ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 224

"ว่ามา" เขาพูดเสียงเคร่งขรึม

หมอเทวดาแอบถอนหายใจ ปิดบังมาถึงตอนนี้มันถึงขีดสุดแล้ว เขาปิดมันต่อไปไม่ได้แล้ว เขาก้มหน้าลงพูด "เรียนฝ่าบาท แม่นางโหลให้เลือดไว้พอสำหรับสิบสองครั้ง--"

"ปึ้ง!"

โต๊ะแปดเซียนทำจากไม้จันทน์แดงเบื้องหน้าโดนเฉินซ่าตบฝ่ามือใส่แตกกระจาย--

"นายท่าน!"

"ฝ่าบาท!"

เทียนอิ่งพลันปรากฏกายขึ้น เยว่กับอิงที่มีเรื่องมาที่นี่พอดีก็คิดว่าเกิดอะไรขึ้น รีบพุ่งเข้ามา

พอเข้ามาก็เห็นหมอเทวดายืนขาสั่นเทาอยู่ด้านข้าง โต๊ะแปดเซียนตัวนั้นแยกร่างกระจายเรียบร้อยแล้ว จักรพรรดิมือหนึ่งถือชามลายครามสีเทาเนื้อละเอียดชามหนึ่ง สีหน้าดำทะมึน ความโกรธแผ่ซ่านออกมาจากร่างเขา ทำให้พวกเขาตัวสั่นเทา

ใครกัน ทำให้ฝ่าบาทโกรธถึงขนาดนี้--

เยว่กลับรู้ทันทีเมื่อเห็นชามลายครามสีเทาเนื้อละเอียดชามนั้น

ใกล้จะผ่านพ้นเที่ยงคืนแล้ว จะเดือนเพ็ญแล้ว เวลานี้พวกเขามาก็เพื่อเฝ้าฝ่าบาท ดูท่าหมอเทวดาจะมาส่งยา

เฉินซ่ากัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในใจรู้สึกรุ่มร้อนดุจไฟเผา

"เหลือไว้สิบสองครั้ง หนึ่งปีรึ?" นางมั่นใจเพียงนี้ว่า ภายในหนึ่งปีเขาจะสามารถหาตัวยาที่เหลือได้? หรือว่า อีกหนึ่งปีนางค่อยส่งเลือดมา? "ดูท่านางคิดจะไปจากข้าจริงๆ"

เยว่กับอิงต่างตกใจ "โหลชีทิ้งเลือดไว้สิบสองชาม?"

"นางไม่อยากอยู่แล้วรึ?" อิงมองเลือดชามนั้น ไม่รู้ทำไมรู้สึกปวดใจยิ่งนัก

ให้เลือดสิบสามชามภายในครั้งเดียว และยังต้องออกเดินทางไปไกลถึงหุบเทพมาร! ต้องรู้นะ ต่อให้เป็นรอบนอกของหุบเทพมาร ก็ยังอันตรายมากอยู่! นางให้เลือดจนหมดตัวแล้วจะไปตายหรือไร?

"ดี ดีมาก" เฉินซ่าจ้องเลือดชามนั้น จ้องเขม็งเลย

ตอนนี้ในใจเยว่ราวกับมีคลื่นลูกใหญ่ซัดสาด เขาเหมือนจะเข้าใจความหมายของแววตาของโหลชีที่มองเขาก่อนไปจากที่นี่ตอนนั้นแล้ว

ประชด ผิดหวัง เยาะหยัน ปฏิเสธและปล่อยวาง

เพราะพวกเขาคิดแต่พั่วอวี้ คิดแต่จะให้นางยอมทำตามเขาเวิ่นเทียน ทำตามใจน่าหลานฮั่วซิน รีบไล่นางไปหุบเทพมารตามหาเถาทองม่วงอะไรนั่น ในสายตานางแล้ว พวกเขาทรยศนาง และไม่ได้มองนางเป็นพวกเดียวกันจริงๆ

ในสายตานางแล้ว พวกเขาทำเช่นนี้ แสดงว่าในใจพวกเขา พั่วอวี้สำคัญกว่านาง ฟ่านฉางจื่อสำคัญกว่านาง น่าหลานฮั่วซินสำคัญกว่านาง แม้กระทั่งแส้ทองฟ้าร้องอะไรนั่นของน่าหลานตันเอ๋อร์ก็สำคัญกว่านาง เพื่อสิ่งเหล่านี้พวกเขาพร้อมจะสละนางได้ทุกเมื่อ

เพราะเหตุนี้ นางก็ไม่ควรอยู่ต่อ ไม่ควรอยู่กับพวกเขา ไม่ควรจดจำความสัมพันธ์ที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายครั้งของพวกเขา

นางไม่ควร นางปล่อยวางพวกเขาแล้ว และปล่อยวางแม้กระทั่งจักรพรรดิไปด้วยเลย

เยว่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรในใจพลันรู้สึกเศร้ายิ่งนัก

เดิมเขาคิดว่าตนเองทำแบบนี้มันถูกต้องแล้ว เขารู้สึกว่าถ้าเป็นเขาเอง ก็จะยอมเสียสละตนเองเพื่อจักรพรรดิแห่งพั่วอวี้อย่างไม่มีเงื่อนไขเช่นกัน ดังนั้นเขาเลยคิดว่าโหลชีเองก็คงเหมือนกัน

แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือหัวใจคน

โหลชีอาจจะยินดี แต่นั่นต้องมาจากความยินยอมพร้อมใจของนางเอง

เขาคิดว่าหลังจากที่เขารู้เรื่องพวกนี้แล้วจะโมโห แต่ไม่คิดว่าจะเสียใจทั้งนั้น ใช่ เขาเสียใจแล้ว

อิงเองก็สีหน้าตกตะลึง ไม่เหมือนเยว่ที่คิดมากมายขนาดนั้น ในใจเขาคิดเพียงอย่างเดียวว่า โหลชีไม่อยากกลับมาแล้วจริงๆ! นางไม่อยากกลับมาตำหนักจิ่วเซียว!

"นายท่าน--" เยว่เงยหน้าขึ้น ก่อนหน้านี้พวกเขาก็คาดเดาว่านางอาจจะไม่อยากกลับมาแล้ว แต่ลึกๆก็ยังคิดอย่างนั้นอยู่ว่า นางเป็นยาของเฉินซ่า เดือนเพ็ญครั้งหน้าน่าจะกลับมากระมัง?

พวกเขาคิดว่า รอนางกลับมาค่อยคุยเรื่องอยากจากไปกับพวกเขา ไม่คิดเลยสักนิดว่านางเตรียมการไว้หมดแล้ว ไม่อยากกลับมาตั้งแต่แรกแล้ว

สายตาเย็นชาของเฉินซ่าปรายมา แววตาดำมืดไร้จุดสิ้นสุด

"นางอยากหนี ก็ต้องดูว่าข้าเห็นด้วยหรือไม่"

พูดจบ เขายกชามนั้นขึ้นชิดริมฝีปาก เงยหน้าซดจนหมดชาม มุมปากยังมีเลือดสดติดอยู่ สีหน้าเขาเย็นชามาก

โหลชี เจ้าล้างคอรอไว้ รอรับความโกรธของข้าได้เลย!

เฉินซ่านอนลงบนเตียง เริ่มมีเหงื่อไหลที่ขมับ

เยว่ที่เฝ้าอยู่ด้านข้างเข้าไปช่วยเขาซับเหงื่อพวกนั้น ทันใดนั้นเขาพลันตะลึง หันไปมองอิงพลางว่า "นายท่านไข้ขึ้นแล้ว!"

เสียงนี้ทำเอาหมอเทวดาที่นอนหลับข้างเตียงตื่นตกใจขึ้นทันที เขาผลุดลุกขึ้นมา

"อะไร?"

"นายท่านไข้ขึ้นแล้ว หมอเทวดา รีบมาดูเร็ว!"

หมอเทวดาแทบจะเหยียบชายเสื้อชุดตนเอง ผลุนผลันเข้าไป พลางยื่นมือไปอังที่หัวเฉินซ่าพบว่าอุณหภูมิตัวเขาสูงมาก "จะเป็นไปได้ยังไง เป็นไปได้ยังไงกัน--"

เดือนที่แล้วไม่เห็นมีอาการอย่างนี้เลย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ