"พรืด!"
"พรืด!"
คำพูดนั้นของโหลชีประหนึ่งทำลายคำสาปลง ทำให้ทุกคนที่ชะงักตะลึงมองสาวงามผู้ปรากฏกายราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์นั้นได้สติกลับมา และยังทนไม่ไหวหัวเราะออกมาอีก
ฮะฮะ ฮะฮะ! มนุษย์นก ไม่ใช่มนุษย์นกหรือไง? หนึ่งคนหนึ่งนก มนุษย์นก!
เดิมการปรากฏกายที่งดงามไร้ที่ติ เพราะคำพูดนี้กลายเป็นเรื่องตลก โหลวซิ่นหัวเราะอย่างหยุดไม่อยู่
เดิมน่าหลานจื่อหลินมองอย่างหลงใหล อาจารย์เขาไม่ได้พูดผิด เขาชอบศิษย์พี่หญิงคนนี้มาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่าอายุนางในเขาเวิ่นเทียนจะน้อยกว่าศิษย์มากมาย แต่นางเข้ารับการเรียนวิทยายุทธเร็วที่สุด ที่เขาเวิ่นเทียนของพวกเขามีกฎข้อหนึ่งว่า ใครที่เข้ารับการถ่ายทอดวิทยายุทธเร็วที่สุด ใครที่สามารถผ่านการทดสอบจากสำนักเร็วที่สุด ก็จะถือเป็นอันดับใหญ่ที่สุด
น่าหลานฮั่วซินเป็นอัจฉริยะวิทยายุทธคนหนึ่ง สามปี อายุแค่สามปีนางก็ผ่านการทดสอบของสำนัก กลายเป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขาเวิ่นเทียน คนต่อมาไม่ว่าอายุมากน้อยเพียงใด ต่างเป็นศิษย์น้องชายศิษย์น้องหญิงของนางทั้งหมด และนางไม่เพียงเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในด้านการต่อสู้ ในด้านจังหวะดนตรี วรรณกรรม ค่ายกล กับดักและการควบคุมสัตว์ยิ่งแสดงการรับรู้ที่น่าตกใจออกมา ดังนั้นในตอนที่น่าหลานฮั่วซินอายุเพียงสิบสองปีก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเทพธิดา มีอำนาจเป็นรองแต่เพียงผู้ครองเขา แต่อยู่เหนือผู้อื่นทั้งหมด รวมถึงผู้อาวุโสล้วนต้องฟังนาง
นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมฟ่านฉางจื่อเป็นอาจารย์อาของนางแต่กลับต้องเชื่อฟังนาง
พรสวรรค์กับความรู้ของนางทำให้คนริษยา แต่ไม่คิดเลยว่าน่าหลานฮั่วซินกลับมีใบหน้างดงามยิ่ง และเป็นสาวงามอันดับหนึ่งในรายชื่อสาวงามทั่วทั้งใต้หล้า
บนรายชื่อสาวงามทั่วทั้งใต้หล้านั่นยังมีซู่หลิวอวิ๋น ฉายานางฟ้าหลิวอวิ๋นแห่งเขาเฉินอวิ๋น และมีเป่ยฝูหรง องค์หญิงใหญ่แห่งเป่ยชาง ทั้งหมดนี่คือสามอันดับแรก คนอื่นโหลชีจำไม่ได้แล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเจอน่าหลานฮั่วซิน ก่อนหน้านี้ชื่อของน่าหลานฮั่วซินคุ้นหูมาตลอด คนในตำหนักจิ่วเซียวต่างพูดกันว่า จักรพรรดินีในอนาคตของเฉินซ่า เป็นไปได้เจ็ดส่วนว่าจะเป็นน่าหลานฮั่วซิน ถ้าซู่หลิวอวิ๋นจะแย่งชิง ก็อาจจะพอเป็นไปได้ แต่โดยรวมแล้ว น่าหลานฮั่วซินน่าจะชนะ
สาวงามบนหลังอินทรีมองมาด้วยสายตาเย็นเยียบ ลอยตัวลงมาจากการบินวนของอินทรี กระโดดอย่างแผ่วเบาลงมา ร่างงามในชุดแดงเหาะลงมาดั่งเซียน
ถึงจะมาถึงบนระเบียงนี้แล้ว แต่การกระโดดลงมากลางอากาศด้วยตนเองแบบนี้ ความกล้าหาญมั่นใจและวิทยายุทธล้วนทำให้คนชื่นชมได้ บวกกับชุดแดงนั่น เรือนร่างอันงดงาม ขลุ่ยหยกม่วงและยังความประณีต บวกกับความงามของที่นี่ น้ำตกตระการตาอันแสนไกลนั่น ทำให้คนตกใจมากพอดูแล้ว
พื้นรองเท้าสีทองของน่าหลานฮั่วซินลอยลงมาเหยียบบนพื้นหญ้าอย่างแผ่วเบา ดวงตาเรียวยาวที่งดงามมองมาทางโหลชี
ในใจน่าหลานจื่อหลินอดเปรียบเทียบทั้งคู่ไม่ได้
เทียบกับน่าหลานฮั่วซินที่เขาเคยคิดว่าไร้เทียบเคียงได้ ไม่ว่าเปรียบยังไงก็เท่ากับเป็นการลบหลู่น่าหลานฮั่วซิน แต่ตอนนี้เขากลับเอาโหลชีกับน่าหลานฮั่วซินมาเทียบกัน
โหลชีในชุดบุรุษสีดำแดง ผูกผมม้าไว้สูง ใช้ผ้ารัดผมสีดำแดง เผยให้เห็นใบหน้าดุจหยกขาวนั่น หว่างคิ้วมิได้มีแววเย็นเยียบ แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจ
มิได้ทำให้คนตกตะลึงเท่าน่าหลานฮั่วซิน แต่มิรู้ทำไมถึงทำให้คนอดไม่ได้เบนสายตาไปมอง
"ฮั่วซิน โหลชีมาแล้ว อาจารย์อาทำหน้าที่สำเร็จแล้วนะ"
น่าหลานฮั่วซินจริงๆ
"ขอบคุณอาจารย์อามาก อาจารย์อาลำบากแล้ว ไว้รอแม่นางโหลหาเถาทองม่วงเจอ ตันเอ๋อร์ต้องขอบคุณอาจารย์อาแน่" น้ำเสียงน่าหลานฮั่วซินไม่ได้อ่อนหวานแน่งน้อย กลับเย็นชาเล็กน้อย พูดจาชัดถ้อยชัดคำ
โหลชีอดยิ้มมุมปากไม่ได้ นางไปหาเถาทองม่วง ไม่ควรขอบคุณนางหรือไง?
ฟ่านฉางจื่ออยากรีบจากไป จึงถามทันทีว่า "อาจารย์อายังมีธุระ ขอไปก่อนได้หรือไม่?" ถึงน่าหลานฮั่วซินจะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเขารีบร้อนเยี่ยงนี้ แต่ก็พยักหน้า "อาจารย์อาสามเชิญเถิด"
"จื่อหลิน ไป!"
น่าหลานจื่อหลินมองน่าหลานฮั่วซิน และมองโหลชี แต่กลับไม่อยากเบนสายตาออก โหลชีเลิกคิ้วงง หมอนี่โดนนางยั่วโมโหจนแทบกระอักเลือดมาตามทางไม่น้อย นี่ยังไม่อยากแยกจากนางอีก?
"จื่อหลิน" ฟ่านฉางจื่อต้องการให้น่าหลานจื่อหลินไปช่วย มีหรือจะยอมอนุญาตให้เขาอยู่ที่นี่? น่าหลานจื่อหลินได้แต่ตามเขาจากไปตามทางที่มา ก่อนเข้าถ้ำเขาหันมาบอกโหลชีอย่างรีบร้อนคำหนึ่งว่า "โหลชี ระวังตัวให้มาก!"
เฉิงสิบกับโหลวซิ่นมองดูเขาเข้าถ้ำไปราวกับจะหนี มีเส้นสีดำเล็กน้อยบนหน้าผาก น่าหลานฮั่วซินหันมองโหลชี โหลชีก็มองนาง ทั้งสองปะทะสายตากัน
ผ่านไปสักครู่ น่าหลานฮั่วซินเอ่ยปากก่อน "แม่นางโหลคงมิใช่เกิดความผูกพันกับศิษย์น้องชายจื่อหลินของข้ากระมัง? ทำให้เขาอาลัยอาวรณ์เพียงนี้ ยังออกปากตักเตือน เห็นได้ชัดถึงความห่วงใย"
โหลชียิ้มบอก "แม่นางน่าหลาน นี่ท่านคิดว่าตนเป็นแม่สื่อเพราะใส่ชุดแดงรึ?"
โหลวซิ่นหลุดหัวเราะพรืดออกมา
ชิ้ว!
แสงสีแดงสว่างวาบขึ้น พุ่งไปด้านหน้าโหลวซิ่น เสียงเพี๊ยะดังขึ้น และพริ้วกลับมาในมือน่าหลานฮั่วซิน
มันคือผ้าปิดหน้าสีแดงผืนหนึ่ง!
น่าหลานฮั่วซินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย "คนรับใช้ตำหนักจิ่วเซียวมิรู้ขนบธรรมเนียมเยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?"
ใบหน้าด้านหนึ่งของโหลวซิ่นบวมขึ้นมา
โหลชีสายตาเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ