ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 230

หรือว่าท่านจินจะเคยปรากฏตัวใกล้กับบริเวณเมืองลั่วหยางแห่งนี้?

เช่นนั้น จิ้งจอกม่วงถูกแย่งมา แล้วท่านจินอยู่ที่ไหน?

เถ้าแก่จูได้สติกลับมา กระแอมไอลำคอ "ถ้าเช่นนั้น จิ้งจอกม่วงติดตามคุณชายเจ็ดเอง ก็อยู่ในการครอบครองของคุณชายเจ็ดแล้ว----"

"มากับข้า!"

จู่ๆเงาดำร่างหนึ่งก็เคลื่อนผ่านกลางอากาศ ชายผู้นั้นยื่นมือคว้าไปทางโหลชี

"คุณชาย!" เฉิงสิบกับโหลวซิ่นชักกระบี่ติดตัวออกมาพร้อมกัน กระบี่สองเล่มแทงไปทางหน้าอกของเขา

"ถอยไป พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!" โหลชีโยนจิ้งจอกม่วงไปทางมุมอีกครั้ง ยื่นมือไปคว้าสองคนนั้นเอาไว้แล้วดึงกลับมา

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น นางก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง แขนเสื้อของชายผู้นั้นม้วนขึ้นมา กระบี่สองเล่มถูกเขาม้วนเอาไว้ หลุดออกจากมือของเฉิงสิบกับโหลวซิ่นพร้อมๆกัน

ไม่ถึงหนึ่งกระบวนท่าก็ถูกคนอื่นชิงกระบี่สองเล่มไปแล้ว สีหน้าของเฉิงสิบกับโหลวซิ่นเปลี่ยนไปพร้อมกัน

"เจ้าหนุ่ม หรือเจ้าจะคิดว่าตัวเองจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้?" ชายชุดดำใช้สองมือจับกระบี่สองเล่มนั้นเอาไว้แล้วหักมัน กระบี่สองเล่มหักออกเป็นสี่ส่วน

โหลชียิ้มออกมา: "ไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้อย่างไร?"

ทันใดนั้นในมือของนางก็มีแส้สีทองดำปรากฏขึ้นมาเส้นหนึ่ง หวดไปทางใบหน้าของเขาอย่างแรง

ผู้ชายยื่นมือออกมาจับ คิดว่าจะสามารถจับแส้เอาไว้ได้ นึกไม่ถึงว่าแส้นั่นกลับลื่นหลุดออกไปจากฝ่ามือกะทันหัน ลื่นขนาดนี้ แต่ความรู้สึกตอนที่มือสัมผัสมันแข็งราวกับเหล็กชัดๆ

ชายหนุ่มตกตะลึง เขายังไม่เคยสัมผัสแส้ที่ให้ความรู้สึกทางมือสัมผัสแบบนี้มาก่อน หากว่ามันแข็งกล้า แล้วจะทำแส้ได้อย่างไร หากว่าเป็นแส้ แล้วจะเหมือนเหล็กได้อย่างไร?

ในขณะที่เขากำลังตกตะลึงอยู่ โหลชีใช้กำลังภายในเล็กน้อยสะบัดข้อมือ ปลายแส้ก็หวดไปทางใบหน้าของเขาราวกับงูอีกครั้ง

เสียงเพียะดังขึ้นมา

บนใบหน้าของชายหนุ่มมีรอยคราบเลือดปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย เขายื่นมือไปสัมผัสโดยสัญชาตญาณ แค่สัมผัสเบาๆ ผิวหนังกลับถลอกยาวออกมาชั้นหนึ่ง เลือดก็พุ่งออกมา ไหลนองเต็มหน้าเขาในชั่วพริบตา

โหลชีรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว เป่านกหวีดเสียงดังออกมา "คิดไม่ถึงว่าแผลที่ถูกแส้ของข้าหวดออกมาจะต่างไปจากแผลปกติ!"

นี่เป็นครั้งแรกที่นางพบว่าแส้นี้ยังมีพลังแบบนี้อยู่ น่าเสียดายที่แส้ของนางยังเป็นราชาเถาทองดำอันเดิม ยังไม่ได้ถูกดัดแปลงเป็นแส้ที่เหมาะมือตามที่นางต้องการจริงๆ มิเช่นนั้นนางเชื่อว่ามันจะต้องแสดงพลังที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่านี้ได้แน่

"รนหาที่ตาย" ใบหน้าของชายหนุ่มถูกทำให้เจ็บ โกรธจนถึงสุดขีด กระโดดลงจากขอบหน้าต่าง ใช้ฝ่ามือตบไปทางโหลชี: "ทำให้เจ้าพิการแล้วค่อยลากตัวกลับไปก็ไม่เป็นไร!" ระหว่างทางฝ่ามือนั่นกลับเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน จู่โจมมาทางหว่างขาของนาง

สีหน้าของโหลชีดำมืดลงมาทันที นี่เห็นนางเป็นผู้ชายจริงๆ คิดจะใช้กระบวนท่าที่ชั่วร้ายขนาดนี้?

"ต่ำช้า!" นางส่งกำลังภายในไปบนแส้ แส้นั่นเหยียดตรงราวกับกระบองยาวในทันที นางใช้มือจับอยู่บนที่จับของแส้ แล้วแทงไปมือของเขา

เพราะแส้นี้มีความแปลกประหลาด ผู้ชายไม่สามารถที่จะไม่เกรงกลัวได้ มือข้างนั้นหดกลับไปในทันที แต่เขาจะเก็บกระบวนท่ากลับไป ก็ใช่ว่าโหลชีจะเห็นด้วย ถอนกำลังภายในออกไป กระบองก็กลายเป็นแส้อีกครั้ง มือที่จับปลายแส้เอาไว้ยกขึ้นมา แส้นั่นก็พุ่งไปพันรอบข้อมือของเขาราวกับงู ในขณะที่ผู้ชายคอยระวังแส้ของนางอยู่ นางกลับปล่อยแส้ที่อยู่มือ ปล่อยให้มันร่วงหล่นไปบนพื้น

อย่าว่าแต่ผู้ชายคนนี้เลย แม้แต่เฉิงสิบกับโหลวซิ่นก็ยังไม่เคยเห็นใครที่ต่อสู้ด้วยวิธีแบบนี้เลย มีใครที่ไหนจะสมัครใจโยนอาวุธของตัวเองทิ้งไปในตอนที่กำลังได้เปรียบอยู่?

วิธีการต่อสู้ของโหลชีที่แหวกแนวเช่นนี้ ทำให้ผู้ชายคนนี้แทบจะทำอะไรไม่ถูกไปเล็กน้อย เพราะรู้ว่าวรยุทธของนางไม่ได้ด้อยกว่าตนเองเท่าไหร่นัก ดังนั้นความคิดแวบแรกของเขาก็คือนางมีกระบวนท่าพิเศษอะไรที่สามารถจะเอาชนะเขาได้ใช่ไหม

แต่สิ่งที่โหลชีต้องการก็คือความลังเลในชั่วพริบตาระหว่างการต่อสู้ของเขา ก่อนหน้าที่ผู้ชายคนนี้จะปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็ได้ใช้แรงกดดันที่มองไม่เห็นทำให้นางตื่นตัวแล้ว นางไม่แน่ใจว่าถ้าปะทะกันตรงๆแล้วตนเองจะสามารถเอาชนะเขาได้หรือไม่ ดังนั้นนางจึงได้แต่ใช้กระบวนท่าประหลาด ไม่ว่าวรยุทธของเขาจะสูงแค่ไหน ปฏิกิริยาตอบสนองจะเร็วแค่ไหน ก็คิดไม่ออกอย่างแน่นอนว่าเพราะอะไรนางถึงต้องทิ้งอาวุธของนาง ก็จะทำให้ลังเลไปชั่วขณะหนึ่ง

และในชั่วขณะนั้นเอง เข็มยาวในมือของนางแทงเข้าไประหว่างจุดฝังเข็มตรงบริเวณเอวของผู้ชายด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด

ถึงแม้ผู้ชายจะตอบสนองกลับมาในทันที ถึงแม้เขาจะส่งกำลังภายในไปสกัดกั้นในทันที เดิมทีโหลชีก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเท่าไหร่แล้ว ย่อมชิงลงมือไปก่อนแล้ว

เข็มยาวแทงลงไปตรงจุดฝังเข็มของเขา เขารู้สึกแค่ว่าร่างกายเริ่มชาขึ้นมาทันที ในใจรู้สึกสะดุ้งตกใจมาก

เวลานี้โหลชีก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา: "เฉิงสิบ โหลวซิ่น ปิดล้อมเขาเอาไว้!"

ผู้ชายได้ยินคำพูดประโยคนี้ของนางสีหน้าดำมืดมาก

"ฝากเอาไว้ก่อนเถิด"

เขาสูดลมหายใจเข้าๆเฮือกหนึ่ง กระโดดออกไปทางนอกหน้าต่าง มองไม่เห็นแม้แต่เงาอย่างรวดเร็ว

โหลชีเก็บเข็มเข้าไปในเข็มขัด กำลังจะก้มลงไปเก็บราชาเถาทองดำนั่น เงาร่างเล็กสีเงินม่วงกลับวิ่งเข้ามากะทันหัน ใช้อุ้งเท้าหน้าม้วนราชาเถาทองดำนั่นจากนั้นก็ใช้ปากคาบขึ้นมา เงยหน้าเข้าไปใกล้หน้าของนาง

ในดวงตาที่ประกายสดใสนั่นแสดงถึงการเอาอกเอาใจอย่างชัดเจน

โหลชีหมดคำพูด

นี่คือกลัวว่านางจะไล่มันไป ดังนั้นก็เลยประจบสอพลอ?

นางเก็บราชาเถาดำกลับมา ตบไปที่หัวของมันเบาๆ "ตามพี่ชายคนนั้นไปล้างตัวให้สะอาดแล้วค่อยกลับมา" นางชี้ไปที่โหลวซิ่น

โหลวซิ่นพูดไม่ออก เขาเป็นมนุษย์ มันเป็นจิ้งจอก เขากลายเป็นพี่ชายของมันเมื่อไหร่กัน?

จิ้งจอกม่วงกลับวิ่งไปข้างกายเขาในทันที เห็นเขาไม่ยอมขยับ ยังใช้อุ้งเท้าไปแตะตัวเขา

มุมปากของเฉิงสิบกระตุกขึ้นมา: "คุณชาย จิ้งจอกม่วงนี่ช่างมีสติปัญญาจริงๆ"

"พามันไปด้วยแล้วกัน จนกว่าจะหาท่านจินพบ"

"ผู้ชายคนเมื่อกี้ ข้าน้อยก็ไม่รู้เป็นใคร" เฉิงสิบรู้สึกละอายใจเล็กน้อย

โหลชีพยักหน้า "ไม่เป็นไร ไม่รู้ก็ไม่รู้ เจ้าก็ไม่ใช่จะรอบรู้ไปซะทุกเรื่อง วรยุทธของเขาสูงมาก เจ้ากับโหลวซิ่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา หากว่าไปเจอเข้าจริงๆ ทุกอย่างให้รักษาชีวิตเอาไว้เป็นที่ตั้ง ข้าไม่อยากให้พวกเจ้าพลีชีพไปอย่างโง่เขลา เข้าใจไหม?"

วรยุทธของผู้ชายคนนั้นสูงมาก สูงกว่านางเล็กน้อย หากไม่ใช่ว่านางใช้กระบวนท่าแปลกประหลาด เกรงว่าคงไม่สามารถแทงถูกเขาได้ และหลังจากที่เขาถูกนางแทงเข้าที่จุดฝังเข็มแล้วกลับไม่ได้ชาไปหมดทั้งตัว ยังสามารถถอนตัวออกไปได้นั่นก็แสดงว่ากำลังภายในของเขาลึกล้ำมาก

ในใจเฉิงสิบอบอุ่นขึ้นมา

โหลชีช่วยเขาเอาไว้สองครั้งแล้ว และช่วยโหลวซิ่นไปหนึ่งครั้ง การกระทำของนางที่ไม่ยอมละทิ้งพวกเขาในหุบเทพมารทำให้พวกเขารู้สึกซาบซึ้งประทับใจ นางมักจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้เป็นแค่เพียงองครักษ์เท่านั้น ยังเป็นคนที่นางต้องการและห่วยใย ดังนั้นพวกเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกว่า การติดตามนางเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่พวกเขาเคยทำในชีวิตนี้

การเปลี่ยนแปลงเมื่อครู่นี้ทำให้คนที่อยู่ด้านล่างตกตะลึง ต่อมาผู้ชายคนนั้นก็เข้ามาสู้ในห้องส่วนตัวของโหลชี คนที่อยู่ห้องโถงชั้นหนึ่งไม่มีใครมองเห็น ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผ่านไปชั่วครู่เดียว ชายในชุดคลุมสีดำก็จากไปอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางที่แข็งทื่อเล็กน้อย นั่นหมายความว่า วรยุทธของคุณชายเจ็ดสูงกว่าผู้ชายคนนั้นเสียอีก

คนที่ตกตะลึงที่สุดก็คือเถ้าแก่จู

วรยุทธของผู้ชายคนนั้นสูงมากแค่ไหนเขารู้ดี ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของคนคนนั้น ก่อนหน้านั้นแม้แต่นายน้อยของพวกเขาก็ยังพ่ายแพ้ให้กับผู้ชายคนนั้น คุณชายเจ็ดท่านนี้กลับบีบให้เขาออกไปในช่วงเวลาที่สั้นขนาดนี้ได้?

ในความเป็นจริง ผู้ชายคนนั้นก็แค่กังวลมากเกินไป กลัวว่าเข็มของนางจะมีพิษร้ายแรง ดังนั้นจึงไม่กล้าสู้ต่อก็เท่านั้น หากว่าเขาไม่ติดกับ จะต่อกรกับนางจนถึงที่สุดจริงๆ ไม่แน่ว่านางจะสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย

นางมีเข็มเงินติดตัว แต่ไม่มีเข็มพิษ

แต่ตอนนี้โหลชีรู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องทำเข็มพิษเพื่อใช้ป้องกันตัวแล้ว นางจะไม่โอหังจนนึกว่าตนเองไร้เทียมทานในใต้หล้า เหมือนวิธีการเมื่อครู่นี้ หากว่าเจอกับคนที่จิตใจแข็งแกร่งและฉลาดนิดหน่อยต้องอันตรายแน่นอน หากลงมือโดยตรงในช่วงที่นางปล่อยมือออกจากแส้กำลังมึนงงอยู่ นางหลบออกไปได้ยากมาก

แต่ว่าคืนนี้โหลชีให้คนนอกได้เห็นชัยชนะที่รวดเร็วเช่นนี้ ตอนนี้ชื่อเสียงของนางคงแพร่ออกไปในเมืองลั่วหยางแห่งนี้แล้ว ไม่นานก็จะแพร่กระจายออกไป ถึงเวลานั้น คนในโลกจะได้รู้ว่ามีคุณชายเจ็ดอยู่ท่านหนึ่ง ขายหญ้าเทียนจีไปไม่กี่ต้น ตอนนี้ร่ำมหาศาล และยังสามารถทำให้จิ้งจอกม่วงที่มีสติปัญญามากติดตามนางด้วยตัวมันเองอย่างแปลกประหลาด

ข่าวเช่นนี้เมื่อแพร่ออกไปแล้ว จะต้องมีคนมากมายเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหวทั้งในที่ลับและที่แจ้งแน่นอน มาเพื่อเงินของนาง หรือมาเพื่อจิ้งจอกม่วง หรือบางทีอาจจะมีคนคิดว่านางยังมีหญ้าเทียนจีอยู่อีก

เชื่อว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็รู้สึกถึงกำลังภายในอันทรงพลังที่ผู้ชายคนนั้นปล่อยออกมากดดันเมื่อครู่นี้ พวกเขารู้ว่านั่นคือยอดฝีมือคนหนึ่ง

แต่ยอดฝีมือก็พ่ายแพ้ให้กับคุณชายเจ็ดภายในไม่กี่กระบวนท่า นั่นหมายความว่า คุณชายเจ็ดคนนี้ถึงจะเป็นคนที่มีวรยุทธลึกล้ำยากที่จะหยั่งถึงได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างน้อยก็สามารถยั้งคนส่วนใหญ่ที่มีเจตนาไม่ดีเอาไว้ อย่างน้อยที่สุด นางก็คงจะไม่ต้องรับมือกับพวกแมลงหวี่แมลงวันอะไรพวกนั้นมากจนเกินไป

เถ้าแก่จูที่อยู่ด้านล่างถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ มีคนไม่น้อยที่สงสัยอยากรู้เรื่องของคุณชายเจ็ดท่านนี้ เปิดโหมดปาปารัสซี่ อยากเค้นถามข้อมูลให้มากยิ่งขึ้น

โหลวซิ่นพาจิ้งจอกม่วงกลับมา โหลชีอุ้ม จิ้งจอกม่วงมาด้วยตัวเอง ลูบขนที่อ่อนนุ่มของมันอย่างแผ่วเบา แล้วก็เดินออกไป

ลูกศิษย์ทำยารีบเร่งเดินเข้ามา เดิมทีเขาก็รออยู่ตรงนี้อยู่ตลอด รอให้โหลชีเรียกใช้

"คุณชายเจ็ดต้องการจะจากไปแล้วใช่ไหม?"

"อืม พาข้าออกไปทางประตูหลังเถิด ข้าเห็นว่าข้างหน้ามันคึกคักเกินไป"

ลูกศิษย์ทำยาเผยสีหน้าเข้าใจ "คุณชายเจ็ดเชิญตามข้ามา"

เดินผ่านระเบียงยาวที่ปูด้วยไม้กระดานด้านหลัง จู่ๆโหลชีก็หยุดฝีเท้าลงมากะทันหัน เห็นชายเสื้อแวบผ่านไปด้านหลังของประตูวงพระจันทร์ที่อยู่ข้างหลัง

"คุณชาย?" เฉิงสิบถามเสียงเบา

"ไปเถิด" โหลชีส่ายหน้า เดินออกไปจากประตูหลัง

กลับไปถึงโรงเตี๊ยมลั่วหยาง โหลชีมองไปที่ประตูห้องที่ปิดแน่นหนาของหยุนเฟิงครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เดินเข้าไป เคาะประตูไปสองที ไม่มีคนตอบรับ

"คุณชายคงไม่ได้คิดจะให้คุณชายหยุนลงมือทำแม้กระทั่งมื้อดึกใช่ไหม?" เฉิงสิบโศกเศร้าขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว กลับมาก็กลับมาสิ ยังจะไปเคาะประตูห้องของเขาอีกทำไม?

โหลชีเหลือบมองเขาอย่างเหมือนยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มครู่หนึ่ง เฉิงสิบรู้สึกร้อนตัวขึ้นมาทันที

"เจ้าไม่พูดข้ายังไม่รู้สึกนะ พอเจ้าพูดข้าก็รู้สึกหิวขึ้นมาเลย เฉิงสิบ เจ้าไปต้มบะหมี่มาหน่อยเถิด"

"เอ๋? ข้าน้อยไปต้ม?"

"ใช่ จู่ๆตอนนี้ข้าก็อยากจะกินบะหมี่ที่เจ้าต้มเองกับมือ"

เฉิงสิบทำหน้ามุ่ย: "คุณชาย ข้าน้อยต้มบะหมี่ไม่เป็น"

"คุณชายเจ็ดจะกินบะหมี่หรือ?" เสียงอ่อนโยนนิ่มนวลดังขึ้นมา นายบ่าวเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงหานเสี่ยวจูพาสาวใช้ของนางติงเซียงเอ๋อร์เดินมาทางนี้อย่างรวดเร็ว

มุมปากของโหลชีกระตุกขึ้นมา

แววตาสดใสของหานเสี่ยวจูมองไปที่โหลชี แล้วเบนสายตาไปที่จิ้งจอกม่วงนั่น กล่าวขึ้นมาอย่างอิจฉามาก: "คิดไม่ถึงว่าจิ้งจอกม่วงจะยอมให้คุณชายเจ็ดเป็นนายด้วยตัวมันเองได้"

จิ้งจอกม่วงนอนหมอบอยู่ในอ้อมแขนของโหลชีอย่างว่าง่าย ตอนนี้กำลังนอนหลับสนิทอยู่ ตัวของมันใหญ่กว่าแมวเล็กน้อย โหลชีอุ้มมันเอาไว้ มือข้างหนึ่งลูบไปที่ขนของมันอย่างไม่ใส่ใจ ประกอบกับบุคลิกที่ดูผ่อนคลายสบายๆของนาง ดูแล้วมีเสน่ห์ที่ดูลึกลับมากกว่าตอนที่ไม่ได้อุ้มจิ้งจอกม่วงเอาไว้

หัวใจของหานเสี่ยวจูเต้นตึกตักขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ