ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 159

ผูยู่เหอกระวนกระวายในใจ อ้าปากก็จะกัดไปที่มือของเขา แต่ว่าเขาปิดปากนางได้แน่นมาก นางอ้าปากออกแต่ไม่สามารถกัดถูกเขาได้ กลับดูเหมือนกัดแทะเบาๆไปที่ฝ่ามือของเขา ซึ่งสำหรับผู้ชายแล้วนี่ถือเป็นการหยอกล้อ

สายตาของเหอชิ่งอ๋องเร่าร้อนขึ้นมาทันที เขากอดนางเอาไว้แน่น มองดูนางแล้วกล่าวว่า: "เจ้าช่างเหมือนกับแม่มากจริงๆ เมื่อก่อนนางก็เคยจุมพิตที่ฝ่ามือของข้าเช่นนี้"

ผูยู่เหอฟังแล้วตัวสั่นเทา เขากำลังพูดอะไร

ดูเหมือนว่าเหอชิ่งอ๋องไม่ได้รีบร้อนที่จะทำอะไรกับนาง ในเวลานี้ สายตาที่มองดูนางของเขาดูเหมือนกำลังมองเห็นคนอื่นผ่านตัวนาง เสียงของเขาเบาลง "ข้าจะปล่อยเจ้าไป เจ้าอย่าตะโกนได้ไหม? ข้าจะคุยกับเจ้า เจ้าดูสิ นี่คือป้ายหยกของข้า นี่ก็คือสัญลักษณ์แสดงฐานะของเหอชิ่งอ๋อง" เขาหยิบป้ายหยกแผ่นนั้นขึ้นมาแล้วแกว่งไปมาตรงหน้าของนาง

ผูยู่เหอพยักหน้าในทันที

เหอชิ่งอ๋องปล่อยนางไป แล้วก็ไปนั่งลงด้านข้าง ความจริงเขาก็ไม่ถือสาเลยหากนางจะตะโกนขึ้นมา เพราะด้านนอกนั่นคนที่ไม่สมควรจะได้ยินล้วนถูกเขาสกัดจุดหมดแล้ว ส่วนคนที่ได้ยินก็ล้วนแต่เป็นคนของเขาทั้งนั้น แล้วนี่ก็เป็นจวนอ๋องของเขา เขายังมีอะไรให้กลัวอีก

แต่ว่า ผูยู่เหอก็เงียบจริงๆไม่ได้ตะโกน ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขามองดูนางอีกครู่หนึ่ง จับมือของนางเอาไว้แล้วให้นางนั่งลงด้านข้าง ความจริงในใจของผูยู่เหอรู้สึกหวาดกลัวมาก แต่ว่านางกลับรู้สึกว่าเขาจะไม่เอาชีวิตของตนเอง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นางไม่ได้ตะโกนจริงๆ และไม่ได้ต่อต้าน นั่งลงไปด้านข้างของเขา

เหอชิ่งอ๋องไม่ได้ปล่อยมือของนาง แต่กลับจับมือของนางเอาไว้ในมือแล้วลูบไล้เบาๆ การกระทำนี้ก็อ่อนโยนอย่างมาก นี่ทำให้ในใจของผูยู่เหอรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย จิตใต้สำนึกของนางเชื่อว่าคนคนนี้ก็คือเหอชิ่งอ๋อง เพราะนางจำได้ว่าเมื่อก่อนเคยเห็นท่านอ๋องคนอื่นๆก็มีป้ายหยกคล้ายกันมาก่อน นั่นคือสัญลักษณ์แสดงฐานะหนึ่งเดียวของราชวงศ์ตงชิง

และที่นี่ก็อยู่ในจวนอ๋อง ยังจะมีคนแอบอ้างตัวเป็นเหอชิ่งอ๋องอีกหรือ

เพราะเชื่อว่าคนคนนี้คือเหอชิ่งอ๋อง ในใจนางจึงรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย หากว่าเป็นท่านอ๋องจริงๆ แล้วอ่อนโยนต่อนางขนาดนี้ เช่นนั้นก็แสดงว่าโอกาสที่นางจะอยู่ที่นี่ต่อได้มีสูงมากแล้วใช่ไหม?

ไม่ว่าอย่างไร ท่านอ๋องชอบนางก็ถือเป็นเรื่องดีกระมัง?

ในตอนนี้เหอชิ่งอ๋องเพียงแค่ลูบไล้มือของนาง ก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น บางทีอาจจะแค่ทำในฐานะผู้อาวุโสเท่านั้นล่ะ?

สมองของผูยู่เหอรู้สึกมึนงงขึ้นมาเล็กน้อย

เหอชิ่งอ๋องเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ "เจ้าชื่อยู่เหอใช่ไหม? เจ้าเหมือนท่านแม่ของเจ้ามากจริงๆ ข้าจะบอกความลับให้เจ้าฟังอย่างหนึ่ง เจ้าอย่าบอกน้าสาวของเจ้าดีไหม?"

ผูยู่เหอพยักหน้าอย่างมึนงง

"ความลับก็คือ ความจริงแล้วสมัยนั้นข้าชอบท่านแม่ของเจ้า ไม่ได้ชอบน้าสาวของเจ้า"

ผูยู่เหออ้าปากออก คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินความลับเช่นนี้จริงๆ! แต่ว่านางไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกประหลาดและน่าอับอายเลย ในใจกลับมีความรู้สึกแปลกๆอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา เช่นนั้นถ้าหากว่าสมัยก่อนคนที่ท่านอ๋องแต่งงานด้วยคือท่านแม่ของนาง เช่นนั้นนางมิกลายเป็นลูกสาวของท่านอ๋องหรอกหรือ?

"น่าเสียดายที่ตอนนั้นท่านแม่เจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา รังเกียจที่ข้าเป็นท่านอ๋องไร้ประโยชน์คนหนึ่ง นางแต่งงานไปกับไอ้คนที่เหม็นกลิ่นเงินไปทั้งตัว ตอนนี้ให้ข้าดมดูหน่อยสิ ว่าเจ้าก็เหม็นกลิ่นเงินไปทั้งตัวไหม" เหอชิ่งอ๋องพูดไป ปากก็เข้าใกล้มาทางนาง แล้วเริ่มดมขึ้นมาตรงคอของนาง

ผูยู่เหอตื่นกลัวขึ้นมากะทันหัน กระโดดลุกขึ้นมาอีกครั้งในทันที: "น้าเขยโปรดสำรวม!"

เมื่อครู่ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่าไม่มีอะไร เหอชิ่งอ๋องคนนี้ไม่ปกติแล้ว

นอกหน้าต่าง โหลชีกลอกตามองบน กล่าวเสียงเบาว่า: "สมองผูยู่เหอผิดปกติหรือเปล่า? ทันทีที่เข้าจวนอ๋อง ทั้งสมองของนางก็มึนงงไปหน่อยแล้ว"

เห็นได้ชัดว่าเหอชิ่งอ๋องคนนี้มีเจตนาที่ไม่ดีต่อนาง นางยังดูราวกับอยากตอบรับแต่แสร้งทำเป็นปฏิเสธ และท่าทางที่เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวตอนนี้นั่นอีก ทำให้ใครดูกัน!

เป็นเพราะนางต้องการจะพูดเสียงเบา ก็เลยเข้าไปใกล้เฉินซ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ ลมหายใจจากการพูดก็พ่นอยู่ข้างหูของเฉินซ่า เขารู้สึกแค่ว่าร่างกายร้อนขึ้นมา อดที่จะคว้าเอวนางมากอดเอาไว้ไม่ได้ โอบนางเข้ามาอยู่บนร่างกายของตนเอาไว้แน่น เขาไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นเช่นไร ก็แค่เมื่อครู่นี้พวกเขาไปหาเหอชิงอ๋อง แต่แล้วก็พบว่าเขาเพิ่งกลับมาถึงจวน ได้ยินพ่อบ้านรายงานว่าวันนี้หลานสาวจากตระกูลพี่สาวของพระชายาซ่งที่เมืองหลวงมาในจวนอ๋อง ก็ให้ผู้ติดตามซ้ายขวาแยกย้ายกันไปเลยพาแค่องครักษ์ลับของเขามาที่นี่ พวกเขาเลยตามมาดูด้วยก็เท่านั้น

คิดไม่ถึงว่าจะได้รู้ว่าเหอชิ่งอ๋องคนนี้จะมีความสนใจในตัวผูยู่เหอเช่นนี้ได้

"สำรวม? ยู่เหอไม่ได้จะมาพึ่งพาข้าหรอกหรือ?" เหอชิ่งอ๋องหัวเราะออกมา หลังจากเข้าประตูมาเป็นครั้งแรกที่ใช้สรรพนามแทนตนเองว่าอ๋อง

"ท่านเป็นน้าเขยของข้า——"

"น้าเขย? อืม ใช่แล้ว ข้าเป็น แต่ว่า ตอนที่เจ้าอายุได้สามขวบ ท่านแม่เจ้าก็มอบร่างกายให้กับข้าแล้ว เจ้าจะลองเรียกข้าว่าท่านพ่อสักคำไหมล่ะ?"

ผูยู่เหอตกใจอย่างมาก ตะโกนขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ: "เป็นไปไม่ได้! ท่านแม่ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น!"

"อืม นางไม่ใช่ นางไม่รู้ว่านั่นคือข้า ข้ามอมเหล้านางจนเมา" เหอชิ่งอ๋องลูบคางแล้วหัวเราะออกมา "ข้าชอบนางมานานหลายปีขนาดนี้ ถึงอย่างไรก็ต้องได้นางมาสักครั้งหนึ่ง แต่ว่า พอได้มาแล้วความรู้สึกมันก็ไม่เท่าไหร่ ข้าคิดว่า อาจจะเป็นเพราะว่าร่างกายที่บริสุทธิ์ของนางมอบให้กับคนอื่นไปแล้ว ถ้าหากข้าได้ร่างกายที่บริสุทธิ์ของนาง ไม่แน่ว่าอาจจะรู้สึกดีขึ้นก็เป็นได้ ดังนั้น ได้ยินว่าเจ้ามา ข้าเลยคิดว่า ถึงเวลาชดเชยความรู้สึกที่ขาดหายไปแล้ว" เขาพูดไปก็ลุกยืนขึ้นมา หันมาทางผูยู่เหอ

"แม่งเอ้ย ไอ้เหอชิ่งอ๋องคนนี้เป็นโรคจิตนี่นา" โหลชีอดพูดออกมาอีกคำไม่ได้

"น้าเขย น้าเขย ท่านจะทำเช่นนี้ไม่ได้ หากว่าน้าสาวข้ารู้เข้า......" ผูยู่เหอเห็นว่าเขาดูไม่เหมือนกำลังล้อเล่นจริงๆ ตื่นตระหนกตกใจขึ้นมาในทันที ถอยหลังออกไปทีละเก้า แต่เพราะนางประหม่ามากเกินไปจนไม่ทันได้สังเกตว่า นางกำลังถอยหลังไปข้างเตียงทีละก้าว

โหลชีคิดไม่ถึงว่าเหอชิ่งอ๋องคนนี้จะทำเรื่องเช่นนี้ในวันแรกที่ผูยู่เหอเพิ่งจะมาถึง ช่างไม่ไว้หน้าพระชายารองซ่งเลยแม้แต่น้อยจริงๆ แต่เท่าที่ดูวันนี้ พระชายาซ่งก็ดูเหมือนกับได้การโปรดปรานมาก คนรับใช้ในจวนต่างก็เคารพต่อนางมาก หรือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องผิวเผินเท่านั้น? ดูท่าจวนอ๋องเหอชิ่งแห่งนี้ก็ยุ่งเหยิงน่าดู

"ข้าชอบคนที่ดูดีเหมือนกับเจ้าเช่นนี้ สาวๆสวยๆ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง งดงามมากจริงๆ......" ขณะที่เหอชิ่งอ๋องพูดไป ก็เดินเข้าไปใกล้นางทีละก้าวต่อไปด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ