแรก ในเวลานี้หันขวับกลับมาอีกครั้งพร้อมถามว่า “เจ้าว่าอะไรนะ”
ซูหลีอวี่หรี่ดวงตาและยิ้มตอบ “เถ้าแก่ก็คือหัวหน้า ก็คือเจ้านายเพคะ”
อิ๋งเจินขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ ก่อนจะควบม้าจากไป
ม้าศึกร่วมสิบตัวหอบฝุ่นเหลืองตลบอบอวลตามเขาอยู่ข้างหลัง
~
“เด็กใหม่!” มีคนเรียกจากข้างหลัง
ซูหลีอวี่หันกลับไปมอง เห็นเพียงในเรือนหลังคากระเบื้องด้านข้างมีผู้ชายเดินมาสองคน ดูจากการแต่งตัวเหมือนจะเป็นคนเลี้ยงม้า
“ไฮ พี่ชายทั้งหลาย” ซูหลีอวี่รีบทักทาย ก็อยู่ใต้ชายคาของเขานี่นะ
“ท่านแม่ทัพหลี่เจาสั่งเอาไว้ว่าให้หางานสบายให้เจ้าทำ” คนที่ตัวอ้วนเตี้ยในนั้นพูดเหน็บแนม “เช่นนั้น งานของเจ้าก็ให้ทุกคนแบกรับหรือ”
ซูหลีอวี่คิดแล้วก็คือเช่นนั้น
“มีที่ไหนทำงานให้เปล่า ๆ” คนตัวผอมสูงอีกคนพูด “ไม่อย่างนั้นเจ้าก็กตัญญูต่อพวกพี่ชายสักหน่อย?”
ซูหลีอวี่พลันเข้าใจ สองคนนี้มาเก็บส่วย
“ที่เพิ่งไปคือท่านหกกับท่านสี่ ท่านคาดเดาไม่ผิด พวกเขาวางแผนลับกันที่นี่จริงด้วย”
“อือ” เสียงเย็นชาทุ้มต่ำพูดว่า “หานซง เจ้านำคนไปทันที ดูว่าพวกเขาเจอกับใครข้างนอกหรือไม่”
“ขอรับ” หานซงโค้งตัว จากนั้นก็พลิกตัวกระโดดออกจากหน้าต่าง
ซูหลีอวี่เดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง เห็นเพียงในห้องใหญ่มีผู้ชายชุดสีดำร่างตั้งตรงยืนตรงหันหน้าเข้าหน้าต่าง
เขาเหมือนเคยต่อสู้อย่างดุเดือดมาก่อน ชุดผาวหรูหราฉีกขาด สายลมยามราตรีพัดเข้ามา เผยให้เห็นแผ่นหลังกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง
แผลเป็นรูป ‘X’ ทิ่มม่านตาซูหลีอวี่ฉับพลัน รอยแผลนี้...
คืนนั้นเมื่อสี่ปีก่อน แผลเป็นรูป ‘X’ นี้ นางเคยคลำเจอมันบนแผ่นหลังของจ้าวแห่งขุมนรกที่ฉกชิงความบริสุทธิ์ของนาง แผลเป็นนี้แม้จะไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเอง กลับตราตรึงฝังลึกอยู่ในใจ!
นี่ก็คือเจ้าของรอยแผลเป็นนี้ คนที่ทำให้นางท้องก่อนแต่ง ถูกเหยียดหยามต่าง ๆ นานา ต้องคลอดลูกแฝดชายหญิงในกระท่อม
แน่นอน เด็ก ๆ น่ารักมาก
แต่นางรับกับทุกขเวทนาแสนสาหัส
มารดาตัวคนเดียวมิสู้สุนัข จนถึงตอนนี้นางยังกลุ้มใจกับเงินสามตำลึงอยู่เลย!
“มัจจุราช เป็นเจ้าหรือ”
ความอัปยศเคียดแค้นทะลักออกมาจากหัวใจ ซูหลีอวี่ทิ้งผ้าขี้ริ้วในมือ เดินพรวดไปจับบ่าของอีกฝ่าย
ในเมื่อผู้ชายคนนี้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าของลูกทั้งสองของนาง นางก็อยากดูสิว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่!
---------------------------------------
[1] สมประสงค์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หมอเทวดาหน้าเงิน