บทที่ 1025 พี่เลี้ยงรุ่นต้าไป๋
ในเมื่อแม้แต่เจ้าตัวก็ยังเต็มใจ สุดท้ายเรื่องนี้จึงคลี่คลายลงแบบนี้
“คุณหนูเยี่ยฝีมือดีขนาดนี้ ถึงต้องลงสนามก็คงไม่มีปัญหาอะไร!” ฉินรั่วซีพูดด้วยรอยยิ้มสุขุมสง่างาม “ในเมื่อทุกคนไม่มีปัญหา งั้นฉันจะไปติดต่อคุณลุงซุนเลยนะคะ!”
มู่สุยเฟิงบอกว่า “ดี! ถ้างั้นผมจะรอฟังข่าวจากคุณหนูฉินนะ!”
หลังจากงานเลี้ยงจบ ระหว่างทางขับรถกลับบ้าน
เยี่ยหวันหวั่นกลัวซือเยี่ยหานกลับคำ จึงรีบพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “ที่รัก ตัวแทนรับผิดชอบแค่นำทีมกับให้คำแนะนำ ไม่ต้องชกต่อยเองสักหน่อย! ฉันแค่ไปดู ไปเปิดหูเปิดตาเท่านั้น! ฉันสัญญา!”
แค่ราชาหมาป่ากับตระกูลซุนก็ทำให้เธอตื่นเต้นมากแล้ว
ได้ยินมาว่าคุณหนูซุนเสวี่ยเจินของตระกูลซุนก็ฝีมือร้ายกาจมาก อยากเจอตัวจริงจริงๆ…
ซือเยี่ยหานเหลือบมองหญิงสาวข้างกายแวบหนึ่ง ได้ยินเธอรับปากอย่างนั้นก็มีท่าทีเหมือนปล่อยไปตามชะตากรรม ฟังไว้ก็พอแล้ว
“พวกสืออีกับเฟิงเสวียนอี้มีภารกิจ ไม่อยู่ในประเทศ ฉันจะให้สวี่อี้ช่วยเธอเลือกคนอื่นมา” ซือเยี่ยหานกล่าว
สวี่อี้ที่ขับรถอยู่ข้างหน้ารีบรับคำ “ไม่กี่วันมานี้เพิ่งรับคนมากลุ่มใหม่ ฝีมือไม่เลวกันทั้งนั้น พรุ่งนี้ผมจะไปคัดเลือกมาสักสองสามคนครับ”
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “งั้นก็รบกวนพ่อบ้านสวี่ด้วย!”
ซือเยี่ยหานมองหญิงสาวอย่างไม่วางใจ “จะชนะหรือแพ้ไม่สำคัญ เธออย่าก่อเรื่องก็พอ”
งานชุมนุมประลองฝีมือครั้งนี้แค่ให้เยี่ยหวันหวั่นไปดูเอาสนุก และถือโอกาสเอาใจมู่สุยเฟิงก็เท่านั้น
เยี่ยหวันหวั่นเบะปากแล้วพึมพำ “รู้แล้วน่าๆ! คุณเก้า ฉันคิดว่าคุณเข้าใจอะไรฉันผิดไปมากนะคะ แบบนี้ไม่ดีเลย ทั้งที่ฉันออกจะเป็นเด็กดีขนาดนี้ อีกอย่างฉันก็กลัวมากเหมือนกัน ไม่เสนอหน้าส่งเดชหรอกค่ะ…”
ซือเยี่ยหานนิ่งเงียบ
สวี่อี้พูดไม่ออก
ไม่มีใครเข้าใจเธอผิดเข้าใจไหม?
กลัว…คุณหนูก็กลัวเป็นแค่เวลาอยู่ต่อหน้าคนคนเดียวเท่านั้นแหละ…
คฤหาสน์กุหลาบ
“ถังถังลูกรัก แม่กลับมาแล้วน้า!”
เยี่ยหวันหวั่นถอดรองเท้าส้นสูงแล้วรีบพุ่งตัวไปที่ห้องรับแขก
เพิ่งจะเข้ามาก็เห็นร่างขนปุยขนาดใหญ่นอนอยู่บนพรมด้านหน้าโซฟา เด็กน้อยที่มีใบหน้าเหมือนหยกสลักนอนขดตัวอยู่บนเสือขาวตัวใหญ่ กำลังหลับฝันหวาน
หางของต้าไป๋ส่ายไปส่ายมาเป็นครั้งคราว ตบร่างของเด็กน้อยเบาๆ เหมือนกำลังกล่อมเขานอน…
พอเห็นภาพนี้ เยี่ยหวันหวั่นรีบเงียบเสียงทันที เดินย่องเข้าไปอย่างเบาเท้า “ต้าไป๋ ขอบคุณที่ช่วยดูแลถังถังนะ! รักแกที่สุดเลย!”
เจ้าเสือขาวตัวใหญ่ได้ยินเสียงฝีเท้า จึงเหลือบตาขึ้นมองอย่างเกียจคร้าน ไม่นานก็หลับตาอีกครั้ง
ในดวงตาสีฟ้าอ่อนมีแววดูแคลนสะท้อนอยู่อย่างชัดเจน ราวกับกำลังบอกว่า ออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอกเพิ่งจะกลับมาเอาป่านนี้ แล้วดันให้มันที่เป็นเสือมาช่วยเลี้ยงเด็กแทน!
เจ้านายประสาอะไรกัน?
ซือเยี่ยหานสาวเท้าเข้ามา เห็นเด็กน้อยนอนอยู่บนตัวเสือขาวตัวใหญ่ สีหน้าก็พลันอ่อนลงหลายส่วนด้วย
เยี่ยหวันหวั่นเดินไปหาถังถังอย่างระมัดระวัง จากนั้นอุ้มเขาขึ้นมา จูบแก้มเขาเบาๆ “ลูกรัก พวกเราไปนอนบนเตียงกัน!”
เด็กน้อยลืมตาครึ่งหนึ่งอย่างสะลึมสะลือ ในดวงตาพร่ามัวที่เหมือนดวงดาราสะท้อนภาพใบหน้าอันอ่อนโยนของเยี่ยหวันหวั่น…
“แม่ครับ…”
“จ้ะ แม่กลับมาแล้ว!” เยี่ยหวันหวั่นพูดเสียงอ่อนโยน
เด็กน้อยแหงนหน้ามองเยี่ยหวันหวั่นอย่างง่วงงุน พึมพำว่า “คุณแม่…สวยจัง…”
เยี่ยหวันหวั่นถูกโจมตีโดยพลัน เธอยกมือทาบอก “โอ๊ย! ทำยังไงดี! ลูกชายฉันตอนละเมอยังน่ารักขนาดนี้เลย!”
ซือเยี่ยหานที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดไม่ออก
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็สะอึกทันที ไม่รู้ควรจะตอบอย่างไรดี
ก่อนหน้านี้ที่เธอสอนพวกสืออีกับเฟิงเสวียนอีได้ เป็นเพราะเธอถนัดแกะกระบวนท่าและจับจุดอ่อนของคนอื่น ส่วนตัวเธอไม่ได้มีอุบายหรือกระบวนท่าอะไรเลย และไม่เคยเรียนสุดยอดวิชาอย่างเป็นระบบด้วย
โค้ชที่พ่อหาให้เธอก่อนหน้านี้สอนวิชาซ่านโฉ่วกับเทควันโด้
ซ่านโฉ่วเป็นเทคนิคการต่อสู้อย่างหนึ่งที่แพร่หลายที่สุดในประเทศจีน ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ส่วนเทควันโด้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เอาไว้หลอกพวกที่ไม่ผู้เชี่ยวชาญยังพอไหว แต่ในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ เทควันโด้เป็นที่รู้กันว่ากระบวนท่าสวยงาม แต่ว่าไร้ประโยชน์
เทคนิคการต่อสู้สองประเภทนี้ดูไม่เข้ากับภาพลักษณ์ลึกลับและร้ายกาจอย่างหญิงหม้ายชุดดำของเธอเลย…
ทำยังไงดี เธอไม่รู้เรื่องเทคนิคการต่อสู้อย่างอื่นเลย จะสร้างสำนักหรือกระบวนท่าขึ้นมามั่วๆ ก็ไม่ได้ด้วย!
เยี่ยหวันหวั่นกลอกลูกตาไปมา พยายามเค้นสมองคิด สุดท้ายก็กระแอมเบาๆ แล้วพูดด้วยความจริงจังว่า “กระบวนท่าอะไร อุบายอะไร ธรรมดาเกินไปแล้ว!
ศิลปะการต่อสู้ที่ดีที่สุดควรละทิ้งศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมที่มีรูปแบบตายตัว เพราะท้ายที่สุดแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ในระหว่างการต่อสู้จริง ไม่ใช่ว่าจะรับมือได้ด้วยอุบายที่ตายตัวเสมอไป
ในโลกใบนี้ไม่มีศิลปะการต่อสู้ที่ไร้เทียมทาน มีเพียงคนเท่านั้นที่ไร้เทียมทาน ไร้แบบไร้แผน ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ทำสิ่งที่ไร้ขีดจำกัดให้มีขีดจำกัด นะ นี่ก็คือเทคนิคฝึกการต่อสู้ของฉัน!”
ทั้งห้าคนฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ พวกเขาพยักหน้ารัวๆ เรียกได้ว่าอึ้งทึ่งชื่นชม
“ขอบคุณหัวหน้าที่ชี้แนะ!”
“หัวหน้าพูดได้ดีมากจริงๆ!”
“ฟังคำผู้รู้ประโยคเดียว มีค่ากว่าอ่านตำราเองสิบปี!”
“สมแล้วที่เป็นหัวหน้า หัวหน้าเยี่ยมยอดที่สุด!”
……
พอเห็นทั้งห้าคนทำหน้าเลื่อมใส เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุก
เธอรู้สึกว่าความสามารถในการพูดแถของตัวเองร้ายกาจขึ้นทุกวันๆ แล้ว…
………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี