ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 178

คืนนี้โหลชีขังตัวเองไว้ในตำหนักข้าง ไม่ว่าเฉินซ่าจะเรียกยังไง นางตอบสกัดเขาไว้แค่คำเดียวว่าจะพักผ่อน

หมอเทวดาจะเอ่ยปากพูดหลายครั้งตอนเจอเฉินซ่า แต่สุดท้ายก็ปิดปากเงียบ

ยามฟ้าใกล้สว่างนางพา มู่หลานไปเขตคุก และยังทำบางสิ่งกับใบหน้านาง ฮั่วหยูฉุนอยากให้นางสอนเรื่องค่ายกลให้ โหลชีกลับเหมือนขี้เกียจพูดมาก ให้เขาเลือกห้องขังคุมขังมู่หลาน และยังวางค่ายกลไว้รอบห้องขังด้วยตัวเอง

ผ่านไปอีกคืนหนึ่งแล้ว ฟ่านฉางจื่อไม่ยอมรออีก เขาเร่งให้ออกเดินทาง

เฉินซ่าสีหน้าทะมึน รังสีเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาทำให้คนหวาดกลัว ขนาดเยว่กับอิงยังไม่กล้าเข้าใกล้เขามากนัก ท่าทางของเขาราวกับพร้อมฆ่าคนทุกเมื่อ

ส่วนโหลชีกลับยิ้มน้อยๆ ถึงจะมองออกว่าสีหน้านางยังคงซีดเผือด หากนัยน์ตาฉ่ำน้ำแวววับคู่นั้นทำให้คนไม่สังเกตสีหน้านาง

ที่ทำให้คนแปลกใจคือนางกลับแต่งกายเป็นชาย อีกทั้งยังเป็นชุดทะมัดทะแมง ผมยาวมัดไว้สูง พันด้วยผ้าผูกผมสีหยก กางเกงสีหยก รองเท้ายาวสีขาว สายรัดเอวใหม่ที่ยาวกว่าคนปกติ มีพิชิตวันเสียบไว้ที่สายรัดเอวนั่น ด้านหลังแบกกระเป๋าสีแดงเข้มที่ทำให้พวกเขารู้สึกแปลกประหลาดนักไว้

ได้ยินว่าเอ้อร์หลิงรีบเร่งทำตามที่นางขอออกมาภายในหนึ่งวันหนึ่งคืน ใครก็ไม่รู้ว่าด้านในใส่อะไรไว้

นางยืนข้างท่าเสวี่ย ใบหน้างามดุจหยก ดูเยือกเย็น ถึงจะแต่งกายประหลาด แต่กลับมิได้ลดรังสีประกายรอบร่างนางลงไปได้เลย ขนาดองครักษ์เสวี่ยยังอดกัดฟันกรอดริษยาในประกายรังสีที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างนางไม่ได้

"โหลชี รักษาตัวด้วย" เยว่มองโหลชี นางเพียงยิ้มน้อยๆ

ในใจเยว่รู้สึกแปลกพิกล เขามักรู้สึกว่าโหลชีในตอนนี้เทียบกับเมื่อสองวันก่อน ดูเย็นชามากขึ้น ห่างเหินมากขึ้น

เขามิใช่ไม่รู้สึกผิด แต่เพื่อฝ่าบาท เขาไม่เสียใจ

อิงไม่ได้เป็นคนละเอียดอ่อนเท่าเขา เลยไม่สังเกต ในสายตาเยว่ ต่อให้เป็นฝ่าบาทก็ไม่แน่จะสังเกตความเปลี่ยนแปลงนี้ของโหลชี

เขาถอยไปอีกด้าน หลุบตาลงไม่พูดอะไรอีก

"โหลชี เจ้าโชคดีมาแต่ไหนแต่ไร บางทีพอถึงที่นั่นเจ้าอาจจะเจอเถาทองม่วงเลยก็ได้! พอได้แล้วก็รีบกลับมานะ!" อิงบอกพลางกวาดตามองนางอีกครา กระแนะกระแหนว่า "เพียงแต่เจ้าแต่งตัวประหลาดแท้ ไม่เหมาะสม!"

"ไม่รู้สึกว่าหล่อเหลาหรือไง?" โหลชีบอก หันมองเอ้อร์หลิง "เอ้อร์หลิง ดูแลตัวเองดีๆนะ"

"เอาล่ะเอาล่ะ ข้าจะดูนางเอง ไม่ให้ใครรังแกนางได้!" อิงพูด "รอเจ้ากลับมา รับรองนางจะได้รับการดูแลจนตัวอ้วนท้วมสมบูรณ์ขาวผ่อง!"

ใบหน้าเอ้อร์หลิงแดงเรื่อฉับพลัน

โหลชีหัวเราะร่วนออกมา

เฉินซ่าบอก "เทียนยีตี้เอ้อร์ติดตามเจ้าไป"

"จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?" โหลชีเห็นเยว่ทำท่าจะคัดค้าน นางรีบออกปากก่อน "ข้าไม่ต้องใช้คน"

เวลานี้เองฟ่านฉางจื่อกลับพูดออกมา "เจ้าพาคนไปได้!"

โหลชีมองเขาคลับคล้ายจะยิ้มก็มิใช่ไม่ยิ้มก็มิเชิง ชะงักเล็กน้อยก่อนบอก "ดีสิ ข้าพาไป แต่ข้าจะพาไปสองคน และสองคนนี้ต้องเป็นคนของข้าเอง"

"หมายความว่าอย่างไร?"

โหลชีมือหนึ่งชี้ไปที่ท่าเสวี่ยพลางว่า "หมายความว่า ถ้าจะติดตามข้า นับจากนี้ต้องฟังคำสั่งข้าเท่านั้น เป็นองครักษ์ของข้าคนเดียว ไม่เกี่ยวข้องกับตำหนักจิ่วเซียวอีก ไม่เกี่ยวข้องกับพั่วอวี้อีก ใครยอมตามนี้ก็ติดตามข้าได้"

องครักษ์เสวี่ยหลุดหัวเราะพรืด "เจ้านี่ฝันกลางวันจริงๆ เจ้าก็แค่นางกำนัลคนหนึ่งเท่านั้น ใครจะยอมละทิ้งตำหนักจิ่วเซียวไปเป็นองครักษ์ของเจ้ากัน?"

"ฝ่าบาท!"

นางพึ่งพูดจบ กลับมีสองคนเดินก้าวยาวออกมา และมาคุกเข่าขาลงข้างหนึ่งหน้าเฉินซ่าพร้อมกัน กำหมัดคารวะ "ข้ายินดีติดตามแม่นางโหล ขอฝ่าบาทได้โปรดอนุญาตด้วย!"

"ข้ายินดีติดตามแม่นางโหล ขอฝ่าบาทได้โปรดอนุญาตด้วย!"

โหลชีอึ้ง มองสองคนนี้พลางเม้มปากแน่น ติดตามนางคืออะไรนางเชื่อว่าไม่มีใครไม่เข้าใจ เป็นทหารองครักษ์ของฝ่าบาทพั่วอวี้ ดูยิ่งใหญ่ มีอนาคต ต่อไปติดตามเขา สู้รบไปทั่วเหนือและใต้ ไม่แน่พวกเขาอาจมีโอกาสได้เป็นแม่ทัพ! ต่อให้ไม่ได้เป็นแม่ทัพ จากความดีความชอบของพวกเขา วันหนึ่งเฉินซ่าสร้างประเทศกลายเป็นฮ่องเต้ อย่างน้อยพวกเขาก็ได้เป็นหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์ อนาคตไกลแน่นอน

แต่ติดตามนางไม่มีอะไรเลย นางเองยังเป็นแค่นางกำนัลของฝ่าบาท ติดตามนางเรื่องอื่นพักไว้ก่อน ฐานะนี้พูดออกไปก็ไม่น่าฟังแล้ว และยังอนาคตไม่แน่นอน

การไปหุบเทพมารครั้งนี้ของนางนับว่าอันตรายรอบด้าน เลินเล่อเล็กน้อยก็อาจจะตายได้เลย

แบบนี้พวกเขายังอยากจะติดตามนาง?

สองคนนี้คือเฉิงสิบกับโหลวซิ่น

"ข้าอนุญาต"

"ขอบพระทัยฝ่าบาท!" เฉิงสิบกับโหลวซิ่นดีใจนัก

โหลชีหรี่ตางมอง "พวกเจ้าคิดให้ดีนะ ตอนนี้ตัดสินใจ ต่อไปจะมาเปลี่ยนใจไม่ได้ ไม่งั้นข้าจะคิดว่าพวกเจ้าทรยศ คนที่ทรยศข้า---" นางชะงัก พูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า "ฆ่าไม่เว้น"

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นรับคำพร้อมกัน "ข้าน้อยขอติดตามแม่นางโหล มิมีทางเปลี่ยนใจ!"

โหลชีหัวเราะออกมา "ดี! นับแต่นี้พวกเจ้าติดตามข้าละกัน!"

"ขอรับ!"

องครักษ์เสวี่ยทนไม่ไหวเบ้ปากออกมา "บ้าไปแล้วจริงๆ ต่อไปพวกเจ้าต้องน้ำตาตกแน่!"

ไม่มีใครสนใจนาง

"ม้าก่อนหน้านี้ของเฉิงสิบกับโหลวซิ่นยกให้พวกเขา อีกอย่างให้ทองพวกเขาคนละพันตำลึง" ตอนเฉินซ่าพูดเอาแต่มองโหลชี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ