ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 120

ส่วนเนื้อของผลไม้นี้เต็มอิ่มมาก สัมผัสเวลากินเหมือนกับเชอร์รี่เลย นางกำลังหิวพอดี มีหรือจะยอมหยุด พริบตาเดียวก็เด็ดมาหนึ่งกำมือกินหมดเลย

สิ่งนี้เป็นผลไม้จริงๆ และสามารถเติมท้องได้ด้วย ยังช่วยให้หายกระหายน้ำ โหลชีพักผ่อนครู่หนึ่ง กำลังเตรียมตัวไปหาถ้ำลับนั่น ก็ได้ยินเสียงเพลงขาดๆหายๆเบาๆ เพราะมันเบาและไกลและสะดุดมาก นางจับใจความได้ประโยคหนึ่งว่า ผู้ใดรู้จักวีรบุรุษ... เหลือเพียงตัวหมึกเคลือบเลือดกองรวมกันร้องไห้เท่านั้น......

นางรีบทรุดตัวลง เอาหูแนบกับพื้น ฟังอย่างตั้งใจ แต่เสียงเพลงนั้นกลับหายไปแล้ว นางกำลังจะลุกขึ้นนั่ง ก็พลันได้ยินเสียงดังมาจากที่ไกลๆ

"ผู้ใดกันรึ?"

โหลชีตกใจทันที นี่พูดกับนางหรอ?

นางกระโดดตัวขึ้นทันที เสียงนั้นพลันถอนหายใจอย่างรันทดอีก "หลายปีแล้วที่ไม่มีใครผ่านมาเลย เป็นสาวน้อย?" เสียงนั้นราวกับมาพูดให้ฟังข้างหูนางเลย ชัดเจนมาก

แต่นางฟังออกว่าเสียงนั้นมีเอคโค่เบาๆ น่าจะอยู่ห่างจากนางพอสมควรและส่งออกมาจากในถ้ำว่าง

"ข่งซิวผู้อาวุโสใช่หรือไม่?" โหลชีถาม

"ข้าคือข่งซิว" ชายผู้นั้นดูตกใจเล็กน้อย ชะงักพลางว่า "แม่นางน้อยรู้จักนามข้าได้เยี่ยงไร?"

"ผู้อาวุโสตอนนี้อยู่ที่ใดกันแน่รึ? ข้าลงมาได้หรือไม่?"

"อืม "แม่นางน้อยเดินวนรอบแปดเหลี่ยมรอบหนึ่งก็จะเจอทางเข้าแล้วล่ะ"

โหลชีตะลึง นางมองไม่เห็นเลย ที่นี่เป็นค่ายกล! ดูท่าคนสร้างค่ายกลจะเก่งกาจมาก แทบจะเรียกได้ว่า การวางค่ายกลนี่เก่งกว่านักพรตเลวซะอีก แต่หลังจากได้รับคำชี้แนะจากข่งซิวมันก็ดูง่ายมากเลย นางเดินวนรอบหนึ่ง ทิวทัศน์เบื้องหน้าเปลี่ยนไป มีทางเข้าถ้ำซึ่งขวางด้วยก้อนหินปรากฏขึ้นต่อหน้า

และตรงหน้าทางเข้าถ้ำนี่เอง ก็มีดอกไม้ชนิดนั้นที่นางกินผลมันไปก่อนหน้านี้ขึ้นอยู่เต็ม เหมือนผ้าห่มสีชมพู โหลชีไม่ได้ลังเล เดินเข้าไปเลย

ถ้ำภูเขาลูกแล้วลูกเล่า ทางเข้าออกซับซ้อน ลึกจนคาดเดาไม่ได้ ยิ่งเดินเข้าไปข้างใน โหลชียิ่งตกใจ หนทางไกลขนาดนี้ ข่งซิวยังสามารถบอกจุดที่อยู่ของตนให้นางได้อย่างชัดเจน และส่งเสียงมาที่หูนาง แสดงว่ากำลังภายในเขาหนาแน่นมาก ต่อให้ก่อนหน้านี้นางกินไขหินพันปีลงไปยังสู้เขาไม่ได้

แต่ว่ามีวิทยายุทธ์แบบนี้ ทำไมเขายังยอมถูกขังอยู่ที่นี่ไม่ออกไปล่ะ? ค่ายกลหน้าถ้ำเขาก็รู้ จะออกไปคงไม่ยากหรอก

ผ่านไปอีกระยะหนึ่ง แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาไม่ถึงในนี้ แต่ผนังถ้ำมีของส่องประกายสว่างเล็กน้อยอยู่ พอยื่นมือไปลูบกลับมีผงสีเงินติดมือกลับมา ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่เพราะของสิ่งนี้ ในถ้ำนี้เลยไม่ถึงกับมองไม่เห็นแม้นิ้วมือ อย่างน้อยโครงร่างคลุมเครือก็ยังมองเห็นได้อยู่

ในถ้ำชื้นเล็กน้อย เพราะความชื้นด้านนอกหนักขนาดนั้น แล้วด้านในจะเหลือได้อย่างไร โหลชีเห็นทางแยกสองทาง พอจะหยุดลง เสียงของข่งซิวก็ดังขึ้นพอดี "แม่นางน้อยเลี้ยวซ้าย" โหลชีเลี้ยวซ้ายตามที่เขาบอก เดินไปไม่นานก็เจอทางตันของถ้ำนี้ เดิมนางคิดว่าข่งซิวอย่างมากก็โดนล็อคสองมือด้วยเหล็ก หรือไม่ก็ล็อคขาไม่ให้ออกจากถ้ำนี้ก็พอ แต่พอคิดถึงกำลังภายในลึกล้ำของเขาก็รู้สึกว่าจะกระชากเหล็กหลุดออกก็ไม่ยาก แต่พอนางเห็นสถานการณ์ข้างหน้าจริงๆ นางตกตะลึงทันที

ด้านซ้ายบนมีรูเล็กๆอันหนึ่ง มีแสงจันทร์ลอดเข้ามา ที่นี่สว่างกว่าทางที่นางเดินมาเล็กน้อย

ทิศทางด้านหน้านาง ระหว่างหินก้อนใหญ่ ผู้ชายคนหนึ่งเหมือนโดนฝังเข้าไปในกำแพงหิน จริงๆต้องพูดว่าร่างกายอยู่ในกำแพงหิน มีรูที่กำแพงสามรู เผยให้เห็นหัวและสองแขนของเขา! เหนือหัวเขามีเถาวัลย์ย้วยลงมา ด้านบนเต็มไปด้วยผลไม้สีแดง มือเขาสามารถเด็ดผลไม้นั่นเข้าปากได้พอดี แต่ถ้าจะให้ขยับลงไปนั่งหรือนอน มันเป็นไปไม่ได้เลย ตัวเขาเหมือนโดนสตาฟไว้อย่างนั้น

กำแพงหินนั่นดูแล้วหนาพอดู มือเขาสามารถยื่นออกมาก็แค่ครึ่งแขน ผู้ชายคนนั้นมองผ่านๆดูไม่ออกว่าอายุเท่าไหร่ ผิวขาวมาก แต่ผมเผ้ายุ่งเหยิงปิดใบหน้าเขาไปครึ่งหน้า เลยดูหน้าตาไม่ชัด แขนสองข้างที่โผล่อยู่ด้านนอกผอมมาก หนังหุ้มกระดูก เห็นแต่นิ้วมือยาวมาก

นักพรตเลวไม่เคยพูดมาก่อนว่า ข่งซิวถูกขังอยู่ในถ้ำนี้ในสารรูปนี้! บางทีนักพรตเลวเองก็ไม่รู้เรื่องจริง เขาเคยบอกนางว่า ข่งซิวเป็นคนที่ยึดมั่นในคำพูดมาก ตอนนั้นเขาเคยช่วยเหลือข่งซิวหนึ่งครั้ง เดิมรู้สึกว่าทั้งคู่จะเป็นเพื่อนกันได้ แต่อยู่มาวันหนึ่งข่งซิวกลับบอกว่าจะกลับไปสำนัก จากนั้นก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย ต่อมาเขาได้ยินว่าข่งซิวกลับไปแล้ว คนของอุทยานเขาเฟิงหยุนคิดว่าเขาหักหลังภูเขา เลยขังเขาไว้

นักพรตเลวบอกว่าเขาเคยไหว้วานคนไปสืบเรื่องข่งซิว ข่งซิวให้จดหมายคนนั้นกลับมา ในจดหมายบอกว่าตนถูกขังอยู่บนยอดเขาหมอกน้ำ แต่เพราะรู้สึกว่าที่นี่สภาพแวดล้อมดีมาก และกำลังอยู่ในจังหวะสำคัญที่จะฝึกฝนวิทยายุทธ์ เขาเลยไม่กล้าล่าช้า เลยจะอยู่ที่นี่ชั่วคราว

วิธีพูดแบบนี้นักพรตเลวดันเชื่อ

ข่งซิวโดนขังอยู่ที่นี่ด้วยวิธีการโหดร้ายแบบนี้! ถ้าบอกว่าเขาโดนขังมาหลายปี ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องพูดเรื่องความต้องการพื้นฐานของคนละ มั่วไปหมดแล้วแน่ ยังมีการทำงานของส่วนต่างๆของร่างกาย จะยังดีอยู่หรือไง? โดนสตาฟไว้ในกำแพงหินแบบนี้ ขยับไม่ได้เดินไม่ได้นอนไม่ได้ แทบจะทำกิริยาแบบอื่นไม่ได้เลย คนปกติเป็นบ้าไปนานแล้วมั้ง ไม่ใช่ซุนหงอคงที่โดนทับไว้ใต้ภูเขาห้านิ้วนั่นซะหน่อย อีกอย่าง อาศัยแค่ผลไม้ที่อยู่เหนือหัวนั่นจะทนได้นานแค่ไหนกัน? นี่มันหมดหวังขั้นไหนเนี่ย

แต่น้ำเสียงที่เขาพูดเมื่อกี้กลับราบเรียบขนาดนั้น พูดจาเป็นเหตุเป็นผล ฟังไม่ออกเลยว่าไม่สบายตรงไหน

"แม่นางน้อยมีนามว่ากระไรรึ?" ข่งซิวเงยหน้าขึ้นมองนาง ยังยิ้มออกมาได้อีก

"โหลชี"

"ไม่ได้แซ่หยุนรึ? เจ้ามิใช่คนของอุทยานเขาเฟิงหยุน?" ข่งซิวดูแปลกใจไม่น้อย โหลชีส่ายหัว เดินเข้าใกล้มาหน่อย ถึงเห็นหน้าตาเขาชัดเจน สิ่งที่ทำให้นางแปลกใจคือ ข่งซิวกลับเป็นชายรูปงามคนหนึ่ง ดูแล้วน่าจะอายุแค่สามสิบหกสามสิบเจ็ด ดวงตาคู่นั้นสว่างใสราวกับสายน้ำในภูเขาหิมะ หน้าตางดงามกว่าสาวน้อยมากมายนัก

ทั้งๆที่นักพรตเลวเคยบอกไว้แท้ๆว่า ข่งซิวเป็นหนึ่งในเพื่อนจำนวนไม่มากของเขา อายุใกล้เคียง... ข่งซิวอายุห้าสิบกว่าแล้ว คนนี้นี่โดนเวลาลืมเลือนไปหรือไง?

"ข้าไม่ใช่คนของอุทยานเขาเฟิงหยุน"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ