ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 157

ทันทีที่นางพูดจบ เฉินซ่าก็เดินไปทางเฟยเหินแล้ว ขึ้นหลังม้าไปอย่างสง่างามมาก กล่าวกับโหลชีว่า: "ขึ้นม้า"

ท่าเสวี่ยเดินมาทางโหลชี ใช้หัวของมันถูไปที่นาง ท่าทางสนิทสนมกันมาก

โหลชีตบมันเบาๆ แล้วก็ขึ้นหลังม้าไป ผูยู่เหอเห็นดังนั้น ดวงตาก็เบิกกว้าง ตะโกนขึ้นมาด้วยความเศร้าใจเล็กน้อย: "คุณชายเฉิงท่านไม่นั่งรถม้าหรอกหรือ?"

"จ้าก!"

สิ่งที่ตอบนาง คือแผ่นหลังที่ควบม้าพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วของเฉินซ่า ทันทีหลังจากนั้น โหลชีก็ตามออกไปเช่นกัน

ถึงแม้จะพาคนมาด้วย แต่ว่าความเร็วของพวกเขาก็ไม่ได้ช้าไปกว่าก่อนหน้านั้นมากเดิมทีแผนการของผูยู่เหอคือนางกับเฉินซ่าจะสามารถนั่งอยู่บนรถม้าไปด้วยกันตลอดทาง นางค่อยใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนที่มีอยู่ ด้วยความงามของนาง ตลอดทางนี้ย่อมต้องพัฒนาเกิดเป็นความรู้สึกผูกพันขึ้นมาแน่ นางจะได้ถามชื่อของเขา อายุ มาจากที่ใด ทางบ้านเป็นเช่นไรได้อย่างชัดเจน ถึงเวลา ไม่แน่ว่าเขาอาจจะอาลัยอาวรณ์เสียดายที่จะส่งนางไปจินโจวก็เป็นได้

นางยังเคยคิดว่า ถึงตอนนั้นตัวนางเองต้องอดทนเอาไว้ก่อน เกลี้ยกล่อมเขาว่าหนีตามไปเป็นได้แค่สนม หากจะแต่งงานกับนางต้องทำเพื่อนาง ส่งตัวนางไปที่จินโจวก่อน ให้นางเข้าไปอยู่ในบ้านน้าสาว แล้วเขาค่อยหารือกับน้าสาวเรื่องการแต่งงานของทั้งคู่

นางคิดเอาไว้มากมายเช่นนั้น ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในความเป็นจริงจะเป็นเช่นนี้ได้

พวกเขาเร่งเดินทางอยู่ตลอดเวลา ตอนเที่ยงก็พักผ่อนเพียงครู่เดียว แต่ว่าในเวลานี้ตอนที่นางลงจากรถม้าก็ไม่เห็นเฉินซ่ากับโหลชีแล้ว ถามองครักษ์ องครักษ์บอกเพียงว่า นายท่านพาแม่นางโหลไปพักผ่อนที่อื่น

จากนั้นหลังจากที่นางขึ้นไปบนรถม้าแล้ว พวกเขาถึงได้กลับมา

พอตกกลางคืน หากว่าเข้าไปในเมือง นางกับป้าฮวาซือเอ๋อร์ก็ใช้ห้องเดียวกัน แต่เฉินซ่ากลับใช้ห้องเดียวกับโหลชี มีสองครั้งที่นางไปเคาะประตู โหลชีก็เป็นคนเปิดประตู มีนางขวางเอาไว้ นางไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าประตูเลยด้วยซ้ำ แล้วนางจะสามารถคุยอะไรกับเฉินซ่าที่ไหนได้อีก

ดังนั้น สี่วันแล้ว นางไม่มีโอกาสจะพูดกับเฉินซ่าแม้แต่คำเดียว

ในใจของผูยู่เหอราวกับถูกแมวข่วน รู้สึกค่อยๆหงุดหงิดขึ้นมา

ยิ่งไปกว่านั้น นางรู้สึกไม่พอใจโหลชีมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นแค่สาวใช้คนหนึ่งแท้ๆ อย่างมากก็แค่นางบำเรอ ทำไมถึงสามารถใกล้ชิดกับนายท่านขนาดได้? อยู่ด้วยกันทุกคืน นางยังจะรักษาหน้าอยู่ไหม?

"คุณหนู——"

ซือเอ๋อร์เพิ่งจะเรียกออกมาคำเดียว ผูยู่เหอที่กำลังคิดเรื่องพวกนี้และหงุดหงิดอยู่ก็ยื่นมือออกไปหยิกแขนของนางอย่างแรง "เรียกทำไมกัน? ไม่เห็นหรือว่าข้าอารมณ์ไม่ดี?"

ซือเอ๋อร์ไม่กล้าร้องว่าเจ็บ แต่ในดวงตาก็ยังคงแดงเล็กน้อย ก้มหน้าลงแล้วกล่าวด้วยความน้อยใจว่า: "คุณหนู ข้าน้อยอยากจะบอกว่า เมื่อกี้ใต้เท้าองครักษ์เยว่บอกแล้วว่า อีกสองวันก็จะถึงเหิงโจวแล้ว ที่นั่นเป็นเมืองที่ใกล้จินโจวที่สุด บนเส้นทางที่พวกเขาจะผ่านทาง"

ผูยู่เหอใจเต้นแรงขึ้นมา กล่าวถามด้วยความกังวล: "แล้วอย่างไร? พวกเขาจะทิ้งเราเอาไว้เช่นนั้นหรือ?"

หลายวันมานี้พวกเขาเร่งเดินทางมาโดยตลอด พวกนางไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน ถึงแม้จะนั่งอยู่บนรถม้า แต่หากรีบเร่งเดินทางก็ค่อนข้างกระเทือนไปมามากอยู่เช่นกัน พวกนางก็เหนื่อยล้ามากแล้ว เดิมทีผูยู่เหอกำลังคิดจะคุยกับพวกเขา ดูว่าจะสามารถชะลอความเร็วลงมาเล็กน้อยได้หรือไม่ คิดไม่ถึงว่าจะถึงเหิงโจวแล้ว

หากว่าถูกปล่อยทิ้งเอาไว้เช่นนี้ แผนของนางจะทำเช่นไรดี? เคยเห็นเฉินซ่าแล้ว ต่อไปนางยังจะไปแต่งงานกับใครได้อีก? ผู้ชายคนอื่นนางล้วนไม่เห็นอยู่ในสายตาแล้ว

"ใต้เท้าองครักษ์เยว่บอกว่า นี่คือสิ่งที่คุยกับคุณหนูเอาไว้แต่แรกแล้ว"

"ไม่ได้ ไม่ได้ ข้าไม่ไป ข้าจะติดตามพวกเขาเอาไว้ ข้าจะติดตามคุณชายเฉิง!"

แต่ว่าวันนี้ผ่านไป นางก็ยังไม่มีโอกาสเข้าใกล้เฉินซ่าเช่นเคย

คืนนี้พวกเขาเร่งไม่ทันเข้าเมือง เลยนอนด้านนอกเหมือนเช่นเคย ดีที่เข้าใกล้พั่วอวี้มากขึ้นเรื่อยๆ และห่างออกไปจากทางเหนือมากขึ้นเรื่อยๆ อุณหภูมิในตอนนี้ไม่ได้ต่ำขนาดนั้นแล้ว ก่อกองไฟขึ้นมา ก็ถือว่าอบอุ่นแล้ว เพียงแต่ว่าบริเวณนี้ไม่ค่อยมีที่ราบสักเท่าไหร่ เฉินซ่าเลยไม่ได้พาโหลชีเดินออกไปหลังจากลงจากรถในทันที ผูยู่เหอที่ป้าฮวาประคองลงจากรถม้าเมื่อเห็นเฉินซ่า มองเห็นทางสว่างในทันที

นางรีบจัดการกับเสื้อผ้าหน้าผมของตนเองในทันที กำลังเดินเข้าไปทางด้านนั้น เห็นเพียงบนท้องฟ้ามีนกพิราบบินเข้ามาตัวหนึ่ง เฉินซ่ายกมือขึ้น นกพิราบตัวนั้นก็ลงมาหยุดลงในมือของเขา การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ผูยู่เหอตกตะลึงไป จากนั้นในดวงตาก็ฉายแววความร้อนราวกับไฟขึ้นมาอีก ผู้ชายคนนี้น่าทึ่งมากจริงๆด้วย!

เฉินซ่าดึงจดหมายที่อยู่ในหลอดไม้ไผ่ขนาดเล็กที่ผูกเอาไว้บนขาของพิราบสื่อสารออกมา แล้วก็ยื่นมันไปให้กับโหลชี

"ในที่สุดก็ได้รับจดหมายจากพิราบสื่อสารของใต้เท้าองครักษ์อิงแล้วหรือ?" โหลชีก็ตาสว่างขึ้นมาเช่นกัน เปิดจดหมายนั่นออก

ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่ห่างไกลมากเกินไป พิราบสื่อสารอาจจะหาพวกเขาไม่เจอ ดังนั้นเลยไม่มีข่าวมาโดยตลอด พวกเขาก็ไม่ได้ส่งข่าวกลับไป ตอนนี้นี่คือข่าวแรกที่ได้รับหลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันมาเป็นเวลานาน

เหลือบมองจดหมายนั่นครู่หนึ่ง โหลชีก็เลิกคิ้วขึ้นมาในทันที เหลือบมองไปทางรถม้าครู่หนึ่งอย่างอดไม่ได้ สบตาเข้ากับสายตาที่มีความโกรธเล็กน้อยของผูยู่เหอเข้าพอดี นางคิดใคร่ครวญไปครู่หนึ่ง ถึงได้เข้าใจว่านางกำลังโมโหเรื่องอะไร คาดว่าคงจะเป็นการกระทำเมื่อครู่ของเฉินซ่าที่ยื่นจดหมายให้กับนางเลย

"ว่าอะไรบ้าง" สีหน้าเฉินซ่าเย็นชา เร่งเดินทางมานานหลายวัน เขาเกือบจะลืมไปแล้ว ว่าใกล้ถึงสิบห้าอีกแล้ว ตอนนี้ร่างกายของเขาเริ่มมีปฏิกิริยาแล้ว โชคดี ที่มีนางอยู่ข้างกาย

"เรื่องดี" โหลชีกล่าว: "ใต้เท้าองครักษ์อิงรู้ที่อยู่ของตัวยาอีกชิ้นหนึ่งแล้ว"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ