เวลานี้ยูจีนรู้สึกลำไส้โหวงเหวง มานึกเสียใจว่าทำไมเมื่อครู่ตนจะต้องวู่วามไปเสี่ยงอันตรายแบบนี้ด้วย
แต่จะมาพูดตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว
ดังนั้นยูจีนจึงหันไปพูดกับโฉวหงไห่ทันที “หัวหน้า ต่อให้พวกเขาจะเป็นกุหลาบแห่งความตายแล้วยังไง? พวกเขาหลบซ่อนตัวมาสิบปีแล้ว ใครจะรู้บางทีพวกเขาอาจเหลือความสามารถเพียงไม่กี่ส่วนก็ได้? ดีไม่ดีตอนนี้อาจจะทำท่าทีเป็นเก่งอยู่ที่นี่ก็ได้! พวกเราสู้พร้อมกัน! จะต้องเอาชนะพวกเขาได้แน่! ถึงตอนนั้นชื่อเสียงจะดังสนั่นขนาดไหน?”
กลุ่มผู้ติดตามอยู่ด้านหลังหญิงหม้ายชุดดำได้ยินถึงตรงนี้ ต่างหัวเราะดังลั่นราวกับได้ยินเรื่องตลกที่น่าขันเป็นที่สุด
“ฮ่าๆๆๆๆ…นายหญิงพูดไม่มีผิด…ไม่ได้พบอะไรที่น่าสนใจขนาดนี้มานานมากแล้วจริงๆ!”
“อยากท้าทายพลังของกุหลาบแห่งความตายงั้นเหรอ? วันนี้ก็เร่นกับพวกเขาสักหน่อยเลยดีไหมล่ะ!”
“อย่าเร่นถึงตายล่ะ! เอาให้มีชีวิต!”
เสียงหัวเราะบ้าคลั่งเสียดแก้วหู ดังก้องอยู่ในบรรยากาศเหนือหัวอันหดหู่ ให้ความรู้สึกหนาวเสียดแทงไขกระดูก
เวลานี้โฉวหงไห่ไม่สามารถประคองความสงบนิ่งไว้ได้อีกต่อไป พันธมิตรเลือดที่ใครได้ยินชื่อต่างหวาดกลัว ทว่าเวลานี้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนเหล่านี้กลับอ่อนแอเหมือนเป็นลูกแกะผู้โชคร้าย
โฉวหงไห่ตวาดเสียงกร้าวใส่ยูจีน “นายหุบปากเดี๋ยวนี้!”
ตัวเองซวยก็แล้ว ตอนนี้ยังจะมาดึงคนทั้งหมดให้พังลงไปด้วย!
ช่วยไม่ได้…
เพื่อปกป้ององค์กร ยูจีนจำเป็นต้องตาย
สมองของโฉวหงไห่ตัดสินใจทำการเลือกอย่างรวดเร็ว หยิบปืนจากมือของโจ๊กเกอร์โดยฉับพลัน แล้วจ่อไปที่ศีรษะของยูจีน
“หัวหน้า! คุณ…”
“ปัง–”เสียงดังก้อง ยูจีนยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา ก็ถูกโฉวหงไห่ยิงศีรษะกระจุยแล้ว
น้ำเลือดเศษเนื้อและกระโหลกที่แตกกระจายสาดกระเซ็นเต็มหน้าคนข้างๆ บรรยากาศเข้มข้นไปด้วยกลิ่นคาวเลือดน่าสะอิดสะเอียน
“ผู้อาวุโส เป็นเพราะผมวินัยหละหลวม พวกลูกน้องจึงไม่รู้ประสา ทำให้ผู้อาวุโสต้องขุ่นเคือง! ตอนนี้ผมได้จัดการคนผู้นี้แล้ว ขอผู้อาวุโสได้โปรดให้อภัยด้วย!” โฉวหงไห่พูดพลางก้มหน้าต่ำแสดงความขอโทษ ราวกับรอคำพิพากษา
หน้าผากของโฉวหงไห่มีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงพื้นหยดแล้วหยดเล่า…
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ผู้ติดตามข้างกายหญิงหม้ายชุดดำได้ชำเลืองมองเจ้านายของตัวเองเพื่อขอคำชี้แนะ และในที่สุดก็เหล่มองโฉวหงไห่พลางกล่าวเสียงเย็นชา “ไสหัวไป!”
“ครับ…ขอบคุณผู้อาวุโส…ขอบคุณในความเมตตาของผู้อาวุโส…” เพียงคำเดียวนั้น โฉวหงไห่กลับกล่าวขอบคุณเป็นวรรคเป็นเวนราวกับได้รับการอภัยโทษ จากนั้นก็รีบสั่งให้พวกลูกน้องแยกย้าย ไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่วินาทีเดียว กลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
เพียงครู่เดียวคนทั้งกลุ่มก็วิ่งหายไปไม่เหลือแม้แต่เงา
ถอยออกไปแล้ว…
พันธมิตรเลือด…ถอยไปแบบนี้จริงเหรอ…
พวกหลิวอิ่งยืนอึ้งงันอยู่กับที่ ตาโตมองดูคนของพันธมิตรเลือดร่นถอยไปดุจกระแสน้ำไหล
หลังจากเรียกสติกลับมาได้ ความรู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัวยิ่งทวีคูณ
หากว่าเป็นพันธมิตรเลือดบางทีพวกเขาก็พอใช้กำลังต่อสู้ได้บ้าง แต่นี่เป็นกุหลาบแห่งความตาย แม้แต่ที่ว่างให้พวกเขาดิ้นรนก็ยังไม่มี…
หลิวอิ่งและพวกต่างจ้องมองคนตรงหน้ากลุ่มนั้นเหมือนศัตรูใหญ่มาเยือน
หลังจากคนของพันธมิตรเลือดจากไปแล้ว บอดี้การ์ดข้างกายเยี่ยหวันหวั่นทุกคนยังคงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม จิตใต้สำนึกยังคงรักษาสถานะการปลอมตัวอยู่ รอคำสั่งจากเยี่ยหวันหวั่น
ที่แรกพวกเขาก็เหมือนกับพวกหลิวอิ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมนายท่านถึงเลือกผู้หญิงอ่อนแอเป็นดอกไม้ในเรือนกระจกแบบนี้
แต่ว่าครั้งนี้ จากที่เยี่ยหวันหวั่นปฏิเสธที่จะหนีไป และสั่งให้พวกเขาเปลี่ยนชุดปลอมตัว จนถึงตอนที่พันธมิตรเลือดร่นถอยไปทั้งหมด สายตาของพวกเขาที่มองผู้หญิงคนนี้ก็เปลี่ยนไปเหมือนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ในแววตามีร่องรอยของความเคารพยำเกรง…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี