ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 18

นางฝันเห็นนักพรตเลวสวมชุดคลุมยาวฮ่องเต้สีทอง หัวใส่มงกุฎทอง โกนหนวดเคราเกลี้ยง ดูน่าเกรงขามมาก ราศีไม่ธรรมดา แต่ไม่ได้นั่งบนบัลลังก์ กลับยืนอยู่บนยอดเขา ลมพัดชุดพลิ้วกระจาย เขาหันมาพูดกับนาง

แต่ไม่ว่านางพยายามจะฟังยังไง ก็ฟังไม่ออกว่าเขาพูดอะไร มันน่าโมโหจนนางกระโดด เรียกนักพรตเลว นักพรตเลว เป็นใบ้หรือไง?

นักพรตเลวปกติใส่เสื้อคลุมนักพรตสีเทาตุ่น หนวดเคราดกดำ เคยมีสภาพน่าเกรงขามแบบนี้ที่ไหนกัน

หรือว่านางคิดถึงนักพรตเลว เลยฝันเห็นเขา?

แต่ว่านักพรตเลวมีอะไรน่าคิดถึงกัน ทั้งวันรู้จักแต่ให้ภารกิจนางหลากหลายรูปแบบ น่ารำคาญจะตาย

"คิดอะไร? ยังไม่ลงมาอีก! เจ้าคิดจะให้นายท่านแบกเจ้าเข้าเมืองหรือไร?" เสียงตะคอกอิงแผดขึ้นข้างหู โหลชีหันไปตบโดยอัตโนมัติ น่าตายนัก นางเกลียดที่สุดเลยคือตอนยังงัวเงียอยู่มีคนมาตะโกนข้างหูเนี่ย!

และในตอนที่นางกำลังสะบัดมือออกไป เฉินซ่าก็วางนางลง ดังนั้นคนที่เคลื่อนตัวเข้ามาจึงไม่ได้เห็นว่าเมื่อครู่เฉินซ่าแบกนางอยู่

แต่มือที่สะบัดออกไปของนางไปทางอิงอย่างถนัดถนี่ คนที่พึ่งมาเห็นเข้าพอดี

"พรืด" ดังขึ้น มีคนยิ้มล้อเลียนว่า "ฮะฮะ อิง ออกไปครั้งเดียวได้เมียกลับมาด้วยรึ?"

น้ำเสียงนี้ใสกระจ่าง ทำให้โหลชีตื่นตัวขึ้นทันที นางหันไปตามเสียง พอมอง แทบจะอ้าปากค้างเลยทีเดียว สิ่งแรกที่นางเห็นคือม้าเหงื่อโลหิตสีแดงสวยถึงแปดตัว! บนหัวมีเครื่องประดับสีทองวิบวับ เทียมรถม้าสีทองแดงดูหรูหราไร้ใครเทียมมาคันหนึ่ง ขนาดของรถม้าใหญ่มาก บนยอดหลังคารถม้าประดับไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่หนึ่งเม็ด หน้าต่างรถม้าแขวนมู่ลี่สีดำปักมังกรแดงเข้มเอาไว้ หรูหรามากเลยนะ

หลังจากมองดูทั้งหมด นางถึงเห็นผู้ชายคนที่นั่งในตำแหน่งคนขับรถม้า นั่นเป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลามาก ใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวเนียนใส คิ้วตาดั่งรูปภาพ ใส่ชุดสีขาวดิ้นเงิน ขนาดมือที่ถือบังเหียนรถม้ายังขาวน่าดูมาก นี่เป็นชายรูปงามที่คนละแบบกับเฉินซ่าและอิง ถ้าเฉินซ่าคือฝ่าบาทผู้ยิ่งยง องครักษ์อิงคือหนุ่มรูปงามสดใสดุจแสงตะวัน งั้นผู้ชายคนนี้คือชายนุ่มนวลอ่อนโยนดุจพระจันทร์แล้วล่ะ

เฉิงสิบถูแขนไปมาอย่างทนไม่ไหว เขาพลันรู้สึกว่าอากาศรอบข้างลดลงอย่างรวดเร็ว จนเริ่มหนาว พอสังเกตดีๆ ไอเย็นนี้มาจากตัวนายท่านเขาเอง อืม งั้นสาเหตุ....

"แค่กแค่ก แม่นางโหล!" อย่ามององครักษ์เยว่อย่างลุ่มหลงเยี่ยงนั้นสิ!

โหลชีได้สติจากอาหารตากลับมา และหันไปมองฝ่าบาทคนนั้นในบัดดล และโพล่งออกไปทันที "เฉินซ่า ท่านหล่อเหลาที่สุดเจ้าค่ะ!"

"พรืด!"

องครักษ์เยว่กลั้นไม่อยู่หัวเราะออกมา แต่ก็สำลักน้ำลายตนเอง "แค่กแค่กแค่ก! นี่ อิง เมียของเจ้านี่บังอาจมากนะ กล้าเรียกชื่อนายท่านตรงๆ เลย!" อีกอย่าง ประจบประแจงพอตัวเลยทีเดียว! ใจกล้าบังอาจมาจากไหนกัน? แต่งกายเยี่ยงใดกัน? เหตุใดอยู่ใกล้นายท่านเพียงนั้น?

"เมียของข้าที่ไหนกัน! เยว่ เจ้าอย่าพูดจาซี้ซั้ว! นี่เป็นสาวใช้ที่นายท่านรับมาใหม่ ชื่อว่าโหลชี!" อิงที่รับมือที่สาดตบมาของโหลชีเมื่อครู่ได้ทัน ถลึงตาใส่นาง และสะบัดมือออก "นี่คือใต้เท้าองครักษ์เยว่ ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อนเลย อย่าหลงใหลกับเยว่!"

"เจ้าสิหลงใหล ของข้าเรียกชื่นชม ชื่นชมรู้จักหรือไม่?" โหลชีมองบน เห็นเฉินซ่าเดินไปขึ้นรถม้า รีบสาวเท้าตามไป ในตอนที่นางกำลังจะขึ้นรถม้า องครักษ์อิงกลับดึงคอเสื้อนางจากด้านหลังพลางว่า "พวกเราเข้าเขตชั้นในของพั่วอวี้แล้ว เจ้าจำฐานะสาวใช้ของเจ้าไว้ให้ดี รถคันนี้เป็นรถม้าสำหรับนายท่านเท่านั้น เจ้าขึ้นได้รึ?"

เชอะ สิทธิมนุษยชนมีไหมเนี่ย นางขึ้นรถม้าไม่ได้ หรือจะให้เดินไป? พั่วอวี้อะไรเนี่ยเละจริงๆ นางมองไปรอบๆ เห็นแต่พื้นที่รกร้าง ไกลออกไปมีภูเขาสูงลิ่ว มีเมืองตรงไหนกัน? นี่จะให้นางเดินไปไหนหา?

ระหว่างที่นางกำลังบ่นพึมพำ อิงกับเฉิงสิบพากันเป่าปากเป็นเสียงหวีดยาว จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงท้าวิ่งเร็วรัว จากนั้นก็ปรากฏร่างม้าสี่ตัวกำลังวิ่งมาทางนี้

แม่เจ้า ม้าเหงื่อโลหิตอีกแล้วหรอเนี่ย! ไหนบอกม้าเหงื่อโลหิตหายากไง? ทำไมที่นี่มีเยอะแบบนี้? สิ้นเปลืองไปไหมเนี่ย!

ม้าสี่ตัวนั้นวิ่งเข้ามา พวกเฉิงสิบเดินแยกกันไปหาม้ากันคนละตัว ลูบมัน และกระโดดขึ้นม้าอย่างเชี่ยวชาญ ก่อนชักม้าไปยืนหลังรถม้า

"ข้าพาเจ้าไป!" อิงลากโหลชีไปทางม้าตัวสูงใหญ่อีกตัว เขารู้สึกว่านางมิน่าจะขี่ม้าเป็น ถึงเขาจะต้องพาสตรีไปด้วย อีกทั้งการพาสตรีที่แต่งกายแปลกประหลาดเยี่ยงนี้เข้าเมืองจะทำให้สตรีหลายนางหัวใจสลาย หากเพื่อนายท่าน เขาจำต้องอดทน

เฉินซ่าที่ก้าวขาขึ้นรถม้าหรูหราแล้วชะงัก เขามิได้หันกลับมา หากมีเสียงเคร่งขรึมลอยมาว่า "ให้นางขี่เอง"

อิงอึ้ง จากนั้นหันไปพูดกับโหลชีอย่างสะใจว่า "ช่วยเจ้ามิได้ละนะ"

คำพูดของนายท่านคือราชโองการ

จากนั้นเขาไม่แยแสโหลชีอีก หมุนตัวขึ้นหลังม้า ชักม้าไปยืนหน้ารถม้า ท่าทางของอิงที่นั่งบนม้าเหงื่อโลหิตดูสง่ามาก เชื่อได้เลยว่าต้องทำสตรีมากมายลุ่มหลงแน่ แต่โหลชีกลับมองบน เดินทางในป่าหลายวันมานี้ นางรู้สึกว่าดวงนางต้องชงกับอิงแน่ ขออภัยที่นางไม่อยากชื่นชมความสง่าของเขา

ใต้เท้าองครักษ์เยว่เหล่นางพลางอมยิ้ม มิได้พูดอะไร เพียงขยับแส้แผ่วเบา ตัวแส้นั้นมิได้โดนม้า หากม้าทั้งแปดตัวกลับย่างก้าวไปทางด้านหลังอิง มุ่งตรงไปยังภูเขาสูงลิ่ว รถม้าเคลื่อนตัวผ่านหน้านางไป เฉินซ่านั่งตัวตรงอยู่บนรถม้า และไม่ได้เหล่นางจากทางมู่ลี่รถม้าแม้สักนิด

เฉิงสิบตามหลัง หันมามองนางอย่างกังวลหนึ่งครั้ง หากมิได้หยุดชะงักลง

ครั้งนี้นางได้สัมผัสกับความไบโพลาร์ของเฉินซ่าเข้าอีกครั้ง

เดิมทีอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็ทำท่าราวกับว่าใครติดเงินเขาเจ็ดแปดล้านซะงั้น พริบตาเดียวเปลี่ยนสีหน้าไม่รู้จักทันควัน เดิมทียังยอมแบกนาง ตอนนี้ขนาดให้นางขึ้นรถม้าคันเดียวกันยังไม่ยอม

เชอะเชอะ ผู้ชายคนนี้นะ ทำให้คนอยากส่งสาส์นท้ารบดูสักยกจริงๆ

มองดูคนกับรถม้าห่างไปไกลแล้ว คล้ายกับจะทิ้งนางไว้คนเดียวซะอย่างนั้น โหลชีเบ้ปาก อยู่ร่วมกันหลายวันมานี้ นางเริ่มเข้าใจคนอย่างเฉินซ่าแล้วล่ะ ถ้าตอนนี้นางวิ่งหนีไปดื้อๆ ดูท่านางต้องโดนโทษหนักแน่

แถมที่นี่มองซ้ายมองขวาไม่มีใครเลย นางจะไปไหนล่ะ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ