ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 171

เยว่และอิงเดินไปอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าที่เย็นชาพร้อมยืนอย่างกังวล "นายท่าน คนที่มาคือผู้อาวุโสสามฟ่านฉางจื่อ"

"ฟังออกแล้ว" เฉินซ่าพูดอย่างเย็นชา "ช่างโอหังจริงๆ"

"นายท่าน ข้าน้อยกับเยว่จะออกไป----" อิงพูด พลางเอามือข้างหนึ่งจับด้ามกระบี่ ถึงพวกเขาจะรู้ ว่าแม้ว่าเขาจะรวมตัวกับเยว่และเสวี่ย ทั้งสามก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟ่านฉางจื่อ แต่หากปล่อยให้เฉินซ่าออกไปจริงๆ คำดูถูกเหยียดหยามนี้เผยแพร่ออกไป ตำหนักจิ่วเซียวและเฉินซ่าจะยังคงมีชื่อเสียงอยู่? เกรงว่าทุกคนในโลกจะรอดูความขายหน้าของเฉินซ่า

หากพวกเขาทำไม่ได้ จะพาผู้พิทักษ์ทั้งหมดของตำหนักจิ่วเซียวไปด้วย และสู้ตายก็จะต้องหยุดฝีเท้าของฟ่านฉางจื่อ!

"ไม่ต้อง ข้าจะไปดู ว่าเขาจะมีฝีมือเข้ามาได้หรือไม่!"

ขณะที่เฉินซ่ากล่าวก็ได้ยืนขึ้น แต่มือของเขาถูกมือที่อ่อนโยนจับไว้ เมื่อมองลงไป ก็เห็นใบหน้าที่สวยงามของโหลชี พร้อมรอยยิ้มเย็น ๆ ที่มุมริมฝีปาก

"ไม่ถึงกับท่านจะต้องไป ในฐานะที่เป็นสาวใช้อันดับหนึ่งของท่าน เรื่องนี้มอบให้ข้าก็พอแล้ว"

เยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ดวงตาของอิงกลับเบิกกว้าง "โหลชี ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงชอบอวดดีล่ะ? อาศัยแค่วรยุทธ์อันน้อยนิดของเจ้า ฟ่านฉางจื่อต้องการจะฆ่าเจ้าก็เหมือนฆ่ามดอย่างไรอย่างนั้น!"

เขารู้ความหมายของเฉินซ่า พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟ่านฉางจื่อ เฉินซ่าไม่ต้องการให้พวกเขาเสียสละไปอย่างไร้ประโยชน์ แต่โหลชียิ่งไม่ได้ การที่โหลชีออกไปไม่กลัวหรือว่าจะไม่มีแม้กระทั่งชีวิต! น่าหลานตันเอ๋อร์กลับไปจะพูดถึงนางอย่างแน่นอน และการมาครั้งนี้ของฟ่านฉางจื่อบางทีเพื่อพุ่งตรงมาที่นาง นางไม่บอกจะซ่อน แต่ยังต้องการจะออกไปชนด้วยตัวเอง นั้นไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรือ?

แต่ทันทีที่พูดจบ เยว่ก็ตบไหล่เขา "หากโหลชีไปแล้วทำไม่ได้ พวกเรายิ่งทำไม่ได้"

อิงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ยังคงไม่เข้าใจว่าคำพูดนั้นเขาหมายถึงอะไร โหลชีได้ยืนขึ้นแล้ว และคว้าน่องไก่ขนาดใหญ่ไว้ในมือ ทำให้ดวงตาของเขาเกือบจะร่วงหล่นลงมา

"โหลชี เจ้า ----"

"เดินไปกินไปไง ข้ายังไม่อิ่มนะ" โหลชีโบกมืออย่างเฉยเมย และหันไปหาเฉินซ่าและกล่าวว่า "นายท่าน ท่านสนใจแค่ทานข้าวพอ"

เฉินซ่าจ้องมองนางครู่หนึ่ง พูดว่า "ได้"

ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับความระมัดระวัง เขารู้ว่า หากยังไม่แน่ใจ นาคงจะไม่ทำท่าทางที่นิ่งขนาดนี้ เขาแค่ต้องเชื่อใจนางก็พอ

หลังจากเดินออกจากตำหนักสาม และเดินไปที่ประตูของตำหนักสอง ความจริงโหลชีก็รู้สึกหดหู่ใจ เดิมทีคิดว่าคืนนี้จะได้พักผ่อนให้สบายๆ แต่ใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว ทำไมชีวิตนางถึงแย่แบบนี้?

เยว่กับอิงอยู่ข้างหลังนางทั้งซ้ายและขวาเพียงครึ่งก้าว นางไม่ยอมให้เอ้อร์หลิงตามมา เอ้อร์หลิงไม่มีวรยุทธ์ใดๆ และสักพักฟ่านฉางจื่อเกิดเป็นบ้าขึ้นอีก นางอาจจะได้รับบาดเจ็บเป็นได้

อิงไม่รู้ว่าไขหินพันปีนั้นส่วนใหญ่ถูกโหลชีกลืนไปแล้ว เขาคิดว่าเป็นเฉินซ่าที่ได้รับมัน เรื่องนี้เฉินซ่าไม่ได้พูดออกไป แต่เยว่ที่ติดตามเขาไปสามารถอนุมานได้ว่า ในขณะนั้นโหลชีกำลังย่อยพลังของไขหินพันปี แม้ว่ากำลังภายในของเฉินซ่าก็เพิ่มมากขึ้น แต่ก็น้อยกว่าโหลชีมาก

ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งพลังภายในของโหลชีนั้นลึกล้ำเพียงใด หากเพียงแค่วรยุทธ์การต่อสู้อย่างเดียวเขาไม่แน่ใจว่าตัวเองกับอิงคงจะเอาชนะนางได้จริงๆ หรือไม่ อีกอย่าง โหลชีมีความสามารถอื่น ที่พวกเขาเองไม่สามารถทำได้ รวมกับสิ่งพวกนั้น พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางอย่างแน่นอน

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่คิดว่าโหลชีจะสู้กับฟ่านฉางจื่อได้ การที่เขาเวิ่นเทียนมีวันนี้เวลานี้ที่จุดจุดนี้ เพราะไม่ใช่แค่ในนามเท่านั้น วรยุทธ์ของฟ่านฉางจื่ออยู่ในหมู่ผู้อาวุโสไม่ถือว่าดีที่สุด แต่ก็เพียงพอที่จะบดขยี้พวกเขา และเพียงแค่ว่านายท่านของพวกเขาไม่สามารถมาต้อนรับได้ด้วยตัวเอง

"โหลชี ถ้าเกิดอะไรขึ้นในภายหลัง เจ้าดูแลตัวเองด้วย"

ทันทีที่โหลชีได้ยินคำพูดขององครักษ์เยว่ก็รู้แล้วว่าเขาเตรียมจะทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุด และนางก็เหลือบมองเขาด้วยความประหลาดใจ

เยว่ยิ้มอย่างขมขื่น "ถึงแม้จะเสียสละพวกเราสองสามคน ก็ต้องปกป้องศักดิ์ศรีของนายท่านเอาไว้"

"ใช่ ถูกต้อง แต่โหลชีทำไมเจ้าตามมารนหาที่ตายล่ะ?" อิงเอื้อมมือไปคว้าแขนของนาง แต่ไหล่ของโหลชีแกว่งเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงมือของเขา อิงพูดอย่างขมขื่น "เจ้ากลับไป!"

"ข้าว่าพวกเจ้าก็แปลกจริงๆ ยังต้องการจะรีบไปหาที่ตายอีก? ข้าไม่เคยคิดอยากจะตายเลย ข้าบอกความจริงกับพวกเจ้านะ หากชีวิตตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ข้าจะวิ่งให้เร็วกว่าพวกเจ้าเสียอีก จะวิ่งมาเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสนุกได้อย่างไร" โหลชีมองพวกเขาเหมือนคนโง่ ทำให้เยว่กับอิงพูดไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง

เยว่มีการตอบสนองขึ้นมาก่อน "เจ้ามีวิธีจริงๆ หรือ?"

ทำไมเขากลับคิดอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่มีวิธี ที่ฟ่านฉางจื่อกลับมาในครั้งนี้เพื่อมาระบายความโกรธแทนน่าหลานตันเอ๋อร์ เขาไม่อาจจะฆ่านายท่านของพวกเขาได้ เพราะเขาเวิ่นเทียนชมตังเองว่าสะอาดสูงส่งโดยตลอด แม้ว่าต้องการจะฆ่าคน พวกเขาทั้งหมดต้องมีเหตุผลมากมายที่ฟังดูดี เพื่อทำให้คนทั้งโลกรู้สึกว่า การที่พวกเขาฆ่านั้นถูกต้องแล้ว และคนคนนั้นสมควรถูกฆ่าจริงๆ ฆ่าแล้วแทบจะเป็นผลดีต่อทุกคนทั่วหล้า

แต่ฆ่าเฉินซ่า ไม่มีเหตุผลอะไรดีๆ เลย

ดังนั้นฟ่านฉางจื่ออยากจะดูถูกเฉินซ่า แต่จะฆ่าพวกเขากี่คนนี้ เขาก็สามารถลงมือฆ่าได้อย่างแน่นอน เยว่กลัวว่าถ้าพวกเขาเสียสละ ฟ่านฉางจื่อยังคงดูถูกนายท่านของพวกเขา

โหลชีเพียงแค่ยักไหล่ และกัดน่องไก่คำโตๆ ปากเต็มไปด้วยน้ำมัน

"เจ้าเป็นผู้หญิงจะหยุดมูมมามเช่นนี้ได้หรือไม่?" อิงโมโหแล้ว "ดูสิเจ้ากินได้กลายเป็นอะไรไปแล้ว ข้าไม่เคยเห็นผู้หญิงที่กระด้างเหมือนเจ้าเช่นนี้เลย! รีบเช็ดน้ำมันที่ปากออกเร็ว!"

โหลชีกัดเนื้อแล้วหัวเราะเฮอๆ แล้วยื่นมือไปทางเยว่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ