ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 158

เขากำลังจะลงมือ โหลชีก็รีบคว้ามือของเขาเอาไว้ "นายท่านโปรดระงับความโกรธ" ประโยคต่อไปของนางน่าจะเป็นคำว่าเก็บนางไว้ยังมีประโยชน์อยู่ แต่ไม่ได้พูดออกมา ส่งสายตาให้กับเยว่ เยว่รีบยกผูยู่เหอขึ้นมาทันที ถอยหลังไปไม่กี่ก้าว ก็โยนนางเข้าไปในรถม้า

"ดูแลคุณหนูของพวกเจ้าเอาไว้ให้ดี หากไปยั่วให้นายท่านของเราโกรธอีก ใครก็ไม่สามารถช่วยนางได้"

"ค่ะ ค่ะ ใต้เท้าองครักษ์เยว่"

ซือเอ๋อร์กับป้าฮวาตกใจมาก หลายวันมานี้นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาลงมือกับผูยู่เหอ ถึงแม้จะไม่ได้ทำร้าย แต่มันก็เพียงพอให้คนตกใจกลัวแล้ว

ผูยู่เหอถูกโยนเข้าไปในรถม้าก็ล้มลงไปอย่างไม่เป็นท่า หลังจากที่ถูกประคองตัวขึ้นมาก็อดที่จะร้องไห้ฮือๆขึ้นมาไม่ได้ นางคิดไม่ถึงว่าเฉินซ่าถึงกับคิดจะลงมือกับนาง แต่เมื่อเห็นเขาปกป้องโหลชีมันก็ทำให้ไฟริษยาในใจนางแผดเผาขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง หากคนที่เขาปกป้องเปลี่ยนเป็นนาง เช่นนั้นมันคงจะดีมาก!

"คุณหนู ช่างมันเถิดค่ะ คุณชาย...นายท่านผู้นั้นดูแล้วไม่ง่ายที่จะคบหาเลย รอให้ถึงจินโจวแล้ว ให้พระชายารองเป็นผู้ใหญ่ หาคู่แต่งงานที่ดีให้กับคุณหนู ยังกลัวว่าจะหาคนดีๆไม่ได้หรือ?" ป้าฮวาอดที่จะเกลี้ยกล่อมไม่ได้

"คนดี? คนดีอะไร!" ผูยู่เหอกลับกัดฟันกล่าวออกมา: "ใครมันจะสามารถเทียบคุณชายเฉิงได้......"

เยว่ที่ยังเดินห่างออกไปไม่ไกล ได้ยินคำพูดประโยคนี้จากนอกรถม้า ฝีเท้าก็หยุดเอาไว้ทันที

พวกเขาไม่เคยถามเลยว่า น้าสาวของผูยู่เหอทำอะไรอยู่ที่จินโจว และแต่งงานไปกับตระกูลไหน เพราะพวกเขารู้สึกว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา แต่ว่าตอนนี้กลับได้ยินคำว่าพระชายารอง เขาอดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่าเรื่องในครั้งนี้มันช่างบังเอิญมากจริงๆ หรือว่าน้าสาวของผูยู่เหอจะเป็นพระชายารองของเหอชิ่งอ๋อง?

คิดเช่นนี้ เขาก็เดินกลับไปอีกครั้ง พูดแค่คำสองคำก็หลอกถามออกมาแล้ว

"น้าสาวของผูยู่เหอก็คือพระชายารองของเหอชิ่งอ๋อง?" กลางคืน โหลชีได้ฟังข่าวนี้ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน

เยว่พยักหน้า

"นี่มันช่างบังเอิญจริงๆ เช่นนั้นเราก็เข้าไปอยู่ในจวนอ๋องกันเถิด" โหลชีหัวเราะขึ้นมาอย่างชั่วร้าย: "ทำอย่างไรดีล่ะ ครั้งนี้ผูยู่เหอพาโจรเข้าบ้านเสียแล้ว ข้ารู้สึกเป็นกังวลแทนนางจริงๆเลย"

เยว่: "......"

ผูยู่เหอรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเมื่อรู้ว่าพวกเขาเปลี่ยนใจ จะไปส่งนางกลับจินโจวแล้ว ตอนที่มองดูเงาร่างของเฉินซ่าที่ควบม้าทะยานออกไปตรงมุมปากก็มีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา

จินโจว ถือว่าเป็นเมืองเขตชายแดนของตงชิงแล้ว จินโจวไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่เพราะว่าพื้นดินอุดมสมบูรณ์ มีพืชผลออกเยอะ ถือได้ว่าร่ำรวยพอสมควร เหมือนเช่นเคย ตอนที่เข้าประตูเมืองก็เห็นทหารเฝ้าประตูเมืองกำลังตรวจสอบคนที่สัญจรไปมา ในบรรดาทหารเหล่านั้นมีคนถือภาพวาดหลายภาพคอยเปรียบเทียบอยู่ตลอด เห็นว่าจุดสนใจของพวกเขายังคงอยู่บนตัวของผู้ชายหรือไม่ก็หญิงสาวที่มาคนเดียว โหลชีและคนอื่นๆต่างก็รู้ดีแก่ใจแล้ว

แต่พวกเขาก็ยังผ่านด่านมาอย่างง่ายดาย ในตอนที่ทหารเฝ้าประตูเมืองปล่อยให้รถม้าผ่านได้นั้น จู่ๆผูยู่เหอก็เปิดม่านรถม้าออกแล้วกล่าวถามขึ้นมาว่า: "ขอสอบถามหน่อย จวนอ๋องเหอชิ่งเดินไปทางไหน?"

ทหารเฝ้าประตูเมืองคนนั้นได้ยินว่าถามหาจวนอ๋องเหอชิ่ง อดที่จะมองพิจารณาผูยู่เหออีกครั้งไม่ได้ ท่าทีดีขึ้นมาเล็กน้อย: "แม่นางต้องการจะหาผู้ใดในจวนอ๋อง?"

"ข้าหาพระชายารองซ่ง"

ทหารเฝ้าประตูเมืองมองดูนางด้วยความประหลาดใจพร้อมกับกล่าวว่า: "พระชายารองซ่ง? แม่นางจะหาพระชายารองซ่ง เช่นนั้นข้าจะหาคนมานำทางท่านไป!"

ได้ยินคำพูดนี้ของทหารเฝ้าประตูเมือง ผูยู่เหอถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมา ความจริงนางกับน้าสาวไม่ได้พบกันมาสี่ห้าปีแล้ว และไม่เคยเขียนจดหมายไปมาหาสู่กันเลย นางเองก็ไม่รู้ว่าน้าสาวเป็นอย่างไรในจวนอ๋องเหอชิ่ง ได้รับการโปรดปรานหรือไม่ ดังนั้นตลอดทางที่มานางก็วิตกกังวลอยู่ไม่น้อย หากว่าหลังจากที่มาถึงแล้วน้าสาวก็ช่วยนางไม่ได้ เช่นนั้นแล้วนางควรจะทำเช่นไรดี? แต่ว่านางก็มีความทะนงตนเล็กน้อย ไม่ยินดีที่จะเอ่ยเรื่องนี้กับคนอื่น

ตอนนี้เห็นปฏิกิริยาของทหารเฝ้าประตูเมืองคนนี้นางก็รู้แล้วว่า น้าสาวนางยังเป็นที่โปรดปรานอย่างแน่นอน ในจวนอ๋องน่าจะมีฐานะอยู่บ้างแน่นอน มิเช่นนั้นทหารเฝ้าประตูเมืองคนนี้ก็คงไม่ให้คนพาพวกเขาไปจวนอ๋องโดยเฉพาะหรอก

เพราะความตื่นเต้นแบบนี้ นางไม่ได้สังเกตเลยว่าตัวนางเองที่เดิมทีไม่มีสิทธิจะพูดอะไรเลยแม้แต่สักครึ่งคำ ทำตัวเป็นนายท่านที่แท้จริงตั้งแต่เข้าประตูเมืองมาจนถึงตอนนี้แล้ว เฉินซ่าโหลชีและคนอื่นๆต่างก็ก้มหน้าเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

หลังจากที่เห็นจวนอ๋องเหอชิ่งแล้ว ผูยู่เหอทั้งประหลาดใจทั้งดีใจมากยิ่งขึ้น สมัยก่อนตอนที่แม่ของนางยังอยู่มักจะคอยเป็นห่วงน้องสาวคนนี้อยู่บ่อยๆ บอกว่าเหอชิ่งอ๋องอยู่เมืองหลวงดีๆไม่ได้ กลับจะไปสร้างจวนอ๋องถึงจินโจว ไม่รู้ว่าไปล่วงเกินอะไรฮ่องเต้หรือเปล่า ดังนั้นจึงถูกโยนไปไกลถึงจินโจว นี่คือการสูญเสียอำนาจและพ่ายแพ้

ดังนั้นนางจึงคิดมาตลอดว่าจวนอ๋องเหอชิ่งที่ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงคงไม่กว้างขวางและทรุดโทรมมาก แต่ว่าตอนนี้เมื่อเห็นแล้ว ประตูที่องอาจห้าวหาญ สิงโตหินสองตัวถลึงตามองด้วยความโกรธ ไม่ได้ต่างอะไรกับจวนอ๋องในเมืองหลวงมากนัก ดูแล้วยังใช้พื้นที่มากกว่าเล็กน้อย กำแพงสูงตระหง่านขยายยาวออกไป ดูท่าสถานที่แห่งนี้ล้วนถูกจวนอ๋องเหอชิ่งนี้รุกล้ำไปแล้ว

ทหารที่พาพวกเขามาที่นี่คนนั้นวิ่งเข้าไปเรียกที่ประตูก่อน ไม่ช้าก็มีคนมาเปิดประตูให้ ได้ยินว่ามาจากเมืองหลวงเพื่อมาหาพระชายารอง คนคนนั้นก็ไม่กล้าชักช้า รีบไปแจ้งในทันที

"แม่นาง เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวไปก่อน" ทหารที่นำทางมาคนนั้นพยักหน้าและโค้งคำนับต่อผูยู่เหอ ผูยู่เหอเห็นดังนั้นก็ดีใจมาก รีบสั่งให้ซือเอ๋อร์ตบรางวัลให้เขาด้วยแผ่นทองหนึ่งแผ่นทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ