ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 195

ท่าทางที่มนุษย์ป่าพุ่งเข้ามารุนแรงจนทำให้โหลชีตกใจ และที่ทำให้นางตกใจมากกว่าเดิมคือ เขาไม่ได้ดูโง่เขลาไม่มีวัฒนธรรมอย่างที่แสดงออก เขามีไอคิว ที่ทำทีดิ้นรนลุกไม่ขึ้นเมื่อครู่ เป็นวิธีการหนึ่งในการล่อหลอกพวกเขาเท่านั้น!

โหลชีรีบถอยหลังหนี แต่ทันใดนั้นนางรู้สึกถึงมีลมปราณพุ่งมาทางนี้ เป้าหมายคือขาของนาง! จากมุมนั้น นอกจากน่าหลานฮั่วซินแล้วไม่มีคนอื่น!

กล้าลอบกัดนางในเวลาแบบนี้--

โหลชีไร้หนทางหนี มนุษย์ป่ากระโดดเข้ามาทางด้านหน้า อ้าปากกว้าง ฟันแหลมคมหมายจะกัดนาง นางได้แต่รีบถอยหนี ก้อนหินที่โจมตีมานั้นโดนขานางพอดี นางเตรียมใจไว้แล้ว กัดฟันทน และไม่ได้ขาอ่อนล้มลงไปทันทีและส่งตัวเองเข้าปากมนุษย์ป่า แต่กลับอดทนต่อความเจ็บปวดและถอยหนีต่อไป

"เฉิงสิบ! ดึง!"

ตามคำสั่งของนาง เฉิงสิบโผเข้าไปคว้าเถาวัลย์ที่รั้งขาขวามนุษย์ป่าไว้มั่นด้วยสองมือ โหลวซิ่นก็เข้ามาช่วย ทั้งคู่ออกแรงดึง และดึงมนุษย์ป่านั่นล้มลงพื้นอย่างแรงอีกครั้ง

โหลชีเดือดจัด มือคว้าพิชิตวัน พุ่งเข้าไปปาดคอหอยมนุษย์ป่านั่นทันที เลือดสดพุ่งกระฉูด

เพราะว่าเป็นกลางดึก อาศัยแสงจันทร์เพียงน้อยนิด น่าหลานฮั่วซินไม่เห็นพิชิตวันในมือโหลชี แต่นางได้กลิ่นบางอย่างแรงมาก

กลิ่นคาวเลือด

โหลวซิ่นจุดกองไฟขึ้นมาอีกครั้ง ในที่สุดน่าหลานฮั่วซินก็มองเห็นมนุษย์ป่าที่โดนปาดคอหอยชัดเจน ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เลือดยังคงกระฉูดอยู่ แต่โหลชีกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ปรายตามองมาแผ่วเบา ดวงตานั้นราวกับกำลังพูดว่า เจ้าทำอะไรอย่าคิดว่าข้าไม่รู้

ในใจน่าหลานฮั่วซินตกใจมาก

ฝีมือดีมาก จิตใจเข้มแข็ง เฉลียวฉลาดระมัดระวัง จิตใจมั่นคง นิสัยพิเศษโดดเด่น หน้าตางดงาม เพียงแค่ระยะสั้นที่ได้อยู่ใกล้แค่นี้ โหลชีทำให้นางรู้สึกประหลาดใจและตกใจหลายครั้งนัก สำหรับบุรุษอย่างเฉินซ่าแล้ว สตรีเช่นนี้ถึงจะดึงดูดความสนใจเขาได้ดีนัก นางรู้ดี ดังนั้นอันที่จริงนางก็พยายามจะปรับเปลี่ยนตนจนกลายเป็นคนแบบนี้!

แต่ดูแล้วโหลชีเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เกิด!

นางริษยานัก ริษยาจนแทบบ้า

โหลชีจะต้องตาย!

โหลชีปรายตามองนางหนึ่งที ราวกับรู้ได้ว่าตอนนี้นางคิดอะไรในใจ ก็แค่ต้องการชีวิตนาง แต่ว่า คนที่ต้องการชีวิตนางมีเยอะจะตาย ต่อให้เป็นในยุคปัจจุบันชีวิตนางก็มีราคาสูงนัก เพียงแต่ไม่มีใครกล้ามาเอาไปเท่านั้น

น่าหลานฮั่วซินอยากเอาชีวิตนาง ก็รอดูกันต่อไปละกัน

"แม่นางน่าหลานมิใช่อัจฉริยะวิทยายุทธแห่งเขาเวิ่นเทียนหรืออย่างไร? เหตุใดเมื่อครู่ไม่ช่วยเล่า?" ตอนนี้เฉิงสิบไม่รู้สึกเคารพหรือเลื่อมใสน่าหลานฮั่วซินเท่าไหร่แล้ว ยืนดูแม่นางของพวกเขาโดนลอบทำร้ายข้างๆหมายความว่าอันใดกัน? เห็นได้ชัดว่าไม่หวังดี

"ใครอนุญาตให้เจ้าบังอาจเยี่ยงนี้? เจ้าถือสิทธิ์อันใดมากล่าวโทษข้า?" น่าหลานฮั่วซินมองเฉิงสิบด้วยสายตาเย็นชา พลังภายในลึกล้ำแผ่ซ่านกดดัน ด้วยวิทยายุทธระดับสูง แค่เพียงสายตาก็สามารถสร้างแรงกดดันได้

เฉิงสิบสีหน้าซีดเผือด เริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นมาที่ข้างขมับ

ทันใดนั้นโหลชีเอามือตบไหล่เฉิงสิบ ยิ้มบอกว่า "แม่นางน่าหลานไม่ช่วยทำเรื่องยุ่งข้าก็ขอบคุณสวรรค์แล้ว"

ในตอนที่นางเอามือตบไหล่ เฉิงสิบรู้สึกว่าแรงกดดันมหาศาลนั่นโดนสกัดล่าถอยไป

ในใจเขาตกตะลึงอย่างมาก กำลังภายในของน่าหลานฮั่วซินล้ำลึกเหนือประมาณจริงๆ! ข่าวลือมิผิดเพี้ยน พรสวรรค์การต่อสู้ของนางสูงถึงระดับที่ทำให้คนตกใจจริงๆ

โหลชีทำแค่นี้ก็สกัดกั้นแรงกดดันของนางได้ สีหน้าน่าหลานฮั่วซินไม่สู้ดีนัก กำลังภายในของโหลชีพอกันกับนาง? แต่ถือสิทธิ์อันใดกัน? นางเป็นคนธรรมดาที่ฐานะต่ำต้อยขนาดพ่อแม่เป็นใครก็ยังไม่รู้คนหนึ่ง ส่วนตนได้ใช้ร่ำเรียนทรัพยากรที่ดีที่สุดของเขาเวิ่นเทียนมาตั้งแต่เล็กจึงมีกำลังภายในอย่างวันนี้ได้ จุดเริ่มต้นไม่เหมือนกัน อย่างนี้มิเท่ากับว่าพรสวรรค์ของโหลชีดีกว่านางงั้นรึ?

"เอาล่ะ รีบพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้เรายังต้องออกไปตามหาเถาทองม่วงกันนะ" โหลชีไม่สนใจซากศพมนุษย์ป่านั่นด้านข้าง พลางหาวหวอดๆออกมา

นางนั่งตรงกลางระหว่างเฉิงสิบกับโหลวซิ่น ทั้งสามคนนั่งพิงกันแบ่งปันไออุ่น ไม่สนใจสายตาเหยียดหยามของน่าหลานฮั่วซินสักนิด

คืนนี้ไม่มีอันใดเกิดขึ้นอีก อากาศหนาวจริงๆ ดังนั้นพวกเขาจึงตื่นแต่เช้ามืด เฉิงสิบกับโหลวซิ่นแบ่งหน้าที่กันไปเตรียมต้มน้ำทำอาหารเช้าอีกครั้ง โหลชีรำไทเก๊กอยู่ไม่ไกล

พอรำไทเก๊กเสร็จ ร่างกายอบอุ่นแล้ว จิตประสาทก็ดีมาก

"นั่นวิทยายุทธอะไรของเจ้า?" ไม่รู้น่าหลานฮั่วซินตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทันเห็นกระบวนท่าสองท่าสุดท้ายของนาง ราวกับเต้นรำ ไม่ เต้นรำก็ไม่เชื่องช้าเยี่ยงนี้

โหลชีเลิกคิ้วถาม "วิทยายุทธประเทศจีน แม่นางน่าหลานจะเรียนรึ?"

ล้อเล่นอะไรกัน! ตนจำเป็นต้องเรียนวิทยายุทธกับนางด้วยรึ? อีกอย่าง ท่วงท่าเชื่องช้าจนน่าขันนั่นเรียกเป็นวิทยายุทธได้รึ?

เจ้าเอามันไปสอนผีในนรกเถิด

คำพูดนี้น่าหลานฮั่วซินไม่ได้พูดออกมา หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จนางนำทางพวกเขาเดินไปครึ่งทาง และบอกว่าทางนี้นางเดินมาก่อนแล้ว ดังนั้นไม่มีปัญหาอะไรเลย น่าเสียดาย พอพูดคำนี้ออกมาแม้แต่ทหารองครักษ์สองคนยังไม่มีคำขอบคุณแม้สักนิด มันทำให้ใบหน้าใต้ผ้าปิดหน้าของน่าหลานฮั่วซินดำทะมึนอยู่นานมาก

ลำธารเล็กเบื้องหน้า ทางด้านลำธารนั่นมีหมอกบางกำจาย น่าหลานฮั่วซินหยุดชะงักลง "ข้านำทางพวกเจ้ามาได้แค่นี้ พวกเจ้าไปตามหาเถาทองม่วง และข้าจะต้องเข้ารอบในเพื่อไปหางูยักษ์เย็นสารทฤดู"

"แม่นางน่าหลานไปครั้งนี้ต้องรักษาตัวดีๆนะ"

"เจ้าพูดเยี่ยงนี้หมายความว่ากระไร?" น่าหลานฮั่วซินหรี่ตามองโหลชี

โหลชีกะพริบตาปริบๆดูน่าสงสาร "จะหมายความเยี่ยงใด? ก็ตามตัวหนังสือน่ะสิ รอบในได้ยินว่าอันตรายยิ่งนัก ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้า"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ