ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 188

กองทหารสามร้อยนายขี่ม้าไม่หยุดพัก ควบม้าทะยานไม่ถึงสองวันก็มาถึงเขาพยัคฆ์

ในตอนที่มองเห็นท้องฟ้ากว้างรวมถึงกำแพงเมืองร้อยเมตรนั่น พวกเฉินซ่าตกตะลึง

"โอ้สวรรค์!" อิงอดไม่ไหวเลียนแบบคำพูดโหลชี "โลกนี้มันช่างมหัศจรรย์ยิ่ง"

พวกเขาไม่คิดเลยจริงๆว่าจะมีคนมาสร้างเมืองในทุ่งป่าเถื่อนของพั่วอวี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พลังของคนคนเดียวไม่อาจทำได้ ถ้ามีคนมาก การเคลื่อนไหวต้องมาก พวกเขาไม่มีทางไม่ได้ข่าว

เขาพยัคฆ์นี้เป็นถิ่นไอ้ตาเดียว เฉิงสิบกับโหลวซิ่นรู้ เฉินซ่ากับเยว่และอิงจะไม่รู้ได้อย่างไร

"พูดแบบนี้ ในมือไอ้ตาเดียวต้องมีสมบัติขนาดประเทศเล็กเลยจริงไหม?" เยว่จับจุดได้ในทันที ดวงตาเขาเป็นประกายขึ้นมา หันไปมองเฉินซ่าฉับพลัน "นายท่าน ของขวัญชิ้นใหญ่ที่โหลชีพูด!"

ไม่ต้องให้เขาพูด เฉินซ่าคิดก่อนได้แล้ว ของขวัญชิ้นใหญ่ที่โหลชีพูด เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่โหลชีพูด! โอ้สวรรค์ เป็นของขวัญชิ้นใหญ่จริงๆ!!!

พวกเขาละเลยไอ้ตาเดียวไปจริงๆ รู้สึกว่าเขาโดนรางวัลนำจับไล่ล่าจากทุกทิศ ข้างกายไม่น่าจะมีสมบัติมากมายขนาดนี้ และควรจะหลบซ่อนหลบการตามล่าถึงจะถูก ไม่คิดว่าเขาจะใจกล้าเช่นนี้ ไม่มีการซ่อนตัวเลยสักนิด ยังกระทำการใหญ่ สร้างเมือง!

สร้างเมืองแล้ว สมบัติจะมีน้อยหรือ?

พวกเขาเองก็เห็นเรือนไม้นับร้อยเรือนนั่น

"นายท่าน ข้าน้อยจะไปดูลาดเลาก่อน!"

"มิเป็นไร ไปด้วยกัน" เฉินซ่าหนีบขาคู่ ควบม้าตรงไป เขาพูดขึ้น "ชีชีดูให้แล้ว"

คำพูดนี้หมายความว่า โหลชีดูให้แล้ว นี่เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่โหลชีจะให้ แล้วจะยังกลัวกับดักอะไรอันตรายอะไรอีก? ไม่มีแล้ว ไม่มีหรอก

พออิงคิดตามก็เห็นตามนั้น รู้สึกยินดีปรีดายิ่ง หัวเราะร่าออกมา "โหลชีนี่เยี่ยมเลย เยี่ยมจริงๆ!"

กองทหารม้าสองร้อยพากันล้อมที่นี่ไว้ พวกเฉินซ่ามุ่งหน้าไปทางเรือนไม้นับร้อยเรือนนั่น ยังไม่ทันเข้าใกล้ ในเรือนก็มีคนทยอยออกมากัน ดูแล้วเหมือนชาวบ้านธรรมดา ยังมีสตรีมีครรภ์ท้องใหญ่ด้วย คนแก่จูงมือเด็ก แต่ละคนมองมาทางพวกเขาด้วยสายตาหวาดกลัว จากนั้นพร้อมใจกันคุกเข่าเรียกฝ่าบาท หากท่าทีเชื่องช้าไร้เรี่ยวแรง คำพูดที่ออกมาดูอ่อนแรงอิดโรย

"ฝ่าบาทมาแล้ว ฝ่าบาทมาแล้ว พวกเรารอดแล้ว"

เฉินซ่ารั้งบังเหียนไว้ มองไปยังผู้คนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นพลางถามว่า "พวกเจ้าเป็นใครกัน ต้องการสิ่งใด?"

ในหมู่คนพวกนั้นมีชายหนุ่มวัยฉกรรจ์อยู่บ้าง ในจำนวนนั้นมีสองคนใจกล้าหน่อย คนหนึ่งเงยหน้าขึ้นบอก "ฝ่าบาท พวกข้าต่างโดนยาสลายกำลัง เดิมไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะคลานขึ้นมา น่ากลัวว่าคนมากมายขนาดนี้คงได้แต่อดตายอยู่ที่นี่ ใครจะรู้ว่าหกวันก่อนมีนกพิราบสื่อสารบินมาข้างกายข้า บนเท้ามีกระบอกไม้ไผ่เล็กแนบมา ในนั้นมีจดหมาย ในจดหมายบอกว่า คนที่วางยาพิษพวกข้าคือผู้อาวุโสสามแห่งเขาเวิ่นเทียน ผู้มีพระคุณถูกเขาควบคุมจนไม่อาจถอนพิษให้พวกข้าได้ทันเวลา แต่ก่อนนางจะจากไป ได้ทิ้งถุงน้ำไว้ไม่ไกลนัก ในนั้นมียาถอนพิษยาสลายกำลัง ใช้น้ำมาทำให้เบาบางลงจนสามารถชะลอพิษให้คนทั้งหมดได้ และยังมีเข็มแนบมาด้วย ใช้เข็มนี้ฝังลงตามจุดในจดหมาย ข้าเลยได้ฟื้นฟูกำลังขึ้นเล็กน้อย ไปตามหาถุงน้ำนั่นได้"

ผู้ชายอีกคนพูดต่อว่า "ผู้มีพระคุณยังบอกอีกว่า ขอเพียงรออีกไม่กี่วัน ฝ่าบาทแห่งตำหนักจิ่วเซียวของเมืองพั่วอวี้ต้องมาช่วยพวกเราแน่"

เฉินได้ยินชายหนุ่มนั่นพูดเรื่องนี้อย่างละเอียด เวลาพูดจามีหลักการรอบคอบเล็กน้อย จึงถามขึ้น "เจ้าเป็นคนที่ไหนกัน?"

"ข้าน้อยหูขว้างจือ เป็นชาวตงชิง ที่บ้านทำค้าขาย แต่ไม่คิดว่าจะเจอภัยพิบัติเข้าโดยการเจอไอ้ตาเดียวเข้า ท่านพ่อท่านแม่โดนฆ่าตาย ข้าน้อยกับเมียและผู้นี้ พ่อบ้านหูถูของบ้านเดิมของข้าน้อย" หูขว้างจือชี้ไปที่ผู้ชายที่คุกเข่าอยู่ข้างตน จากนั้นพูดต่อว่า "พวกเราถูกจับมา สร้างเมืองให้ไอ้ตาเดียว

เฉินซ่าโบกมือ "ฮั่วหยูฉุน ที่นี่ยกให้เจ้าละ หากแน่ใจว่าไม่มีปัญหาก็ถอนพิษให้พวกเขา"

ฮั่วหยูฉุนรับคำทันที "ขอรับ!"

เฉินซ่าบังคับม้า มุ่งไปยังเขาพยัคฆ์ลูกนั้น

อิงเริ่มผิดหวังเล็กน้อย "คงมิใช่จะบอกว่าหลายร้อยคนนี้เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่โหลชีให้หรอกนะ?"

อันที่จริงแล้ว ประชาชนเมืองพั่วอวี้ไม่ถือว่าน้อย แต่ถ้าจะสร้างประเทศก็ไม่อาจมีแต่ประชาชนเมืองเดียวกระมัง? คนพวกนี้ถึงเวลานั้นจะเลือกอยู่ต่อ คน พวกเขาต้องการ พวกชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ก็สามารถเป็นทหารได้ แต่นี่ไม่น่าจะถือว่าน่าประหลาดใจกระมัง

เฉินซ่าค่อยๆพูดขึ้น "ของขวัญชิ้นใหญ่ที่โหลชีพูดไม่น่าจะมีแค่นี้ ขึ้นเขา" ระหว่างพูด เขากระแอมเสียงเบา เฟยเหิ่นก็พุ่งขึ้นเขาไป

เยว่และอิงพาทหารหลายสิบนายตามขึ้นไป

พวกเขาเห็นคูเมืองที่ขุดออกมาที่ตีนเขา พากันตาเป็นประกาย นี่แสดงว่าบนเขามีของสำคัญยิ่งอยู่!

"ไป!"

เฟยเหิ่นพุ่งนำ ควบทะยานขึ้นเขาไป ถึงทางขึ้นเขาจะลาดชัน แต่ไม่มีอะไรน่ากลัวสำหรับพวกเขา

ในใจพวกเขาเริ่มรอคอย ไม่รู้ว่าของขวัญชิ้นใหญ่ที่โหลชีให้พวกเขาจะเป็นอะไร

"กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งยิ่ง!" เยว่ขมวดคิ้วมุ่น

อิงฟุดฟิดดู "โอ้สวรรค์ กลิ่นอะไรเนี่ย เหม็นนัก!"

ทุกคนต่างปิดจมูกอย่างทนไม่ได้

จากนั้นพวกเขาเห็นภาพประหนึ่งแดนนรก มีซากศพทุกที่ ทุกที่ล้วนแต่เป็นชิ้นส่วนร่างกาย เลือดไหลนองเต็มพื้น รอยเลือดแห้งกรังจนเป็นสีดำคล้ำ กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเหม็นมาจากที่ไหนคงไม่ต้องพูดถึงแล้ว

"โอ๊ก!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ