ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 231

สรุปบท บทที่ 231 จวนตระกูลหานมีงานเลี้ยง: ใต้ร่มยาใจ

อ่านสรุป บทที่ 231 จวนตระกูลหานมีงานเลี้ยง จาก ใต้ร่มยาใจ โดย ลิ่วเยว่

บทที่ บทที่ 231 จวนตระกูลหานมีงานเลี้ยง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ใต้ร่มยาใจ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

"คุณหนูรองหานเวลานี้แล้วไม่กลับบ้านไป มาทำอะไรที่โรงเตี๊ยมลั่วหยาง?"

หานเสี่ยวจูกล่าว: "คุณชายเจ็ด พ่อข้าล่วงหน้ากลับไปเตรียมงานเลี้ยงเอาไว้ก่อนแล้ว อยากจะเชิญคุณชายเจ็ดไปดื่มสักจอกสองจอก ไม่รู้ว่าคุณชายเจ็ดจะให้เกียรติได้หรือไม่?"

"ไปจวนตระกูลหาน? ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกับคนของตระกูลพวกท่านมาก่อน บุ่มบ่ามไปแบบนี้คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง?" โหลชีเลิกคิ้ว

หานเสี่ยวจูรีบกล่าวอย่างร้อนใจ: "คนในบ้านข้าเข้ากับคนได้ง่ายมาก ท่านย่า ท่านแม่และพวกพี่สาวพี่เขยต่างก็เอ็นดูข้ามาก----"

"คุณหนู----" ติงเซียงเอ๋อร์ดึงเสื้อของนางอยู่ด้านหลัง แนวทางการตอบแบบนี้ไม่ค่อยจะถูกเท่าไหร่มั้ง? คุณชายเจ็ดเขาก็แค่พูดไปตามมารยาท ทำไมถึงไปพูดถึงเรื่องพวกฮูหยินเอ็นดูหรือไม่เอ็นดูนางได้ล่ะ?

หานเสี่ยวจูถึงได้ตระหนักได้ว่าสิ่งที่ตนเองพูดฟังดูแปลกเล็กน้อย หน้าแดงขึ้นมา ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า: "ความจริงแล้ว เป็นเพราะท่านย่ากับท่านแม่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับจิ้งจอกแสงจันทร์ม่วง แล้วก็ได้ยินท่วงท่าอันสง่างามของคุณชายเจ็ดอีก อยากรู้อยากเห็นมากจริงๆ เลยขอให้ท่านพ่อข้าเชิญ คุณชายเจ็ดให้พาจิ้งจอกม่วงไปร่วมงานเลี้ยงด้วย"

โหลชีลูบไล้จิ้งจอกม่วง ยิ้มจนดวงตาโค้งขึ้นมาเล็กน้อย: "คำพูดของคุณหนูรองหาน ทำให้ข้ารู้สึกว่าตัวเองจะต้องไปเป็นลิงที่จวนตระกูลหาน เหมือนกับวู๊วูเลย" อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับจิ้งจอกม่วงและนาง ก็จะให้นางไปให้จวนตระกูลหานของพวกเขาชมกันทั้งจวนเลย?

ตอนแรกหานเสี่ยวจูฟังความหมายของนางไม่ออก หลังจากที่ตอบสนองกลับมาถึงได้หน้าแดงก่ำไปทั่วทั้งใบหน้ารีบส่ายมือซ้ำพร้อมกล่าวว่า: "คุณชายเจ็ด เราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่ว่า เพียงแต่ว่า----"

เพียงแต่ว่านานพักใหญ่นางก็ยังพูดไม่ออก เห็นท่าทางทำอะไรไม่ถูกนั่นของนาง โหลชีถอนใจเฮือกหนึ่ง "คุณหนูรองหานเชิญกลับไปเถิด"

หานเสี่ยวจูรีบกล่าวขึ้นมาร้อนใจ "คุณชายเจ็ด พ่อข้าไม่ได้เชิญแค่ท่านคนเดียวเท่านั้น ยังเชิญนายน้อยของโรงพรรณยาด้วย!"

โหลชีฟังถึงตรงนี้ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "นายน้อยของโรงพรรณยา?"

"ใช่ใช่ พ่อข้าเองก็เพิ่งรู้ตอนกลางคืนเช่นกันว่านายน้อยของโรงพรรณยาก็มาที่เมืองลั่วหยางด้วย พ่อข้าเพียงแค่อยากทำความรู้จักกับทั้งสองท่านเท่านั้นเอง เราไม่มีความหมายอย่างอื่น!" หานเสี่ยวจูกลัวมากว่าโหลชีจะปฏิเสธ แทบจะยื่นมือออกไปดึงแขนเสื้อของนาง

"ใช่แล้ว พ่อข้ายังบอกอีกว่า เขารู้ว่าใครต้องการจะช่วงชิงจิ้งจอกม่วง!"

"อ๋อ?"

โหลชีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ครั้งนี้เจ้าบ้านหานน่าจะตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเชิญนางไปที่จวนให้ได้ ถ้าหากว่านางไม่รับปาก ไม่รู้ว่าเขาจะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมาอีก ไม่สู้อุ้มจิ้งจอกม่วงไปอย่างเปิดเผยดีกว่า ถึงอย่างไร รับมือกับเขาในครั้งนี้ พรุ่งนี้นางก็จะออกจากเมืองลั่วหยางแล้ว

"ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะไปกับเจ้าไปสักครั้งหนึ่ง"

คุณหนูรองหานดีใจมาก "เช่นนั้นคุณชายเจ็ดขึ้นรถม้าไปพร้อมกับข้าที่หน้าประตูเถิด"

โหลชีส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า: "คุณหนูรองนั่งรถม้า ข้ากับองครักษ์ขี่ม้าไปดีกว่า"

สองสามวันมานี้ท่าเสวี่ยก็เบื่อจะแย่แล้ว พอดีจะได้พามันออกไปเดินเล่นตอนกลางคืนด้วย

คุณหนูรองหานนั่งอยู่ในรถม้า แอบเปิดม่านหน้าต่างออกเล็กน้อย มองไปที่โหลชีที่นั่งตัวตรงอยู่บนม้าเหงื่อโลหิต แสงจันทร์จางๆ หิมะใสๆ เสริมให้ใบหน้านางใสราวกับหยก

ติงเซียงเอ๋อร์มองดูครู่หนึ่ง หัวเราะคิกคักแล้วกล่าวเสียงเบาว่า: "คุณหนูรองมองอย่างมีความสุขใช่ไหม?"

คุณหนูรองหานทำท่าทางตีนาง: "ปากเล็กๆเก่งๆของเจ้า วันดีคืนดีจะถูกข้าฉีกมันออก"

จวนตระกูลหานเป็นคหบดีในเมืองลั่วหยางแห่งนี้ แค่เห็นจวนหรูหราที่กินพื้นที่กว้างขวางผิดปกตินี้ก็รู้แล้ว ก่อนที่จะถึงประตูใหญ่จวนตระกูลหาน มีถนนยาวเป็นสิบลี้ ซ้ายขวามีโคมไฟสีแดงแขวนเอาไว้ บนโคมไฟเขียนคำว่า "หาน" เอาไว้ เดินอยู่บนถนนสายยาวสายนี้ โหลชีสามารถจินตนาการได้ว่าทุกวันตอนที่เจ้าบ้านหานผ่านถนนสายนี้จะภาคภูมิใจมากเพียงใด

พอไปถึงหน้าประตู เห็นเพียงประตูจวนเปิดออกกว้าง เจ้าบ้านหานรออยู่หน้าประตูด้วยตัวเอง และข้างกายเขายังมีผู้ชายที่สวมชุดสีขาวนวล คลุมด้วยเสื้อคลุมสีเทาอ่อน บนใบหน้าสวมหน้ากากสีเงินเอาไว้ยืนอยู่ด้วยคนหนึ่ง หน้ากากอันนั้นเป็นหน้ากากแบบเต็มใบ เผยให้เห็นแค่ริมฝีปากกับดวงตาเท่านั้น

โหลชีสามคนลงมาจากหลังม้า เจ้าบ้านหานสั่งให้คนใช้มาจูงม้าไปที่คอกม้าทันที

"คุณชายเจ็ดให้เกียรติมาเยือน กระท่อมซอมซ่อรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งจริงๆ" เจ้าบ้านหานเข้ามาต้อนรับ หัวเราะเหอะๆพร้อมกำหมัดคารวะต่อโหลชี

โหลชีอดหัวเราะไม่ได้: "หากจวนเจ้าบ้านหานเป็นกระท่อมซอมซ่อ เช่นนั้นใต้หล้าก็ไม่มีบ้านที่ดีแล้วจริงๆ"

"ชมเกินไป ชมเกินไป คุณชายเจ็ด ท่านนี้คือนายน้อยของโรงพรรณยา นายน้อยจ้าว"

โหลชีเงยหน้ามองไปทางชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนขั้นบันได กล่าวอย่างราบเรียบ: "ราตรีสวัสดิ์นายน้อยจ้าว"

นี่คือประโยคทักทายอะไร?

ดวงตาของนายน้อยจ้าวมีรอยยิ้มแวบขึ้นมาเล็กน้อย พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร แต่หันหลังเดินเข้าประตูไปเป็นคนแรก เจ้าบ้านหานทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่งกดเสียงต่ำแล้วกล่าวกับโหลชีว่า: "คุณชายเจ็ดอย่าไปใส่ใจเลย นายน้อยจ้าวน่าจะปฏิบัติกับหลายๆคนเช่นนี้ ตอนที่ข้าพบกับเขาแล้วกล่าวทักทายเขาก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน"

"ข้าไม่สนใจ" โหลชีส่ายหน้า เดินตามเข้าไปในจวนตระกูลหาน

ทันทีที่เข้าประตูมาก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจในที่ลับทั่วทุกมุม สงบนิ่ง เห็นได้ชัดว่าล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งนั้น ก็ไม่รู้ว่าเดิมทีจวนตระกูลหานแห่งนี้ก็มีการป้องกันเช่นนี้ตลอดอยู่แล้ว หรือมุ่งมาที่นางกับนายน้อยจ้าวคนนั้น แต่ในเมื่อมาแล้วก็จงอยู่อย่างเป็นสุข สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ----

นางหิวแล้ว นางได้กลิ่นอาหารอันเอร็ดอร่อย ไม่กินให้อิ่มท้องก่อนได้อย่างไร

เดินผ่านสวนดอกไม้ที่หิมะถูกกวาดไปจนสะอาดเกลี้ยง ขึ้นบันไดไปหกขั้น ก้าวข้ามธรณีประตูสูงเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง โหลชีตกตะลึงกับงานเลี้ยงหรูหราฟุ่มเฟือยของจวนตระกูลหานแห่งนี้

พวกเขานั่งลง สาวงามที่อยู่ข้างหลังก็เข้ามารินสุรา สุราสีใสกระทบอยู่ในถ้วยแก้วใสเบาๆ กลิ่นหอมของสุรากระทบจมูก

โหลชีอดชื่นชมคำหนึ่งไม่ได้: "สุราชั้นดี"

เจ้าบ้านหานหัวเราะเหอะๆแล้วกล่าวว่า: "ดูท่าคุณชายเจ็ดก็เป็นคนที่ชื่นชอบสุราเช่นกัน"

เฉิงสิบกล่าวเสียงเบา: "คุณชายอย่าดื่มมากนะ"

โหลชีแสดงออกว่าตอนนี้เฉิงสิบกำลังเดินก้าวใหญ่ไปในทิศทางของแม่บ้านแล้วจริงๆ

"มา นายน้อย คุณชายเจ็ด ขอบคุณสองท่านที่ไม่รังเกียจ ให้เกียรติกับข้า ข้าขอดื่มก่อนหนึ่งจอก" พูดจบ ก็ยกถ้วยสุราขึ้นดื่มหมดในรวดเดียว

นายน้อยจ้าวยกถ้วยสุราขึ้นถือเป็นการให้สัญญาณ ก็ดื่มหมดในรวดเดียวเช่นกัน

ตอนที่เขาวางถ้วยสุราลง โหลชีก็วางถ้วยเปล่าลงพอดีเช่นกัน สาวใช้ที่อยู่ด้านหลังเข้ามารินสุราอีกครั้ง

"กินอาหารกินอาหาร เมื่อครู่ตอนที่อยู่โรงพรรณยาคุณชายเจ็ดทำให้คนเปิดหูเปิดตาจริงๆ พวกเจ้ารีบกินก่อน ไม่อย่างนั้นอีกสักครู่คุณชายเจ็ดเล่าเรื่ององอาจกล้าหาญของเขาขึ้นมา พวกเจ้าต้องฟังจนลืมกินข้าวแน่นอน!" เจ้าบ้านหานกล่าว

โหลชีเลิกคิ้ว นางพูดเมื่อไหร่กันว่าจะเล่าเรื่ององอาจกล้าหาญของนาง? อีกอย่าง นางองอาจกล้าหาญหรือ? นางยังองอาจยอมเสียสละด้วยซ้ำ ถุยถุยถุย คำพูดไร้สาระอย่าถือสาเถิดนะสวรรค์

ขณะที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ในใจ นางก็หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วเริ่มชิมอาหารทุกอย่างไปด้วย

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นได้รับสัญญาณจากนาง ถึงได้หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารกิน ขณะที่โหลชีคีบไก่ขึ้นมาชิ้นหนึ่งกำลังจะส่งไปกัดที่ปาก จิ้งจอกม่วงเพื่อนร่วมชั้นวู๊วูก็ตื่นขึ้นมา มันใช้จมูกดมดูก่อน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาจากขาของโหลชี ตาก็มองเห็นไก่ที่มาถึงปากของโหลชีชิ้นนั้นทันที มันกระโดดขึ้นไปทันที อ้าปากแล้วกัดลงไป

วูวู หอมจัง!

โหลชีมองดูตะเกียบที่ว่างเปล่าของตัวเอง แล้วค่อยๆก้มหน้ามองไปทางจิ้งจอกม่วง บันดาลโทสะขึ้นมาทันที

"เจ้ากล้าดีอย่างไรมาชิงอาหารจากปากของข้า! ไม่ซ้อมเจ้าเจ้าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นนาย!" นางตบตะเกียบลงไปบนโต๊ะ ใช้มือคว้าจิ้งจอกม่วงขั้นมา

"วูวู----"

ในขณะที่จิ้งจอกม่วงเจ้าตัววู๊วูรีบเคี้ยวเนื้อที่อยู่ในปาก ก็มองดูนางด้วยท่าทางน่าสงสารไปด้วย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ