ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 137

ตกกลางคืน เพราะจำนวนคนที่มามีเยอะมากจริงๆ ในคืนนี้ ลูกศิษย์ของอุทยานเขาเฟิงหยุนต่างก็เหน็ดเหนื่อยกับการต้อนรับคนพวกนั้นแล้ว เพราะไม่ได้เป็นการส่งเทียบเชิญออกไปจริงๆ แต่เป็นเพราะคนใต้หล้าได้ยินข่าวของบัวเลือดเลยกรูกันเข้ามา ย่อมต้องมีพวกสามลัทธิเก้าอาชีพมากันอยู่แล้ว

ถึงแม้บนพื้นผิวแม่น้ำนั่นจะมีกระแสน้ำวนขนาดมหึมาปรากฏขึ้นมา กลืนกินชีวิตคนไปมากมาย แต่อุทยานเขาเฟิงหยุนปล่อยข่าวออกไปแล้วว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอุทยานเขาเฟิงหยุน คนเหล่านั้นก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าด้วยกำลังของมนุษย์จะสามารถสร้างกระแสน้ำวนขนาดใหญ่เช่นนี้ใต้แม่น้ำได้ ดังนั้นจึงไม่ได้ผลักความรับผิดชอบของเรื่องนี้ไปที่อุทยานเขาเฟิงหยุน

มีคำร่ำลือว่าเป็นปีศาจน้ำ และยังมีคนบอกว่าเทพแห่งแม่น้ำพิโรธเพราะถูกรบกวน นี่ทำให้คนจำนวนหนึ่งกลัวที่จะเดินหน้า ไม่กล้ามาอีกไม่มากก็น้อย แต่ว่า ที่มากยิ่งกว่าคือคนที่ไม่กลัวตาย แสวงหาความตื่นเต้น คนที่ไม่อาจต้านทานต่อสิ่งล่อใจของบัวเลือดเขาน้ำแข็ง ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่มีความสามารถจริงๆ และผ่านกระแสน้ำวนนั่นมาได้

คนที่มีคุณภาพต่ำเหล่านั้นเดิมทีก็มาเพื่อปลาซิวหลัวและลูกศิษย์ผู้หญิงสวยๆของอุทยานเขาเฟิงหยุนอยู่แล้ว ดังนั้นในคืนนี้ก็มีคนโวยวายจะกินปลาแล้ว บ้างก็ใช้ข้ออ้างสารพัดเชิญลูกศิษย์ผู้หญิงไปเป็นระยะๆ จากนั้นก็คิดจะทำมิดีมิร้าย

ได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังมาอีกแล้ว เดียรัจฉานท่านจินด่าออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อว่า: "คราวนี้หยุนเสี้ยงหยางคงได้โมโหจนผมตั้งหมดหัวแน่"

พวกเขาไปลักของกินจากห้องครัวกลับมาเยอะมาก พวกเขากินอิ่มหมีพีมันพอดี แน่นอนว่า ไม่มีส่วนของมู่หลานที่กำลังหลับใหลอยู่อีกห้องหนึ่ง

อิ่มหมีพีมันทำงานคล่องตัว โหลชีได้ยินคำพูดแล้วกล่าวว่า: "แต่ว่าจนถึงตอนนี้หยุนเสี้ยงหยางก็ยังไม่ปรากฏตัวเลย"

"ปลาซิงหลัวพรุ่งนี้ถึงจะได้กิน แต่ข้าเพิ่งไปห้องครัวมาเมื่อครู่นี้ กลับพบว่าพวกเขาเตรียมสุราเอาไว้ไม่น้อย ดูท่าสุราคงจะมีมากเพียงพอสำหรับคืนนี้ มองดูตลอดทางที่กลับมา คนเหล่านั้นดื่มกันอย่างเอาเป็นเอาตายราวกับได้รับผลประโยชน์โดยลงแรงแค่เล็กน้อย" องครักษ์เยว่พูดไปก็ส่ายหน้าไปด้วย แต่ว่าสุราของอุทยานเขาเฟิงหยุนแห่งนี้ก็หอมมากจริงๆ แต่ละคนต่างก็กลัวจะดื่มช้าแล้วจะดื่มได้น้อยกว่าคนอื่น เกรงว่าคงมีแต่โหลชีเท่านั้นที่ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนหลังจากที่เขานำไหสุรากลับมาด้วย

"จุดประสงค์ของหยุนเสี้ยงหยางคนนี้ไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้นแน่ หลังจากที่ช่วยคนแล้วเรารีบไปทันที" จู่ๆเฉินซ่าก็กล่าวออกมากะทันหัน คนมากมายขนาดนี้แห่กันมาที่อุทยานเขาเฟิงหยุน แถมยังทำส่งเดชเช่นนี้ จนถึงตอนนี้หยุนเสี้ยงหยางที่เป็นถึงเจ้าบ้านกลับไม่เคยปรากฏตัวเลยสักครั้ง ไม่เพียงแค่หยุนเสี้ยงหยางเท่านั้นที่ไม่เคยปรากฏตัว แม้แต่เจ้าบ้านรองเจ้าบ้านสามก็ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน นี่มันน่าแปลกมากไม่ใช่หรือ?

ฟังเขาพูดเช่นนี้ ทุกคนก็รู้สึกมีความไม่สบายใจที่อธิบายไม่ถูกเล็กน้อยขึ้นมา

"ได้ ไม่ต้องชักช้า เรารีบไปช่วยคน กลับมาก็ไปทันที" โหลชีตัดสินใจเด็ดขาดทันที: "องครักษ์เยว่คอยดูมู่หลานอยู่ที่นี่ หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้วหากท่านพบว่ามีอะไรผิดปกติก็พานางไปรอเราที่บริเวณหน้าผาน้ำ"

เดิมทีแผนการไม่ได้เป็นเช่นนี้ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินซ่าแล้ว นางก็รีบเปลี่ยนแผนทันที

"หน้าผาน้ำ?" ไม่ใช่กลับไปที่ริมแม่น้ำหรือ? เรือของพวกเขาจอดอยู่ที่นั่น

เฉินซ่าขมวดคิ้ว: "พูดต่อไป"

"เมื่อกี้ได้ยินนายท่านพูดเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกว่าเรื่องราวมันผิดปกติอย่างมาก ถึงแม้ข้าจะไม่ได้รู้จักหยุนเสี้ยงหยางดีพอ แต่ว่าคนที่มามีเยอะเกินไป หากปลาซิงหลัวมีน้อยขนาดนั้นจริงๆ เขายังให้คำมั่นว่าจะให้ทุกๆคนได้ลิ้มลองรสชาติของปลาซิงหลัว นี่ต้องจับปลามามากมายขนาดไหน? ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะใจกว้างขนาดนั้น"

"นอกเสียจาก เขาจะรู้ว่าทุกคนอยู่รอไม่ถึงพรุ่งนี้แล้ว! เช่นนั้นแสดงว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะลงมือตอนกลางคืน! ถ้าหากว่าลงมือ พวกท่านคิดว่าเขายังจะปล่อยเรือมากมายขนาดนั้นเอาไว้ริมแม่น้ำเพื่อให้โอกาสคนได้หนีรอดไปหรือ?"

"ดังนั้น ไม่แน่ว่าเรือเหล่านั้นอาจจะถูกทำลายไปแล้ว" เฉินซ่ากล่าวเสียงต่ำ: "หน้าผาน้ำที่เจ้าพูดถึง เป็นสถานที่เก็บเรือก็พวกเขาเอง?"

โหลชีพยักหน้าแล้วกล่าวว่า: "ถูกต้อง ครั้งที่แล้วเราก็แอบขโมยเรือจากที่นั่น และที่นั่นข้ายังวางค่ายกลเอาไว้อีกด้วย ในสถานการณ์ฉุกเฉินสามารถถ่วงเวลาให้เราได้เล็กน้อย"

"หน้าผาน้ำอยู่ที่ไหน?" องครักษ์เยว่กล่าวถาม

"ข้าขะวาดเส้นทางให้เจ้า" โหลชีหาอยู่ครู่หนึ่ง ฉีกผ้าปูที่นอนออกมาชิ้นหนึ่ง แล้วใช้ดินสอถ่านวาดภาพแผนผังเส้นทางไปยังหน้าผาน้ำออกมา "พอถึงตรงนี้เจ้าก็หยุดลงมา หากเรายังมาไม่ถึงเจ้าก็หาสถานที่รอเราก่อน อย่าเข้าไป เพราะแถบนั้นมีแมลงแปลกๆเยอะมาก มีอันตราย ยาเม็ดนี้เจ้าเก็บเอาไว้ก่อน หากถูกแมลงกัดก็รีบบีบให้ละเอียดแล้วโรยไปที่แผลทันที ไม่ต้องรอข้า"

โหลชียื่นยาไปให้เขาเม็ดหนึ่ง ตัวนางเองไม่กลัวแมลง ดังนั้นจึงเตรียมยาเอาไว้ไม่มากนัก "ส่วนผู้หญิงคนนั้น เจ้าปกป้องหน้าของนางเอาไว้อย่าให้ได้รับบาดเจ็บก็พอ ส่วนอื่นๆของร่างกายไม่ต้องไปสนใจ"

"เข้าใจแล้ว"

"เราไปช่วยคนกัน"

โหลชีพูดไป ก็จูงมือของเฉินซ่าเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องถามด้วยซ้ำ อย่างไรเสียนางก็รู้ว่าเขาจะต้องไปกับนางอย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ต่อ ดังนั้นนางจึงไม่ถามความคิดเห็นของเขาเลย

หยุนเมี่ยวจัดให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต้องมีคนแอบจ้องมองดูพวกเขาอย่างลับๆอยู่แล้ว แต่ว่าวรยุทธของสามคนนี้ล้วนแต่โดดเด่นเป็นหนึ่งในร้อยทั้งนั้น จ้องเอาไว้มีประโยชน์ไหม?

ในความมืดมิด เงาร่างสามเงาบินโฉบออกไปอย่างเงียบเชียบ ลอยผ่านหลังคาไปอย่างรวดเร็ว ราวกับนกนางแอ่นที่กำลังโบยบิน

ผ่านไปครู่หนึ่ง ท่านจินรู้สึกถึงความผิดปกติ ไล่ตามโหลชี ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า: "นี่มันไม่ถูกเลยนะนังหนูชี เรากำลังหาคนอยู่ เจ้าไม่หาดูเลยสักหลัง จะหาเจอได้อย่างไร?"

"ท่านตามข้ามาก็ถูกต้องแล้ว" โหลชีเม้มปากอย่างมีความสุข บีบมือของเฉินซ่า ทั้งสองเพิ่มความเร็วไปพร้อมๆกัน กลายเป็นภาพความเร็วสองภาพ พุ่งทะยานออกไปทางเขาหมอกน้ำ

คิ้วสีเทาของท่านจินเลิกขึ้นเล็กน้อย สะบัดแขนเสื้อ สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วตามขึ้นไปทันที

ตามไป ตามไปก็จะรู้เองว่าในน้ำเต้าของนังหนูนั่นขายยาอะไรกันแน่

เขาหมอกน้ำก็ยังคงเหมือนเดิม ตกกลางคืนหมอกน้ำก็จะหนามากยิ่งขึ้น ขึ้นถึงกลางยอดเขาทัศนวิสัยในการมองเห็นก็ต่ำลงไปมาก บนยอดเขายังคงเงียบสงัดเช่นเดิม ใต้เท้าโหลชียังคงไม่หยุด ปีนขึ้นไปต่อโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าเลย เฉินซ่าก็ต้องตามอยู่ข้างกายนางโดยไม่ถามอะไรอยู่แล้ว แต่ท่านจินอดกลั้นความสงสัยจนใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว

และเมื่อพวกเขาไปถึงยอดเขา ในตอนที่เห็นดอกไม้ประหลาดที่กว้างใหญ่ไพศาลนั่น ท่านจินตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจจนหน้าซีด: "ฉางเซิง!"

"อืม นั่นคือฉางเซิง!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ