ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 121

โหลชีเดินเข้าใกล้อีกหน่อย มือหนึ่งกดบนกำแพงหิน ค่อยๆใส่กำลังภายในลงไปหกส่วน แต่ใต้ฝ่ามือกลับปรากฏรอยฝ่ามือจางๆออกมา นางใส่เพิ่มเป็นสิบส่วน รอยฝ่ามือนั้นกลับแค่ลึกลงไปหน่อย แต่กลับไม่มีรอยแตกเลยแม้แต่น้อย มีแค่ฝุ่นผงสีเทาร่วงลงมาเล็กน้อย

ข่งซิวกลับแปลกใจไม่น้อย "ไม่คิดว่าเจ้าอายุยังน้อย กลับมีกำลังภายในลึกล้ำเพียงนี้! ลูกศิษย์ที่เจ้าซวนหยวนนั่นสั่งสอนมาไม่ธรรมดาจริงๆ!"

โหลชีไม่ได้อธิบายถึงเรื่องที่ตนได้กินไขหินพันปีไป

แต่ตอนนี้ดูแล้ว จะอาศัยแรงนางช่วยข่งซิวออกมามันเป็นไปไม่ได้เลย มันทำนางเซ็งเล็กน้อย ข่งซิวกลับหันมาปลอบโยนนางว่า "ยังไงก็โดนขังอยู่ที่นี่สิบสามปีแล้ว ไม่รีบ ไม่รีบหรอก"

"ท่านอา ถ้าใช้อาวุธเทพล่ะ?" โหลชีถามเสียงขรึม

"อาวุธเทพอันใดกัน?" ข่งซิวตะลึง จากนั้นส่ายหัวบอก "โลกนี้มีเพียงมีดสั้นพิชิตวันเท่านั้นที่สามารถทลายหินฟ้าได้ แต่อาวุธเทพอย่างพิชิตวันกลับไม่รู้ไปอยู่แห่งหนใดแล้ว หาไม่ได้ง่ายๆหรอก"

เอ๋ พิชิตวัน...

โหลชีพูดอะไรไม่ออกฉับพลัน และไม่รู้ว่าจะบอกว่าบังเอิญยังไงดี! พิชิตวันหรอ อาวุธเทพอย่างอื่นนางไม่แน่ใจว่าจะหาเจอไหม แต่พิชิตวันปกตินางเอามาฆ่าปลาหั่นผักเป็นประจำเลยนะ...

แต่ตอนนี้นางพลันเข้าใจถึงสีหน้าประหลาดที่อิงเห็นนางใช้พิชิตวันแบบนั้นแล้ว ที่แท้พิชิตวันเป็นมีดสั้นอานุภาพแรงกล้าขนาดนี้! แต่นางกลับเอามาหั่นผักฆ่าปลา!

เฉินซ่าก็ไม่ห้ามนางเลย!

ดูท่าตอนนี้นางไม่กลับไปหาเฉินซ่าไม่ได้แล้ว ต้องไปขอยืมพิชิตวันกับเขานี่นา

"ท่านอาวางใจเถิด ข้ารู้ว่าพิชิตวันอยู่ที่ใด"

ข่งซิวโพล่งปากออกไปทันที "เจ้ารู้?" มันทำให้เขาดีใจระคนประหลาดใจยิ่ง! เมื่อก่อนไม่รู้ว่าพิชิตวันอยู่ที่ใด เขาโดนขังอยู่ที่นี่คิดมาหลายมาก็หาข้อมูลเกี่ยวกับพิชิตวันไม่เจอเลย ไม่คิดว่าโหลชีจะรู้ว่าพิชิตวันอยู่ที่ไหน!

"อืม ข้ารู้ แต่ข้าต้องไปขอยืมพิชิตวันกับเจ้าของเขา"

"สวรรค์มีตามองเห็นข้าแล้ว!" ข่งซิวบ่นพึมพำ

"จริงสิ ท่านอา ใครขังท่านไว้ที่นี่กัน?" โหลชีถาม

แต่ไม่คิดว่าคำถามนี้จะทำข่งซิวสีหน้าเปลี่ยน "ทางที่ดีเจ้าอย่าถามเรื่องนี้ และอย่ายุ่งเรื่องนี้ เรื่องที่เจ้ามาเขาหมอกน้ำก็ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ถึงเจ้าอายุยังน้อยกำลังภายในลึกล้ำ แต่คนพวกนั้นไม่ใช่อะไรที่เจ้าจะต่อกรได้เลย"

คนพวกนั้น?

แต่ไม่ว่าโหลชีถามยังไง ข่งซิวก็ปิดปากแน่นไม่ยอมบอกว่าพวกนั้นคือพวกไหน คนทางนั้นคือใคร

โหลชีเองก็ไม่มีหนทาง

"เมื่อกี้เจ้ายังไม่ได้ตอบข้าว่า ทำไมเจ้าไม่กลัวไอพิษของฉางเซิง?" ข่งซิวถาม

"นักพรตเลวให้ข้าแช่น้ำยามาตั้งแต่เล็ก ดังนั้นข้าเลยไม่กลัวพิษ" โหลชีพูดออกมาหน้าตาเฉย แต่ข่งซิวสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย

"เป็นวิธีฝึกร่างด้วยร้อยพิษ?" เขามองโหลชีด้วยสายตาประหลาดใจระคนเลื่อมใส ถอนหายใจว่า "วิธีฝึกร่างด้วยร้อยพิษนั่นเจ็บปวดเหลือคณา ไม่ใช่อะไรที่คนปกติจะสามารถรับได้เลย ต่อให้เป็นชายหนุ่มกำยำวิทยายุทธ์แก่กล้าก็รับไม่ไหว เจ้าพึ่งอายุเท่าไหร่กัน จะทนได้อย่างไร?"

โหลชียิ้มบางรับ

แต่พอพูดถึงวิธีฝึกร่างด้วยร้อยพิษนั่นอีกครั้ง นางยังเย็นยะเยือกในอกอยู่เลย เพราะความเจ็บปวดนั่นมันยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดจริงๆ! เรียกได้ว่าเป็นตายวนไปวนมา หลายครั้งนางเจ็บจนแทบทนไม่ไหวกัดลิ้นฆ่าตัวตาย ตอนเด็กยังเคยเจ็บแค้นนักพรตเลว คิดว่าเขาจะเอาชีวิตนาง!

แต่ตอนนั้นนักพรตเลวกลับใช้สายตาเศร้าสร้อยระคนปวดใจมองนาง และยังบอกขอโทษนางไม่หยุด ต่อมานางไปปฏิบัติภารกิจที่ป่าฝน ไม่ว่าเจอหนอนงูมดพิษยังไงนางก็ไม่กลัว เพื่อนร่วมอาชีพยังบอกนางว่านางเป็นราชาพิษ ทำให้พิษอื่นกลัวนาง บางคนยังล้อเล่นว่า จะจับนางไปผ่าวิจัย ดูว่าร่างกายนางไม่เหมือนคนปกติยังไง

พวกเขาอิจฉาริษยาแค้นนาง แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่านางต้องลำบากแค่ไหน ดังนั้นหลังจากผ่านเรื่องราวพวกนั้นมาโหลชีเข้าใจเรื่องหนึ่ง ถ้านางอยากมีฝีมือยังไง ก็ต้องพยายามยังไงด้วย นิสัยของนางมั่นคงแน่วแน่ และเป็นสิ่งที่ฝึกออกมาจากความทุกข์ยากในวัยเด็ก

ไม่มีใครสามารถประสบความสำเร็จได้โดยไม่พยายามอะไร โหลชีเชื่อในสิ่งนี้

ข่งซิวกลับเลื่อมใสนางจริงๆ จนถึงตอนนี้สายตาที่มองดูนางยิ่งอ่อนโยนมากขึ้น ไม่เพียงเพราะความสัมพันธ์ระหว่างนางกับนักพรตเลว ยังเป็นเพราะตัวนางเองด้วย

"ในเมื่อมีฉางเซิงอยู่ที่นี่ ท่านอาน่าจะปลอดภัยชั่วคราว เรื่องที่ข้าขึ้นมาก็ไม่มีใครรู้ ข้าจะลงเขาไปหาเรือ รอข้าเอาพิชิตวันกลับมานะ"

"ได้" ตอนนี้บนใบหน้าของข่งซิวมีประกายสว่าง เพราะรู้ว่าตนมีความหวังจะหนีรอด!

"ท่านอาไม่กลัวข้าพูดจาโอ้อวดหรือ?" โหลชีอดถามไม่ได้

"เด็กที่เจ้าซวนหยวนนั่นสอนออกมา ข้าเชื่อใจ" ข่งซิวยิ้มออกมา คิดๆพลางว่า "ในเมื่อมาแล้ว ก็ไม่ต้องรีบร้อนไปดอก สู้อยู่คุยเป็นเพื่อนข้าที่นี่เถอะ ไม่มีใครพูดกับข้ามาสิบสามปีแล้ว"

พอโหลชีเห็นรูเล็กสะท้อนแสงนั่น ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว ตอนนี้ลงเขาไปไม่แน่อาจจะโดนจับได้ คิดๆดูเลยเห็นด้วย สู้อยู่ที่นี่อีกวันดีกว่า รอฟ้ามืดแล้วค่อยลงเขา ข่งซิวปิดปากเงียบไม่พูดเรื่องคนที่ขับเขามาขังที่นี่ และยังห้ามปรามอย่างหนักแน่น หวังว่านางจะเก็บเรื่องที่เคยมาที่นี่เป็นความลับ และหวังว่านางจะค่อยไปหลังฟ้ามืดแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ