ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 119

โหลชีมองออกถึงความประหลาดใจของนาง ไม่ค่อยเข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร แต่หางตาเหลือบเห็นสีหน้าขบขันระคนตลกของศิษย์น้องชายเล็กแล้วนางจึงเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง สรุปแล้วนางต้องทำอะไรที่ไปกระทบจุดแค้นหรือล้ำเส้นอะไรบางอย่างของศิษย์พี่หญิงรองหยุนเมี่ยวแน่

"หน้าตางดงามยิ่ง" ประโยคเดียวเน้นๆนี้ของหยุนเมี่ยวทำให้โหลชีเข้าใจละ หน้าตาดีแล้วมันเกี่ยวยังไงกับหล่อนกัน? นางยักไหล่ ตอบกลับหน้าตายว่า "ขอบใจสำหรับคำชม นับจากวันที่ข้าเกิดมาวันนั้นก็งดงามมาจนถึงตอนนี้ ข้าเองก็ทำอันใดมิได้เลย"

"พรืด"

ศิษย์พี่ชายหกสำลักน้ำลาย แต่พอเห็นสีหน้าดำทะมึนของศิษย์พี่หญิงรองแล้วก็รีบกลั้นสำลักแทบไม่ทัน แต่คำพูดนั้นของโหลชีบวกกับสีหน้าเชิดหยิ่งของนางแล้ว ช่างน่าอัดยิ่งนัก

หยุนเมี่ยวแค่นเสียงหึ ไม่สนใจเอ หันไปถามศิษย์พี่ชายสามว่า "ศิษย์น้องชายสาม นางมาจากที่ใดกัน? ส่งมาหาข้าที่นี่ทำกระไร?"

"ไปเจอที่ป่ารอบนอกน่ะ ศิษย์น้องหญิงเล็กสงสัยว่านางกินเจ้ารุ้งเข้าไป บอกให้จับตัวนางมา"

"กล้ากินเจ้ารุ้งของศิษย์น้องหญิงเล็ก? ช่างใจกล้านัก......"

"ปากหมาสำลักงาช้างออกมาไม่ได้ คนจะใจกล้าแบบนี้ได้ยังไงกัน" โหลชีตอกให้อีกดอก ครั้งนี้ศิษย์น้องชายเล็กแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่

"ในเมื่อเป็นนักโทษก็อย่าไปต่อล้อต่อเถียงด้วยเลย" หยุนเมี่ยวปรายตาเหล่นางหนึ่งที "แล้วศิษย์น้องหญิงเล็กล่ะ?"

"ศิษย์น้องหญิงเล็กไปถามอาจารย์อารองว่าจะขอยืมถ้ำหนอนของเขาใช้หน่อยได้หรือไม่"

หยุนเมี่ยวได้ยินดังนั้น สายตาเป็นประกายขึ้นมาทันที "ถ้ำหนอน ถ้ำหนอนดี! ได้ยินว่าถ้ำหนอนของอาจารย์อารองไม่ได้โยนคนตัวเป็นๆลงไปนานแล้ว เขาต้องเห็นด้วยแน่ รีบนำนางไปเขาหมอกน้ำเถิด!"

เขาหมอกน้ำ?

พอได้ยินชื่อนี้ สายตาโหลชีมีประกายหม่นหมองวาบผ่าน ที่แท้ถ้าหนอนที่พวกเขาพูดถึงก็อยู่ที่เขาหมอกน้ำหรอ? งั้นดีเลย สำหรับนางแล้วมันคือการที่ได้มาง่ายๆโดยไม่ต้องลงแรงอะไรเลย!

เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนนั้นจะยอมจากไปกับนางหรือเปล่า!

ไม่นาน ศิษย์น้องหญิงเล็กนั่นวิ่งมา เป็นอย่างที่หยุนเมี่ยวพูดไม่มีผิด พออาจารย์อารองของพวกเขาได้ยินว่าจะเอาคนไปขับที่ถ้ำหนอน ก็ดีใจเป็นอย่างมาก และเร่งให้พวกเขารีบส่งคนเข้าไปขัง มีหรือจะไม่ยอม

โหลชีก็ให้ความร่วมมือโดยดี บอกให้ไปก็ไป ไม่ต้องให้พวกเขาผลักหรือจับ ว่านอนสอนง่ายจนไม่เหมือนนักโทษ กลับเหมือนหญิงสาวตามพวกเขามาเที่ยวเล่นยังไงยังงั้น

พวกเขาต่างรู้สึกแปลก แต่คิดไม่ออกว่ามีปัญหาตรงไหน ศิษย์น้องหญิงเล็กจึงได้แต่มองบนพลางด่าว่าโง่ออกมา

เขาหมอกน้ำเป็นภูเขาลูกหนึ่งซึ่งสูงและลาดชันที่สุดของที่นี่ พอเดินมาถึงกลางเขาพวกเขาต่างจะใช้วิชาตัวเบา โหลชีได้แต่กะพริบตาปริบๆว่า "หากข้ามีวิชาตัวเบาดีเยี่ยงนี้คงไม่โดนคนทำร้ายจนตกลงแม่น้ำมาเจอพวกท่านถึงที่นี่ดอก"

พวกหยุนเมี่ยวมองไม่ออกถึงกำลังภายในของนาง หากโหลชีคิดปิดบัง แม้แต่เฉินซ่าก็มองไม่ออกหรอก อย่าว่าแต่พวกเขาเลย

ในสายตาพวกเขา นางเป็นหญิงสาวอ่อนแอที่ไม่เป็นวรยุทธ์เลยแม้แต่น้อย

หยุนเมี่ยวแค่นเสียงหึ คว้าแขนนางข้างหนึ่งพาเหาะขึ้นเขา

"แม่นางหยุนเมี่ยว ท่านหน้าตางดงามดีนะ วิชาตัวเบาก็ดี แต่ว่าอย่าเหาะเร็วนักสิ เหาะเร็วเกินไปลมพวกนั้นพัดจนใบหน้าท่านเหี่ยวย่นหมดแล้ว เดิมก็เริ่มหย่อนยานแล้วด้วย..."

"เจ้าว่าอันใดนะ!" หยุนเมี่ยวโกรธจนแผดเสียงดังราวฟ้าผ่าออกมาทันที ผ่อนลมหายใจไป เกือบทำทั้งคู่ตกลงไป "นังแพศยา เจ้าว่าใครใบหน้าหย่อนยาน!"

"ทำไม พูดความจริงมิได้รึ? ท่านอย่าโกรธสิ พอโกรธ รอยตีนกาที่หางตาก็ออกมาหมดเลย แต่ว่า พูดตามตรงนะ แม่นางหยุนเมี่ยวอายุสามสิบแล้วใช่หรือไม่?" โหลชียังคงกะพริบตาปริบๆตาใสหน้าตาเฉย

"สามสิบ!" หยุนเมี่ยวแทบกระอักเลือดออกมา นางพึ่งจะนี่สิบสาม ยี่สิบสาม! ไม่ใช่สามสิบ!

ใบหน้าเคร่งเครียด มิได้งดงามเท่าไหร่เป็นปมเจ็บปวดตลอดกาลในใจนาง

โหลชีเป็นใคร เข้าใจจุดนี้จากบทสนทนาก่อนหน้านี้ของพวกเขานานแล้ว ดังนั้นตลอดทางนางเลยจงใจคุยไปทางเรื่องนี้ ในที่สุดก็ยั่วโมโหหยุนเมี่ยวจนทนไม่ไหว ซัดฝ่ามือใส่นางแล้ว!

โหลชีร้องอุทานอย่างตกใจ ร่างค่อยๆตกไปทางภูเขา ศิษย์พี่ชายสามศิษย์พี่ชายหกเห็นอย่างนั้นรีบเหาะมาจะจับมือนางไว้ แต่ความเร็วในการตกของนางเร็วกว่าที่พวกเขาคาดคิด ทำให้พวกเขาจับไม่ทัน

เขาหมอกน้ำนี้มีชื่อเสียงมาจากบนยอดเขามีไอหมอกปกคลุมแน่นหนามากมานาน พอมองจากบนยอดเขาลงมาตีนเขา ภายใต้แสงจันทร์สวยงาม ไอหมอกหนาแน่นราวกับภาพมายา สวยงามจนไม่เหมือนเป็นความจริง แต่ก็แอบซ่อนอันตรายไว้ เพราะยอดเขาลาดชัน มีเพียงเส้นทางเล็กเดินขึ้นไป ถ้าตกลงมาก็มีโอกาสตกเขาได้เลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ