สรุปตอน บทที่ 1039 ฉันจะขึ้นเวทีประลอง / บทที่ 1040 ขึ้นเวทีไม่ได้ – จากเรื่อง แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี โดย Internet
ตอน บทที่ 1039 ฉันจะขึ้นเวทีประลอง / บทที่ 1040 ขึ้นเวทีไม่ได้ ของนิยายจีนปัจจุบันเรื่องดัง แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 1039 ฉันจะขึ้นเวทีประลอง
หลังจากนั้น ตระกูลซุนก็ชนะไปอีกสองครั้ง จนได้ชัยชนะไปในที่สุด
ผู้ตัดสินยืนอยู่บนเวที แล้วประกาศผล “ตระกูลซุนชนะ!”
ด้านล่าง ฉินรั่วซีเอ่ยปากชื่นชม “ลูกศิษย์ของคุณลุงซุนเก่งดังคาด ขอบคุณลุงซุนมากนะคะที่มอบโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดีขนาดนี้ให้พวกเรา เชื่อว่าการประลองวันนี้จะต้องมีประโยชน์กับพวกเขาห้าคนมากแน่ๆ ค่ะ!”
พอเห็นตระกูลซุนชนะ ซุนลี่จ้งก็หัวเราะอย่างเบิกบาน “ห้าพี่น้องตระกูลฉินก็มีความสามารถที่โดดเด่นแตกต่างกันออกไป ล้วนเป็นต้นกล้าชั้นดีทั้งนั้น ต่อไปต้องมีอนาคตสดใสแน่นอน!”
มู่สุยเฟิงเองก็ชื่นชมยอดนักสู้จากทั้งสองตระกูลเช่นกัน “คนหนุ่มสาวไฟแรง นำหน้าคนรุ่นก่อนไปแล้วจริงๆ!”
ทุกคนคุยกันอย่างเบิกบาน ยอดนักสู้จากสองตระกูลสีหน้าชื่นมื่น ถึงแม้ตระกูลฉินจะแพ้ แต่ก็เป็นการพ่ายแพ้ที่งดงาม มีเพียงนักสู้ห้าคนจากตระกูลซือ ที่ราวกับไร้ตัวตน เหมือนมาเป็นแค่ตัวประกอบฉากเท่านั้น
ตอนนั้นเอง ซุนเสวี่ยเจินเอ่ยว่า “ในเมื่อยอดนักสู้จากทั้งสามตระกูลประลองกันจบแล้ว และไม่มีใครเห็นต่างกับผลการประลอง งั้นก็เริ่มการประลองของตัวแทนกันต่อเถอะค่ะ!”
หลังจากการประลองของนักสู้จบลง ต่อไปก็ถึงตาตัวแทนของทั้งสามตระกูลแลกเปลี่ยนวิชากันแล้ว
พอได้ยินซุนเสวี่ยเจินพูดอย่างนั้น สายตาทุกคู่ก็หันมามองเยี่ยหวันหวั่นเป็นตาเดียว
แม้ว่าวันนี้หญิงสาวจะสวมชุดฝึกมาเต็มยศ แต่เธอที่หน้าตาสะสวย และรูปร่างบอบบางอ่อนแอเหมือนไร้กระดูกนั่งเท้าคางอยู่ตรงนั้น ไม่เหมือนคนที่จะขึ้นประลองบนสังเวียนเลยแม้แต่น้อย เหมือนคุณหนูที่ออกมาเปิดหูเปิดตาในโลกกว้างเสียมากกว่า
หันกลับมาดูฉินรั่วซีกับซุนเสวี่ยเจิน สองสาวแผ่นหลังเหยียดตรง ท่าทางผึ่งผาย แค่เห็นบุคลิกก็รู้แล้วว่าเรียนศิลปะการต่อสู้มา เทียบกับผู้หญิงอย่างเยี่ยหวันหวั่น ดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน
ห้านักสู้จากตระกูลซือพอได้ยินว่าตัวแทนจะลงสนม สีหน้าก็ซีดเผือด เมื่อกี้พวกเขาก็ขายหน้ามากพอแล้ว ตอนนี้ถ้าผู้หญิงคนนี้ลงสนาม พวกเขาคงไม่มีหน้าไปพบใครอีกแล้ว
“โอเค เริ่มกันเถอะ” ฉินรั่วซีเอ่ย เป็นเชิงบอกว่าไม่มีปัญหา
มู่สุยเฟิงทำหน้าคาดหวัง การประลองของฉินรั่วซีกับซุนเสวี่ยเจินฟังดูน่าสนใจไม่น้อย “ได้ยินมาว่าคุณหนูซุนได้รับสืบทอดความสามารถมาจากคุณซุนอย่างแท้จริง!”
ซุนเสวี่ยเจินเอ่ยว่า “คุณมู่ชมเกินไปแล้ว ฉันยังห่างชั้นกับคุณพ่อมาก! รั่วซีต่างหากที่เก่ง เธอมีอาจารย์เก่งๆ หลายคน ร่ำเรียนสุดยอดวิชามากมายมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ!”
ฉินรั่วซีได้ยินก็หันไปมองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างถ่อมตัว “คุณหนูเยี่ยต่างหากที่โดดเด่นอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้ยังเคยฝึกบอดี้การ์ดของตระกูลซือด้วยตัวเองมาแล้ว”
ซุนเสวี่ยเจินแค่นเสียงดูถูก ตั้งแต่เมื่อกี้ เธอก็ไม่ไยดีต่อคำพูดของฉินรั่วซี คิดแค่ว่าฉินรั่วซีจงใจพูดเรื่องนี้เพราะเห็นแก่ซือเยี่ยหานเท่านั้น
“งั้นเหรอ? ฉันเองก็ตั้งตารอเหมือนกัน!”
ผู้ตัดสินเดินถือกล่องจับสลากเข้ามา ให้ฉินรั่วซี ซุนเสวี่ยเจินกับเยี่ยหวันหวั่นจับสลากเหมือนก่อนหน้านี้
ซุนเสวี่ยเจินยื่นมือออกไปหยิบสลากมาหนึ่งแผ่น แล้วคลี่กระดาษ ด้านบนมีชื่อของ “เยี่ยหวันหวั่น” เขียนไว้
ฉินรั่วซีเหลือบเห็นชื่อบนกระดาษ สายตาไหวระริกเล็กน้อย
ซุนเสวี่ยเจินมองชื่อบนกระดาษอย่างเย้ยหยัน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ไม่นึกเลยว่าจะให้เธอแข่งกับผู้หญิงคนนี้
ผู้ตัดสินเห็นอย่างนั้นก็ประกาศ “นัดแรก ตระกูลซุนปะทะตระกูลซือ!”
ซุนเสวี่ยเจินเหลือบมองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง “คุณหนูเยี่ย ฮึ! รั่วซีชมไม่ขาดปากว่าคุณหนูเยี่ยฝีมือไม่ธรรมดา วันนี้ฉันคงต้องขอเปิดหูเปิดตาสักหน่อย!”
เยี่ยหวันหวั่นที่กำลังง่วงนอนได้ยินก็เงยหน้า “อะไรนะ?”
ซุนเสวี่ยเจินขมวดคิ้ว ทำหน้าไม่สบอารมณ์ “ก็ต้องลงสนามประลองกับฉันน่ะสิ!”
————————————————————————————-
ฉินรั่วซีเข้ามาไกล่เกลี่ย “เสวี่ยเจิน ช่างเถอะ ยังไงวันนี้ก็แค่ประลองแลกเปลี่ยนความรู้เท่านั้น ในเมื่อคุณหนูเยี่ยไม่อยากแข่ง พวกเราก็อย่าไปฝืนใจเธอเลย”
ตอนแรก พวกบอดี้การ์ดของตระกูลซือนึกว่าผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดก็แค่เยี่ยหวันหวั่นแพ้การประลองครั้งนี้ แล้วตระกูลซือก็แพ้หมดรูปเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้กลับกลัวจนไม่กล้าขึ้นเวที
นะ…นี่มันจะน่าอายเกินไปแล้ว!
ตอนแรกยังคิดจะสร้างผลงานที่นี่ แต่หลังจากนี้ พวกเขาจะต้องกลายเป็นตัวตลกของพวกตระกูลใหญ่แน่ๆ
หัวหน้าบอดี้การ์ดทนไม่ไหว เดินไปหาเยี่ยหวันหวั่น แล้วแนะนำเสียงเบา “คุณหนูเยี่ย ผมคิดว่าไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ คุณหนูก็ควรขึ้นไปประลองดูก่อนนะครับ!”
เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองบอดี้การ์ดคนนั้นแวบหนึ่ง “ฉันไม่สนใจการประลองประเภทนี้”
พอเห็นท่าทางของอีกฝ่าย บอดี้การ์ดคนนั้นโมโห แต่กลับไม่กล้าคัดค้าน ทำได้แค่กัดฟัน แล้วถอยหลังกลับไปอย่างอับอาย
นักสู้จากตระกูลซือมองหน้าบอดี้การ์ดคนนั้นอย่างเย้ยหยัน “ตัวแทนฝั่งนายไม่กล้าขึ้นเวที ฉันว่าพวกนายอย่าเสียเวลาเกลี้ยกล่อมเลย ความจริงถึงจะขึ้นเวทีไป ก็มีแต่จะโดนคุณหนูของเราซ้อมเปล่าๆ!”
ได้ยินนักสู้จากตระกูลอื่นเยาะเย้ยอย่างนั้น ห้านักสู้ของตระกูลซือได้แต่ยืนเงียบอยู่ตรงนั้น ด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ
เนื่องด้วยวันนี้ยังมีแขกเหรื่ออยู่เต็มสนาม จึงไม่อาจทำเรื่องให้บานปลาย ซุนลี่จ้งเอ่ยปาก “การประลองขึ้นอยู่กับความสมัครใจ คุณหนูเยี่ยไม่อยากขึ้นเวทีก็ช่างเถอะ เสวี่ยเจิน ลูกไปประลองกับรั่วซีเถอะ! พวกลูกสองคนหากใครชนะ ก็จะมีโอกาสได้รับคำแนะนำและแลกเปลี่ยนความรู้กับเซนนีด้วยตัวเอง!”
พอได้ยินซุนเสวี่ยเจินพูดอย่างนั้น ซุนเสวี่ยเจินจึงควบคุมอารมณ์ แล้วเหลือบมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสายตาที่เหมือนกำลังมองเศษขยะ จากนั้นก็กระโดดขึ้นเวที “ไม่แข่งก็ช่าง คนแบบนั้น ไม่คู่ควรแข่งกับฉันหรอก! รั่วซี พวกเรามาประลองกันเถอะ!”
ฉินรั่วซีหันไปมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างลำบากใจ แล้วถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็ตามขึ้นเวทีไป “เชิญ!”
ทั้งสองต่างเตรียมพร้อมเต็มที่ เพราะสุดท้ายแล้วผู้ชนะก็จะได้ประลองกับราชาหมาป่าเซนนี!
………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี