บทที่ 2275 พาผมไปด้วยสิ โฮ่งๆๆ
ฟู่หมิงซีจ้องเยี่ยหวันหวั่น คล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็หุบปากลงอย่างรู้ความ
นี่มองยังไงก็ไม่เหมือนไปเที่ยวเลย เหมือนจะไปจับชู้คาเตียง จากนั้นก็สับชายโฉดหญิงชั่วที่เล่นชู้กันให้เป็นชิ้นๆ
พอคิดมาถึงตรงนี้ แววตาของฟู่หมิงซีพลันเปล่งประกาย รีบเอ่ยไปว่า “ผู้นำทำถูกแล้วครับ! สับชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นให้หมากินเลย!”
“นายว่าไงนะ”
พอได้ยินคำพูดนี้ของฟู่หมิงซี เยี่ยหวันหวั่นก็ขมวดคิ้วนิดๆ แล้ว
“ไม่มีอะไรครับ เขาบอกว่าพี่เฟิงจะเดินทางไกล อยากเอาหมาไปด้วยสักตัวไหม” เวลานี้ เป่ยโต่วได้อุดปากฟู่หมิงซีไว้แล้ว
ไอ้หมอนี่ ตัวเองไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว แต่พวกเขายังอยากมีชีวิตอยู่นะ พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดซะได้
“พาหมาที่ไหนไป” เยี่ยหวันหวั่นปรายตามองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง
เป่ยโต่วคิดอยู่พักหนึ่ง ก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะตอบยังไง จึงเอ่ยด้วยใบหน้าเกลื่อนยิ้ม “พี่เฟิง พาผมไปด้วยสิ โฮ่งๆๆ!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกเลย…
ฉายาอลาสก้าแห่งรัฐอิสระ ช่างสมชื่อจริงๆ
ในวันนั้น เยี่ยหวันหวั่นพาคนกลุ่มหนึ่งจากพันธมิตรอู๋เว่ย เร่งเดินทางไปยังเมืองเทียนสุ่ย
เพิ่งมาถึงเมืองเทียนสุ่ย เยี่ยหวันหวั่นก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าแล้วจุ๊ปาก เมืองหลักสุดแข็งแกร่งของสิบสองของเขตรัฐอิสระ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เกรงว่าน่าจะเทียบเคียงกับเมืองหลวงอันงดงามรุ่งโรจน์ของจีนได้เลย เต็มไปด้วยกลิ่นอายความหรูหรา
ซุปเปอร์คาร์แล่นอยู่บนท้องถนน เยี่ยหวันหวั่นชำเลืองมองแวบหนึ่ง แต่กลับไม่สามารถระบุชื่อของพวกมันได้ วิ่งกันขวักไขว่ไปทั่ว
ถึงขั้นที่ทำให้เยี่ยหวันหวั่นลืมไปชั่วขณะว่าตัวเองยังอยู่ที่รัฐอิสระ
“เวรเอ๊ย เมืองเทียนสุ่ยของเขตนี้ ต่างไปจากเขตนั้นของพวกเราจริงๆ…เมืองไหนก็สู้กับเมืองของชาวบ้านเขาไม่ได้เลย พี่เฟิง ผมไม่อยากกลับไปแล้ว ผมจะอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีแห่งนี้ค่อยๆ ต้มตุ๋นเอา…” เป่ยโต่วมองไปรอบๆ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินก็เหลือบมองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง “ต้มตุ๋นน่ะไม่ง่ายหรอกนะ ไม่สู้ไปเป็นศพเถอะ ฉันจะสงเคราะห์ให้นายตอนนี้เลย”
เป่ยโต่วมองดาบที่อยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยหวันหวั่น แล้วเงียบไปหลายวินาที แต่จู่ๆ ก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า “พี่เฟิง สถานที่ผุพังแห่งนี้มีอะไรดีกัน ถ้าอยู่เมืองนี้นานไป น่ากลัวว่าแม้แต่วรยุทธ์คงหดหายไปด้วย เทียบกับเมืองอวิ๋นของพวกเราแล้ว ยังด้อยกว่าลิบลับเลย”
“หุบปาก” ฟู่หมิงซีกลอกตาใส่เป่ยโต่วแวบหนึ่ง “ปู่ของฉันบอกว่า เมืองเทียนสุ่ยไม่ใช่สิ่งที่เมืองอวิ๋นจะไปเทียบชั้นได้ สำนักงานสภาตุลาการตั้งอยู่ที่นี่ ประธานสภาคนปัจจุบันของพวกเขา ชื่ออี้หลิงจวินอะไรนี่แหละ เป็นเจ้าบ้านตระกูลอี้ พวกนายรู้จักตระกูลอี้ไหม…ก็คือตระกูลนักยุทธ์สุดแข็งแกร่งตลอดกาลของสิบสองเขตรัฐอิสระยังไงละ”
“ตระกูลอี้ ในสิบสองเขตรัฐอิสระนี้ ไม่มีใครไม่รู้จักจริงๆ แหละ” ผู้อาวุโสสามที่อยู่ด้านข้างพยักหน้ารับ “โดยเฉพาะหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลอี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
“พลังยุทธ์แข็งแกร่งมากเลยเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเอียงคอ พลางมองไปที่ผู้อาวุโสสาม
สำหรับตระกูลอี้ เยี่ยหวันหวั่นแค่เคยได้ยินมาเท่านั้น แต่ไม่รู้จัก ในสิบสองเขตของรัฐอิสระ ชื่อเสียงของตระกูลอี้ ถ้าบอกว่าเป็นที่สอง ก็คงไม่มีตระกูลไหนกล้ายกตัวเองเป็นที่หนึ่งแล้ว เป็นตระกูลยอดยุทธ์ขนานแท้
“ผู้นำครับ นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องพลังยุทธ์ ประเด็นคือความเข้าใจเชิงทฤษฎีของพวกเขานั้นยอดเยี่ยมมาก รอบรู้สารพัด หัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันขอบงตระกูลอี้ เป็นปรมาจารย์ตัวจริง ออกไปบรรยายนอกประเทศแทบตลอดเลย” ผู้อาวุโสสามเล่า
“ความหมายของนายคือ ตระกูลอี้เป็นพวกดีแต่ปากงั้นเหรอ…” เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิด
พอได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของผู้อาวุโสสามก็พลันแปรเปลี่ยน จากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วตอบไปว่า “ผู้นำ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นครับ อีกอย่าง หัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลอี้ ไม่ได้มีแค่ความรู้เชิงทฤษฎี แต่พลังก็แกร่งกล้ามากครับ เจ้าเฒ่าเฮ่อเหลียนเจวี๋ยคนนั้น ผมคิดว่าทุกคนคงจะคุ้นกันดี...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี