ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 209

โหลชีเหลือบมองเขาและตัดสินใจ หลอกผู้เฒ่า ไม่สิ ขอให้ช่วย

"ท่านผู้เฒ่า ท่านต้องการขยับกล้ามเนื้อกระดูกของท่านซักหน่อยหรือไม่ ถ้าท่านไม่ขยับ ข้าเกรงว่าในอนาคตท่านจะยกกระดูกเก่าๆของท่านไม่ไหว ถ้าเป็นอย่างนั้นท่านคงจะแสดงอะไรไม่ได้อีกแล้ว"

ชายชราเป่าเคราของเขาและจ้องมาที่นาง และหลังจากครุ่นคิดอยู่ครูหนึ่งเขาก็ตกตะลึง "แสดงละครอะไร?"

"ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าท่านกำลังแสดงละครอะไรอยู่?ท่านจิน"

ตาเฒ่าจิน ทันทีที่คำสามคำนี้หลุดออกมา ผู้เฒ่าก็กระโดดถอยหลังออกไปสามก้าว ตาของเขาจ้องนางเหมือนตาของวัว เขามองนางอย่างไม่เชื่อสายตา "เป็นไปไม่ได้ เจ้าจำได้อย่างไร"

โหลชีกลอกตา "ข้าแค่เด็กกว่าท่าน ไม่ได้โง่กว่าท่านนิ?"

ก่อนอื่นทุกคนล้วนมีกลิ่นลมหายใจเป็นของตัวเอง คนธรรมดาอาจจะไม่ได้กลิ่นมัน แต่โหลชีที่อาบน้ำด้วยยามาตั้งแต่เด็ก ได้ผ่านการแช่ตัวในยาที่ฉุนและยังได้กลิ่นมันฝรั่งทอดที่นักพรตเลวกินอยู่นอกบ้าน

ตอนแรกนางก็สงสัย ต่อมาผู้เฒ่าก็รู้ว่านางอาจไม่จำเป็นต้องช่วยชีวิตนาง อีกทั้งยังปล่อยให้นางกินผลไม้วิเศษ ที่ตัวเองตามหามาตั้งครึ่งปีอีก ความรู้สึกปวดใจซักนิดก็ไม่มี เมื่อให้เขานำทางไปหางูยักษ์เย็นสารทฤดู และยังพาพวกเขาไปตั้งสองชั่วยามโดยไม่ปริปากบ่น แล้วยังพาแมวของนางมาที่นี่เพื่อปกป้องงูยักษ์เย็นสารทฤดูเป็นเวลานาน ถ้าบอกว่าเป็นคนแปลกหน้าเจ้าจะเชื่อไหม?

ใครจะดีกับคนแปลกหน้าได้ขนาดนี้?

อีกอย่าง ท่านจินเป็นเฒ่าทารก อยู่ไม่เป็นร่องเป็นรอย เขาชอบแสดงบทบาทสมมุติ ครั้งสุดท้ายที่เขากลับไปที่อุทยานเขาเฟิงหยุน เขาก็แสร้งทำเป็นชาวเรือโลภมาก และตอนนี้ก็แสร้งเป็นยอดฝีมือผู้สูงส่งอยู่ในหุบเขาเทพมาร ยังมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก

เฉิงสิบและโหลวซิ่นต่างก็มองไปที่ท่านจินอย่างไม่เชื่อสายตา พวกเขาจำไม่ได้เลย--

ไม่คิดมาก่อนเลยว่า ท่าผู้เฒ่าผู้นี้จะกลายเป็นท่านจิน

พวกเขาจะร้องไห้ก็ร้องไห้ไม่ได้ จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก แสดงได้เก่งจริงๆ

ท่านจินกลอกตา "ไม่สนุก ไม่สนุกเลย พวกเจ้ามองออกหมดเลย นังหนูชี เจ้าบอกข้าที ข้าบกพร่องตรงไหน ข้าจะกลับไปแก้ไข"

"เรื่องนี้ไว้มีเวลาค่อยว่ากัน ตอนนี้ข้าจะไปฆ่าคน ท่านจะไปหรือไม่ไป"

"นังหนูชี ไปฆ่าคนนะ พูดเหมือนกับจะไปกินข้าวอย่างไรอย่างนั้น เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าเป็นแบบนี้แล้วพ่อหนุ่มที่ทั้งดื้อและเย็นชาอย่างนั้นจะชอบ?"

โหลชีจ้องมาที่เขา เขายกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว "ได้ๆๆ ข้าไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้ว ไปกันเถิด เจ้าอยากจะฆ่าใคร ข้าจะไปกับเจ้า"

"ท่านจะขยับกล้ามเนื้อ" โหลชีเหล่มอง

เฉิงสิบและโหลวซิ่น กลั้นหัวเราะ

พูดตรงๆก็คือ แม่นางของพวกเขาไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณของเขาอีกต่อไปแล้ว คาดว่าน่าจะเกี่ยวกับครั้งก่อนที่ท่านจินเอาใบไม้ทองคำหนีไป

ท่านจินมีสีหน้าขมขื่น เขาไปช่วยแท้ๆ แต่พูดได้แค่ว่าเขาจะไปขยับกล้ามเนื้อ เจ้าเด็กนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ—

วรยุทธ์ของทั้งสองไม่จำเป็นต้องพูดมาก ทั้งสองคนย่องไปที่ น่าหลานฮั่วซิน อย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น พวกเขาแยกจากกันไปสองทาง คนหนึ่งเดินเข้าใกล้ทางซ้าย อีกคนเข้าไปทางขวา และแต่ละคนก็พบเป้าหมายของตนเองอย่างรวดเร็ว

โหลชีไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนแรกที่นางพบคือเวิ่นโม่

เนื่องจากยังไม่ถึงเวลา น่าหลานฮั่วซินสั่งกระจายทุกคนออกไปเล็กน้อยและปกป้องดินในสภาพครึ่งวงกลม ถ้าคนมากกว่านี้ นางอยากจะล้อมรอบทั้งวงกลม

จุดไฟไม่ได้ ทำได้แค่อาศัยแสงจากดวงจันทร์เท่านั้น

มือของเวิ่นโม่ถือด้ามกระบี่ ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ มองไปข้างหน้าแล้วถอนหายใจ โหลชีมองไปที่ทิศทางที่เขากำลังมอง เป็นเวิ่นเจี้ยน

หรือว่ากำลังกังวลเกี่ยวกับหนอนดอกเมฆในตัวของเวิ่นเจี้ยน? นางอยากจะพูดกับเขาจริงๆว่า ไม่ต้องกังวลใจหรอก นางจะฆ่าเขาก่อนเพื่อช่วยเขาให้รอดพ้นจากความตายอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ มีเมตตามากใช่หรือไม่?

จู่ๆ เวิ่นโม่ก็รู้สึกหนาวที่หลังเล็กน้อย เขาแอบกำดาบของเขาแน่น เขาหันกลับมาทันทีและพยายามดึงกระบี่ไปพร้อมๆกัน แต่เขาไม่มีโอกาส

เพราะในขณะที่เขาหันกลับมาก็มีแสงเย็นยะเยือก และเขารู้สึกเพียงว่ามีบางอย่างแทงมาที่หน้าอกของเขา ความหวาดกลัวก่อนตายรายล้อมเขาอยู่รอบๆตัว

โหลชี เป็นโหลชี

เขาพยายามเรียกชื่อนางอย่างสุดกำลัง แต่ทำได้แค่อ้าปาก ไม่สามารถเปล่งเสียงได้แม้แต่นิดเดียว

โหลชียื่นมือออกมาและคว้าเขาไว้ แล้วค่อยๆลดระดับมือลง เกรงว่าเสียงของศพที่ตกลงสู่พื้นจะทำให้คนอื่นๆไหวตัว เมื่อมองดูปากที่เปิดกว้างของเขา นางก็ยิ้มอย่างเย็นชา

ยาใบ้ที่พึ่งทำเมื่อตอนบ่าย ตอนนี้มันมีประโยชน์มาก หุบเขานี้มีสมุนไพรอยู่มากมาย นางสามารถทำยาได้ทุกชนิด ถ้าซื้อข้างนอกนางต้องใช้เงินมากแน่ๆ

หลังจากกำจัดเวิ่นโม่แล้ว นางก็ก้าวไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว ไม่ไกลออกไปมีองครักษ์นายหนึ่งกำลังเดินอยู่หลังต้นไม้เงียบๆ สักพักก็มีเสียงน้ำไหล

พระจันทร์อับแสง ลมพัดแรง แม้แต่คนที่อยากเข้าห้องน้ำก็ต้องกำจัดด้วย แต่โหลชีก็ใจดีให้เขาจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยและดึงกางเกงขึ้นก่อน

จากนั้น สายตาของนางมองไปที่เวิ่นเจี้ยนที่อยู่ไม่ไกล

เวิ่นเจี้ยนหันขวับมามองทางนี้อย่างสงสัย

ตื่นตัวอยู่จริงๆ

โหลชีแอบชมเขา แต่ยิ่งเขาเก่งเท่าไหร่ น่าหลานฮั่วซินจะยิ่งรู้สึกปวดใจถ้าเขาถูกกำจัด

นางไม่เชื่อว่าเขาเวิ่นเทียนจะฝึกองครักษ์ชั้นยอดได้ง่ายขนาดนี้

แสงจันทร์ส่องประกายสอดแสง ทำให้ไอพิษสีเขียวครามที่ลอยกลางอากาศดูยิ่งชัดเจน เวิ่นเจี้ยนดึงกระบี่ยาวของเขาออกมาทันที แม้ว่าเขาจะไม่เห็นคน แต่เขาก็ลุกขึ้นด้วยสัญชาตญาณ แล้วแทงดาบออกไปด้านหลัง

โหลชีเลิกคิ้ว เลื่อนเท้าออกไป ดาบแทงทะลุด้านข้างของนางแล้วผ่านอากาศไป

แต่สิ่งนี้ทำให้นางต้องชื่นชมเขา เป็นไปมิได้ที่คนธรรมดาจะจับลมหายใจของนางได้แม่นยำขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะนางหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว เวิ่นเจี้ยนก็สามารถแทงนางด้วยดาบเล่มเดียวได้จริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ